อิมามอะลี (อ.) ในมุมมองของนักปราชญ์ตะวันตก
อิมามอะลี (อ.) ในมุมมองของนักปราชญ์ตะวันตก

เพียงแค่คำสั่งเสียบางส่วนที่ผมได้เล่าให้นักศึกษาคนนั้นฟัง ผมสังเกตเห็นน้ำตาของเธอหลั่งไหลออกมาในขณะที่เธอกำลังรับฟังคำสั่งเสียต่าง ๆ ด้วยเหตุนี้เอง นักศึกษาคนนั้นจึงเข้าใจว่าเหตุใดผมจึงประทับใจในบุรุษที่ชื่อ อะลี

     อิมามอะลีคือ มหาบุรุษผู้ยิ่งใหญ่คนหนึ่งของอิสลาม แม้แต่นักปรัชญาทั้งตะวันออกและตะวันตกต่างก็ยอมรับบุคคลิกภาพของท่าน

     โรเจอร์ กาโรดี" นักปรัชญาผู้มีชื่อเสียงชาวฝรั่งเศส พูดถึงความทรงจำเกี่ยวกับความรักผูกพันของเขาที่มีต่อท่านอิมามอะลี (อ.) ว่า “ท่านอะลี (อ.) เป็นบุคคลที่ไม่มีใครเหมือน ที่ในตลอดช่วงแห่งเวลาประวัติศาสตร์ไม่มีใครเทียบเคียงท่านได้”

     "โรเจอร์ กาโรดี" (Roger Garaudy) นักปรัชญาผู้มีชื่อเสียงชาวฝรั่งเศส หลังจากศึกษาค้นคว้าศาสนาต่างๆ จึงได้ตัดสินใจเข้ารับศาสนาอิสลามในปี ค.ศ. 1982 และได้ตั้งชื่ออิสลามของตนว่า "ฮาจญ์มุฮัมมัด ร่อญาอ์" และจากการศึกษาค้นคว้าอย่างต่อเนื่องทำให้เขาค้นพบการกุเรื่องเท็จเกี่ยวกับการฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ชาวยิว (Holocaust) โดยชาวไซโอนิสต์ และได้เปิดโปงโฉมหน้าที่แท้จริงของเรื่องเท็จแห่งประวัติศาสตร์นี้   

    ศาสตราจารย์โรเช่ การูดี (Roger Garaudy, 1913-2012) นักปรัชญาชาวฝรั่งเศส เล่าถึงประสบการณ์การสอนของเขาในครั้งหนึ่งว่า:

    วันหนึ่งในขณะที่ผมสอนหนังสืออยู่ที่มหาวิทยาลัยซอร์บอนอันเลื่องชื่อของฝรั่งเศส มีนักศึกษามาถามผมว่า ‘ท่านเป็นอาจารย์คนหนึ่งที่ดิฉันพยายามติดตามงานเขียนและร่วมฟังบรรยายของท่านอยู่ตลอดเวลา มีสิ่งหนึ่งที่ดิฉันสังเกตคือ ท่านมักจะพูดถึงชื่อของบุคคลสำคัญของมุสลิมที่ชื่อ "อะลี" ใครคืออะลี แล้วทำไมเขาถึงสร้างความประทับใจให้ท่านได้ถึงขนาดนี้’ ผมบอกเธอไปว่า อะลี เป็นลูกพี่ลูกน้องของศาสดาแห่งอิสลาม และเป็นสามีของบุตรีของท่าน อีกทั้งยังเป็นแม่ทัพและเป็นบุคคลสำคัญอันดับสองในอิสลามหลังจากมุฮัมมัด และเป็นตัวแทนของท่าน ฉะนั้น อะลีจึงเป็นบุคคลสำคัญที่หาที่ไม่มีใครเสมอเหมือน

    ผมขอถามคุณสักนิด เพื่อที่คุณจะได้เข้าถึงถึงสถานภาพ หรือส่วนเล็ก ๆ น้อย ๆ จากบุคคลสำคัญท่านนี้ หากว่าคุณข้ามถนนแล้วมีรถมาชน จะเกิดอะไรขึ้น เธอตอบว่า ‘ดิฉันก็ต้องตายหรือไม่ก็หมดสติไป’ ผมกล่าวต่อไปว่า ดี แล้วหากว่าคุณตกลงมาจากตึกชั้นสี่ล่ะ เธอก็ตอบด้วยคำตอบเดิม คือ หากไม่ตายก็คงหมดสติ ผมจึงกล่าวต่อว่า บุรุษผู้นี้ถูกฟันด้วยดาบในขณะที่ท่านกำลังก้มกราบพระผู้เป็นเจ้าในขณะที่ทำการนมัสการ ซึ่งบาดแผลของท่านลึกลงไปจนถึงส่วนในของกะโหลกศีรษะ กล่าวคือ บาดแผลมันลึกลงไปจนถึงสมอง แล้วคุณคิดว่าท่านจะมีสภาพอย่างไร เธอตอบว่า ‘เขาจะต้องตายในทันใดหรือไม่อย่างดีก็สิ้นสติ’ ผมจึงบอกเธอว่า ลองคิดดู บุรุษท่านนี้มิได้เสียชีวิตในทันใด อีกทั้งยังไม่เสียสติสัมปชัญญะ ทั้ง ๆ ที่ดาบฟันลงไปถึงสมองของท่าน สมองที่เก็บรักษาวิทยปัญญาและคลังความรู้ โดยที่ท่านไม่เสียสติหรือประสบกับสภาพที่ผู้คนทั่ว ๆ ไปต้องประสบ และหลังจากที่ถูกฟันเพียงวันเดียวท่านก็กล่าวคำสั่งเสียแก่หะซัน บุตรคนโตของท่าน ทั้ง ๆ ที่ท่านนอนป่วยอยู่บนเตียงในสภาพที่ใกล้ตายด้วยบาดแผลที่ลึกลงไปถึงด้านในของสมอง คำสั่งเสียของท่านในวันนั้นถือได้ว่าเป็นคำสั่งเสียที่ดีที่สุดที่มรดกทางปัญญาของมนุษย์ได้รับรู้มาในหน้าประวัติศาสตร์ เป็นคำสั่งเสียที่รวบรวมไว้ซึ่งวิทยปัญญา คำสอน และความเมตตา ท่านบันทึกคำสั่งเสียที่งดงามนั้นด้วยสติสัมปชัญญะที่สมบูรณ์ ในฐานะของบิดาคนหนึ่งที่ทำการสั่งเสียบุตรของเขา ท่านกล่าวกับหะซัน บุตรของท่านว่า

    "โอ้ลูกเอ๋ย จงปฏิบัติอย่างนิ่มนวลต่อเชลยของเธอ (ฆาตรกร) จงแสดงความเมตตาต่อเขา ปฏิบัติดีต่อเขา และแสดงความกรุณาต่อเขา ด้วยสิทธิที่พ่อมีต่อเธอ โอ้ลูกเอ๋ย จงมอบอาหารให้แก่เขาจากอาหารที่เธอกิน จงมอบน้ำที่เธอดื่มให้เขาดับกระหาย และจงอย่าพันธนาการมือและเท้าของเขาด้วยโซ่ตรวน และหากว่าพ่อตายไปก็จงลงโทษเขาด้วยการฟันเพียงครั้งเดียว (เพื่อเป็นการบังคับใช้กฎหมายอย่างยุติธรรม) แต่จงอย่าเผาเขาด้วยไฟ และอย่าทำลายศพของเขา เพราะพ่อเคยได้ยินท่านตาของเธอ ศาสนทูตแห่งพระเจ้า กล่าวว่า พวกท่านจงอย่าทำลายศพ ถึงแม้ว่าจะเป็นศพของสุนัขที่ดุร้าย แต่หากพ่อรอดชีวิตพ่อก็มีสิทธิที่สุดที่จะอภัยให้แก่เขา และพ่อนั้นรู้ดีในสิ่งที่พ่อกระทำ พ่อขอสั่งเสียเธอทั้งสอง (หะซันและหุเซน) ให้ยึดมั่นในการยำเกรงต่อพระเจ้า และจงอย่าถวิลหาโลกใบนี้ถึงแม้ว่ามันจะถวิลหาเธอทั้งสอง และจงอย่าโศกเศร้าเสียใจในสิ่งที่เธอสูญเสียไปในมัน จงกล่าวในสิ่งที่เป็นสัจธรรมและจงปฏิบัติเพื่อผลตอบแทน (จากพระเจ้า) จงเป็นศัตรูต่อผู้อธรรมและจงเป็นผู้ให้การช่วยเหลือต่อผู้ถูกกดขี่..."

    การูดีกล่าวต่อไปว่า

    "เพียงแค่คำสั่งเสียบางส่วนที่ผมได้เล่าให้นักศึกษาคนนั้นฟัง ผมสังเกตเห็นน้ำตาของเธอไหลหลั่งออกมาในขณะที่เธอกำลังรับฟังคำสั่งเสียต่าง ๆ ด้วยเหตุนี้เอง นักศึกษาคนนั้นจึงเข้าใจว่าเหตุใดผมจึงประทับใจในบุรุษที่ชื่ออะลี”


บทความ : เชคมุฮัมมัดนาอีม ประดับญาติ

Copyright © 2024 SAHIBZAMAN.NET- สื่อเรียนรู้สำหรับอิสระชนคนรุ่นใหม่

ผู้เยี่ยมชมอยู่ขณะนี้

มี 264 ผู้มาเยือน และ ไม่มีสมาชิกออนไลน์ ออนไลน์

27430482
Today
Yesterday
This Week
Last Week
This Month
Last Month
All days
1230
11119
53958
27283198
286909
287144
27430482

พฤ 23 ต.ค. 2025 :: 01:27:28