ในกรณีของอัล-กุดส์ เราจะพบสถานะทางภูมิศาสตร์ที่เป็นพิเศษบนโลกที่ถูกประทานโดยผ่านบรรดาศาสดาและภายใต้แผนการแห่งพระเจ้า และจากสถานะทางภูมิศาสตร์นี้ ประวัติศาสตร์ได้ถูกสร้างขึ้นซึ่งได้ก่อให้เกิดท่าทีต่าง ๆ ที่เป็นคุณหรือเป็นโทษต่อสถานะทางภูมิศาสตร์นี้ และที่ตั้งทางภูมิศาสตร์นี้ได้กลายเป็นศูนย์กลางหลักของชะตากรรมของโลกในยุคสุดท้าย
ในยุคที่ศัตรูในภูมิภาคและนอกภูมิภาคพยายามบรรลุเป้าหมายโดยสร้างความแตกแยกและความเกลียดชังในหมู่ชาวมุสลิมด้วยเครื่องมือต่างๆ รวมถึงสื่อและเครือข่ายโซเชียลนั้น "อัรบาอีน" ในฐานะเครื่องมือทางวัฒนธรรมที่ทรงพลังสามารถต่อต้านความพยายามเหล่านี้ของเหล่าศัตรูได้ ...
โลกที่เราอาศัยอยู่ทุกวันนี้กำลังเคลื่อนไปสู่อนาคตที่แตกต่างจากปัจจุบัน ด้วยความเร็วที่ไม่ธรรมดา ในระหว่างนี้มหาอำนาจที่หยิ่งผยองของโลกทั้งหลายก็กำลังซ่อนอยู่ในเงามืดพยายามอย่างแข็งขันเพื่อสร้างต้นแบบอารยธรรมให้กับทุกประเทศในโลกโดยมีเป้าหมายไปในทิศทางของการล่าอาณานิคมและการแสวงประโยชน์เข้าตนเอง ในทางตรงกันข้ามอิสลามกำลังนำมนุษยชาติไปสู่อารยธรรมที่สดใสและมีชีวิตชีวาด้วยโปรแกรมและต้นแบบที่ครอบคลุมการใช้ชีวิตของมนุษย์ทั้งหมด
หากด้วยการลอบสังหารชะฮีดเชคอะห์มัด ยาซีน, ชะฮีดอายะตุลลอฮ์รออีซี, ชะฮีดกอซิม สุไลมานี และชะฮีดคนอื่น ๆ ของเส้นทางที่เต็มไปด้วยแสงสว่าง (นูร) และเกียรติยศนี้ สามารถทำให้การขับเคลื่อนไปสู่ทิศทางการบรรลุเป้าหมายและอุดมคติในการปลดปล่อยปาเลสไตน์หยุดลงได้ สิ่งเดียวกันนี้ก็คงจะเกิดขึ้นกับกรณีการลอบสังหารที่ขี้ขลาดและน่ารังเกียจที่กระทำต่อชะฮีดอิสมาอีล ฮะนียะฮ์ ด้วยเช่นกัน! ทว่ามันไม่เป็นไปเช่นนั้น
พระผู้เป็นเจ้าทรงยืนกรานที่จะทำให้ผู้ศรัทธาทั้งหลายเข้าใจว่า พวกเขาไม่ควรอ่อนแอและโศกเศร้าเมื่อเผชิญกับปัญหาที่ยากลำบากและหนักหน่วงในชีวิต ทว่าพวกเขาควรรับรู้ถึงแบบแผนของพระเจ้า และดำเนินตามแบบแผนเหล่านี้ และรู้ว่า ปัญหาทั้งหมดเหล่านี้เป็นการทดสอบจากพระผู้เป็นเจ้าเพื่อเสริมสร้างความศรัทธาและทำให้พวกเขาเข้มแข็งขึ้น ...
ประวัติศาสตร์อารยธรรมแสดงให้เห็นว่า ชาวยิวไซออนิสต์อาศัยอยู่ในประเทศต่างๆ และแม้แต่บางทีบรรพบุรุษของพวกเขาไม่ได้อาศัยอยู่ในปาเลสไตน์ด้วยซ้ำ แต่อาศัยอยู่ในอียิปต์และเมืองอื่นๆ อะไรคือเหตุผลในการขับไล่ชาวปาเลสไตน์ออกจากดินแดนของตนโดยข้ออ้างที่ว่า "การจัดตั้งรัฐใหม่ ? ...
การที่ประชาชนจำนวนมากได้ให้การบัยอัต (สัตยาบัน) ต่ออับดุลลอฮ์ อิบนิซุบัยร์ ซึ่งในช่วงเวลานั้นเขาพำนักอยู่ในนครมักกะฮ์ และกล่าวอ้างตนเป็นค่อลีฟะฮ์ (ผู้ปกครอง) ของอิสลาม ในคำรายงานนี้ ประเด็นหลักก็คือ ชาวมะดีนะฮ์เนื่องจากการให้สัตยาบันต่ออับดุลลอฮ์ อิบนิซุบัยร์ พวกเขาจึงลุกขึ้นต่อต้านยะซีด ประจักษ์พยานในเรื่องนี้ก็คือภายหลังจากเหตุการณ์ "ฮัรเราะฮ์" อิบนิซุบัยร์ได้กล่าวกับบรรดาสหายของตนว่า "มิตรสหายของพวกท่านได้ถูกสังหารในเหตุการณ์ครั้งนี้"
ในในความเชื่อของคริสเตียนไซออนิสต์ การก่อตั้งรัฐยิวในปาเลสไตน์จะนำไปสู่การปรากฏตัว (เสด็จกลับมา) ของพระเยซูคริสต์ กษัตริย์ชาห์แห่งอิหร่านก็เป็นหนึ่งในตัวแทนของพวกไซออนิสต์ บุคคลแรกที่ต่อต้านแนวคิดนี้อย่างเปิดเผยคือท่านอิมามโคมัยนี (ร.ฎ.) ในสุนทรพจน์หลายครั้ง ท่านได้เรียกร้องว่า อย่าปล่อยให้อเมริกาและอิสราเอล (ซึ่งสนับสนุนแนวคิดคริสเตียนไซออนิสต์) แทรกแซงในปัญหาต่างๆ ของอิหร่าน
มุสลิมควรมอบหมายและให้ความไว้วางใจต่อพระผู้เป็นเจ้าเพียงเท่านั้น พระผู้เป็นเจ้ายังได้ทรงตรัสไว้ว่า จงอย่าปฏิบัติตามความใคร่และความปรารถนาต่างๆ ของชาวยิวและชาวคริสต์ ดังนั้นเราจำเป็นต้องเชื่อฟังคำสั่งของพระผู้เป็นเจ้า แท้จริงแล้วมันกำลังเตือนเราว่า โอ้ชาวมุสลิมเอ๋ย! โดยการปฏิบัติตามกลุ่มประเทศตะวันตกที่สนับสนุนรัฐยิวของอิสราเอลนั้น จะไม่ทำให้พวกเจ้าไปถึงไหนได้ นอกจากจะทำให้เกิดความขัดแย้งระหว่างพวกเจ้ามากยิ่งขึ้น
มี 619 ผู้มาเยือน และ ไม่มีสมาชิกออนไลน์ ออนไลน์