การลอบสังหารอิสมาอีล ฮะนียะฮ์ในกรุงเตหะรานไม่สามารถหยุดมือที่เหนือกว่าของอิหร่านในภูมิภาคนี้ได้ ความท้าทายด้านความมั่นคงที่เกิดขึ้นด้วยลักษณะเฉพาะนี้สามารถนำมาซึ่งความสำนึกเสียใจที่แสนเจ็บปวดสำหรับอิสราเอล ...
ข่าวอันขมขื่นเกี่ยวกับการเป็นชะฮีด (มรณะสักขี) ของอิสมาอีล ฮะนียะฮ์ เป็นเรื่องที่น่าตกใจและน่าประหลาดใจ หนึ่งในผู้นำการต่อต้านที่มีชื่อเสียงที่สุดซึ่งสามารถมีบทบาทที่ไม่มีใครเหมือนได้ในอนาคตของฉนวนกาซา แต่สิ่งสำคัญกว่าจุดเป้าหมายของการลอบสังหาร คือสถานการณ์ขณะนี้และเมื่อพิจารณาถึงองค์ประกอบของเวลาและสถานที่ ซึ่งเพิ่มความซับซ้อนและความคลุมเครือในการลอบสังหารครั้งนี้ ในเรื่องนี้ มีหลายประเด็นที่ต้องกล่าวถึง :
- แม้ว่าอิสมาอีล ฮะนียะฮ์จะถือเป็นผู้นำทางการเมืองของฮามาส แต่ขณะเดียวกันเขาก็ถือว่าเป็นพลเรือน (ไม่ใช่ทหาร) และอยู่นอกสนามด้วยเช่นกัน เขาเป็นนักวิชาการ นักการศาสนาและนักการเมือง ซึ่งในสมัยหนึ่งเขาเคยดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีองค์การบริหารแห่งชาติปาเลสไตน์ (Palestinian National Authority) ดังนั้นเขาจึงทำหน้าที่เป็นแขนสำคัญของกลุ่มฮามาสในโลกแห่งการเมือง ซึ่งกลุ่มฮามาสต้องการมันอย่างเร่งด่วนและสำคัญยิ่งในอีกไม่กี่เดือนข้างหน้า และการไม่มีอิสมาอีล ฮะนียะฮ์อยู่อีกแล้วนั้นจะเป็นเรื่องยากลำบากสำหรับกลุ่มฮามาสในยุคหลังสงครามกาซาอย่างแน่นอน ในช่วงเดือนที่ผ่านมา การเจรจาลับหลายครั้งได้เริ่มวาดแผนที่การเมืองใหม่ของฉนวนกาซา
- ด้วยการมีอยู่ของบุคคลสำคัญทางทหารและไม่เปิดเผยตัวของกลุ่มฮามาส อย่างเช่น มุฮัมมัด ฎ็อยฟ์, มัรวาน อีซา, ยะห์ยา ซันวาร์, อบูอุบัยดะฮ ฯลฯ ซึ่งมีบทบาทโดยตรงในปฏิบัติการเดือนตุลาคมและวางแผนการโจมตี "พายุอัล-อักซอ" อิสราเอลจึงไม่ถือว่าการลอบสังหารอิสมาอีล ฮะนียะฮ์ เป็นสิ่งจำเป็นในลำดับต้นๆ ของตน แต่มาตอนนี้อิสราเอลได้ยื่นมือมาสู่การปฏิบัติการลอบสังหารเช่นนี้ แสดงให้เห็นว่าเป้าหมายหลักของการลอบสังหารคือเตหะราน และนั่นก็ด้วยการเปลี่ยนสนามจากพื้นที่ทางทหารที่ล้มเหลว - โดยเฉพาะภาคเหนือของปาเลสไตน์ที่ถูกยึดครอง - ไปเป็นพื้นที่ด้านความมั่นคงและข่าวกรอง พวกเขาตัดสินใจที่จะกดดันสาธารณรัฐอิสลามแห่งอิหร่านเนื่องจากการให้การสนับสนุนพิเศษและมีประสิทธิภาพต่อกลุ่มฮิซบุลลอฮ์
- เป้าหมายอีกประการหนึ่งของการลอบสังหารชะฮีดอิสมาอีล ฮะนียะฮ์ คือ เพื่อกระตุ้นให้เกิดความไร้เสถียรภาพด้านความมั่นคงในกรุงเตหะราน ในความเป็นจริงแล้ว โดยการสังหารผู้นำอาวุโสคนหนึ่งของกลุ่มฮามาสในกรุงเตหะรานนี้ อิสราเอลได้เริ่มต้นปฏิบัติการใหม่ ซึ่งเกิดขึ้นภายหลังความพ่ายแพ้ที่หนักหน่วงต่อยุทธศาสตร์ของอิหร่าน หลังจากปฏิบัติการพายุอัล-อักซอ ขณะนี้อิสราเอลพึงพอใจที่จะยอมยุติสงครามฉนวนกาซาด้วยการทำลายศักดิ์ศรีของอิหร่าน แต่การลอบสังหารโดยมุ่งเป้าไปที่บุคคลที่ไม่ได้ซ่อนการเคลื่อนไหว (ไปไหนมาไหน) ของตนนั้นไม่ใช่เรื่องล้ำลึกเกินหยั่งถึงและซับซ้อนอะไรมากนัก ที่จะเปลี่ยนมุมมองของมหาอำนาจในภูมิภาคและแกนต่อต้านที่มีต่ออิหร่าน บรรดาผู้ที่คุ้นเคยกับวิธีการทำงานและการปฏิสัมพันธ์ของชะฮีดฮะนียะฮ์ต่างรู้ดีว่าการลอบสังหารเขาไม่ใช่เป้าหมายที่ยากอะไร และไม่สามารถจะถือเป็นความสำเร็จสำหรับระบอบไซออนิสต์หรือความล้มเหลวสำหรับสาธารณรัฐอิสลามแห่งอิหร่านได้ การลอบสังหารดังกล่าวเกิดขึ้นหลายครั้งกับผู้นำกลุ่มฮามาสในภูมิภาคต่างๆ ตัวอย่างเช่น เมื่อวันที่ 19 มกราคม พ.ศ. 2553 "ฮะมูด อับดุรรออูฟ อัล มับฮูห์" หนึ่งในผู้บัญชาการระดับสูงของกลุ่มฮามาสและเป็นหนึ่งในผู้ก่อตั้งกองพัน
"อิซซุดดีน อัล-ก็อซซาม" สาขาทางทหาร ถูกอิสราเอลลอบสังหารที่โรงแรม โรตานา (Rotana Hotels) ในดูไบ
- การลดบทบาทตัวกลางและสำคัญของอิหร่านในกลุ่มต่อต้านและเติมข่าวลือบางอย่างเป็นอีกเป้าหมายหนึ่งของการลอบสังหารชะฮีดฮะนียะฮ์ในกรุงเตหะราน ซึ่งแน่นอนว่าจะกลายเป็นความพ่ายแพ้ครั้งใหญ่สำหรับระบอบไซออนิสต์ในไม่ช้า เนื่องจากในด้านหนึ่ง พิธีศพของชะฮีดผู้นี้ในกรุงเตหะราน รวมถึงการแก้แค้นที่จะต้องเกิดขึ้นอย่างแน่นอนของอิหร่าน จะดึงดูดความสนใจมายังประเทศอิหร่านมากยิ่งขึ้นอีกครั้ง และในอีกด้านหนึ่ง กรณีของการลอบสังหารนี้สามารถใช้เป็นเครื่องมือในการสร้างแรงกดดันต่ออิสราเอลในมือของอิหร่านได้ ชะฮีดผู้นี้มีหนังสือเดินทางทางการเมืองที่ได้ออกโดยรัฐบาลกาตาร์ และสามารถเป็นเวทีสำหรับการรวมตัวกันที่มากขึ้นในภูมิภาคเพื่อสนับสนุนกลุ่มต่อต้าน
ท้ายที่สุด จำเป็นต้องกล่าวว่า : การลอบสังหารครั้งนี้เกิดขึ้นจากความสิ้นหวังและไม่อาจถือว่าเป็นการปฏิบัติการที่มีเป้าหมายได้ แต่อิหร่านได้เรียนรู้ที่จะใช้ความผิดพลาดด้านความมั่นคงของอิสราเอลอย่างชาญฉลาด เราคงต้องรอวันที่จะมาถึงเพื่อให้ความเหนือกว่าของอิหร่านเป็นที่ชัดเจนสำหรับทุกคนอีกครั้ง
แปลและเรียบเรียงโดย : เชคมุฮัมมัดนาอีม ประดับญาติ
Copyright © 2024 SAHIBZAMAN.NET- สื่อเรียนรู้สำหรับอิสระชนคนรุ่นใหม่