ระบอบการปกครองของอิสราเอลด้วยความร่วมมือของสหรัฐอเมริกา มีความตั้งใจที่จะตัดเส้นทางหายใจสุดท้ายของฉนวนกาซา ซึ่งก็คือเส้นทางการติดต่อทางภาคพื้นดินกับอียิปต์

      ตามรายงานของสำนักข่าวฟาร์ส สงครามในฉนวนกาซาผ่านไป 84 วัน ซึ่งเป็นการสู้รบที่ยาวนานที่สุดที่อิสราเอลเคยเผชิญมาจนถึงขณะนี้ และตามคำพูดของเจ้าหน้าที่รัฐบาลอิสราเอลเอง สงครามนี้อาจดำเนินต่อไปเป็นเวลาหลายเดือน ในขณะเดียวกัน แหล่งข่าวของอิสราเอลพูดถึงแผนสองประการของระบอบการปกครองนี้ ที่จะปิดเส้นทางการติดต่อเพียงหนึ่งเดียวของฉนวนกาซากับโลกภายนอก ได้แก่ ชายแดนของอียิปต์ กำแพงคอนกรีตใต้ดินและการยึดครองแนว "ฟิลาเดลเฟีย" ทางทหาร ซึ่งเป็นการกระทำที่อิสราเอลตั้งใจจะดำเนินการต่อไปโดยการสนับสนุนจากสหรัฐอเมริกา และจะนำเท้าของอียิปต์เข้ามาสู่เรื่องราวของฉนวนกาซามากยิ่งขึ้น

กำแพงใต้ดิน

      ตามคำพูดของแหล่งข่าวของอิสราเอล "โยอาฟ แกลแลนต์" รัฐมนตรีกระทรวงกลาโหมของระบอบการปกครองนี้ ในการประชุมเมื่อเร็วๆ นี้กับ "ลอยด์ ออสติน"  รัฐมนตรีกระทรวงกลาโหมของสหรัฐฯ ซึ่งได้เดินทางไปยังดินแดนที่ถูกยึดครอง ได้เสนอให้สร้างกำแพงคอนกรีตอัจฉริยะใต้ดินระหว่างฉนวนกาซาและอียิปต์ ซึ่งจะต้องได้รับความช่วยเหลือทางการเงินจากสหรัฐอเมริกา

      หนังสือพิมพ์ Yediot Aharonot เขียนในเรื่องนี้ว่า กำแพงความยาว 13 กิโลเมตรนี้จะติดตั้งเทคโนโลยีเซ็นเซอร์และกล้องขั้นสูงและเครื่องมืออื่นๆ เพื่อป้องกันการขุดอุโมงค์ระหว่างฉนวนกาซาและอียิปต์ และข้อมูลรายวันเกี่ยวกับการเคลื่อนไหวจราจรรอบกำแพงและการดำเนินการขุดอุโมงค์ที่อาจเกิดขึ้นจะถูกส่งไปยังทั้งสองฝ่าย คืออิสราเอลและอียิปต์ แน่นอนว่าในช่วงหลายปีที่ผ่านมา ไคโรได้สร้างกำแพงกั้นระหว่างฉนวนกาซาและอียิปต์ กำแพงนี้สูงเหนือพื้นดิน 6 เมตร และลึกลงไปใต้พื้นดิน 6 เมตร และล่าสุดได้เริ่มติดตั้งกำแพงคอนกรีตเพิ่มเติม

ปฏิบัติการติดตั้งผนังคอนกรีตสำเร็จรูปบริเวณชายแดนฉนวนกาซาโดยรัฐบาลอียิปต์

      แต่ในส่วนของสมาร์ทวอลล์ดังกล่าว คณะรัฐมนตรีของอิสราเอลจะทบทวนประเด็นนี้เร็วๆ นี้ และในขณะเดียวกันก็จะขอความเห็นจากรัฐบาลอียิปต์ด้วย

      เมื่อวานนี้ (วันพฤหัสบดีที่ 28 ธันวาคม) ในการประชุมพิเศษของคณะกรรมการความมั่นคงและการต่างประเทศของสภาเนสเซต ในการตอบคำถามของสมาชิกของคณะกรรมการชุดนี้เกี่ยวกับกระบวนการปฏิบัติการทางทหารในกรอบการทำสงครามกับฉนวนกาซา รวมถึงการรักษาความปลอดภัย ภัยคุกคามที่ระบอบการปกครองนี้กำลังเผชิญในแนวรบอื่นๆ นั้น "โยอาฟ แกลแลนต์" ได้อ้างว่า เทลอาวีฟกำลังปรึกษาหารือกับไคโรเพื่อตรวจสอบความเป็นไปได้ในการสร้างกำแพงชายแดนขั้นสูงพร้อมอุปกรณ์เทคโนโลยีเพื่อแยกฉนวนกาซาออกจากดินอียิปต์เพื่อต่อสู้กับการลักลอบขนอาวุธ

      โทรทัศน์ Kan (สื่อของรัฐบาลอิสราเอล) ยังได้รายงานด้วยว่า ตามแผนเบื้องต้นจะมีการจัดตั้งห้องปฏิบัติการร่วมระหว่างอิสราเอลและอียิปต์ เพื่อตัดสินใจว่าจะรับมืออย่างไรโดยอาศัยข้อมูลที่ได้รับจากการเคลื่อนไหวต่างๆ บริเวณชายแดนฉนวนกาซา

     ในขณะเดียวกัน ในสถานการณ์ที่รัฐบาลอิสราเอลใช้ทุกวิถีทางเพื่อให้บรรลุเป้าหมายในฉนวนกาซาและการทิ้งระเบิดและจรวดหลายหมื่นลูกใส่ชาวบ้าน ซึ่งเป็นเวลา 63 วันแล้วนับตั้งแต่กองกำลังภาคพื้นดินเข้าสู่พื้นที่ แต่ทางการทหารอิสราเอลอ้างว่า เป็นไปไม่ได้ที่จะเอาชนะกลุ่มฮามาสโดยไม่ตัดช่องทางเพียงหนึ่งเดียวที่เหลืออยู่ที่ชาวกาซาจะหายใจได้ ซึ่งหมายถึงพรมแดนติดกับอียิปต์

     ในระหว่างนี้ อิสราเอลและอเมริกากำลังพยายามนำประเทศอียิปต์ให้ดำเนินไปตามแผนของพวกเขาด้วยการข่มขู่ประเทศนี้เกี่ยวกับปฏิบัติการภาคพื้นดินในราฟาห์ ไคโรเตือนหลายครั้งเกี่ยวกับการปฏิบัติการภาคพื้นดินของกองทัพอิสราเอลในเมืองราฟาห์ และกล่าวว่าปฏิบัติการนี้จะนำผู้ลี้ภัยของชาวปาเลสไตน์หลั่งไหลไปยังทะเลทรายซีนาย ในขณะเดียวกัน เทลอาวีฟกล่าวว่า หากไคโรไม่ต้องการให้เกิดปฏิบัติการภาคพื้นดินในราฟาห์ จำเป็นจะต้องร่วมมือกันตัดเส้นทางจากกาซาไปยังอียิปต์

      อย่างไรก็ตาม ในการปฏิบัติการพายุอัล-อักซอเมื่อวันที่ 7 ตุลาคม กลุ่มฮามาสแสดงให้เห็นเป็นอย่างดีว่า สามารถผ่านกำแพงอัจฉริยะมูลค่าหลายพันล้านดอลลาร์ของอิสราเอลที่ติดตั้งเซ็นเซอร์และหอสังเกตการณ์ได้ ดังที่ "อามีร์ โบห์บูท" นักวิเคราะห์กิจการทหารของเว็บไซต์ Israeli Walla เขียนในขณะนั้น โดยอ้างแหล่งข่าวความมั่นคงของอิสราเอลว่า "ความคิดของกองทัพอิสราเอล" คือกำแพงที่สร้างขึ้นบริเวณชายแดนฉนวนกาซา "จะช่วยป้องกันไม่ให้กองกำลังใด ๆ ที่พยายามจะเข้าถึงพื้นที่ตั้งถิ่นฐานทั้งทางภาคพื้นดินหรือใต้ดินได้เป็นอย่างดีนั้น “ความคิดนี้จึงพังทลายลง”

      การสืบสวนของอิสราเอลในเวลาต่อมาหลังวันที่ 7 ตุลาคม แสดงให้เห็นว่า กองกำลังฮามาสสามารถเจาะกำแพงชายแดนเข้าไปได้จาก 60 จุด ขณะที่ระบบรักษาความปลอดภัยของอิสราเอลอยู่ในโหมดหลับสนิท

การปฏิบัติการในแนวฟิลาเดลเฟีย

      แนวฟิลาเดลเฟียเป็นเขตกันชนยาว 14 กม. ที่สร้างขึ้นหลังจากข้อตกลงแคมป์เดวิดในปี 1978 ระหว่างอียิปต์และอิสราเอล เพื่อทำหน้าที่เป็นกันชนระหว่างฉนวนกาซาและทะเลทรายซีนาย ในปี 2005 การควบคุมพื้นที่นี้ถูกมอบให้กับกลุ่มฮามาส และมีการตัดสินใจว่า อียิปต์จะส่งกองกำลังตำรวจชายแดน 750 นายไปที่นั่น ปัจจุบันแหล่งข่าวจากอิสราเอลและอาหรับกล่าวว่า อิสราเอลตั้งใจที่จะยึดครองและควบคุมแนวฟิลาเดลเฟีย

      อย่างไรก็ตาม นายโยอาฟ แกลแลนต์ รัฐมนตรีกระทรวงสงครามอิสราเอลกล่าวในการประชุมคณะกรรมการความมั่นคงและการต่างประเทศของสภาเนสเซตว่า : "ในขณะนี้กองทัพไม่มีเจตนาที่จะควบคุมราฟาห์หรือแนวฟิลาเดลเฟีย เราจะดำเนินการปฏิบัติการในเมืองนี้และใช้สิ่งอำนวยความสะดวกครบครันเพื่อป้องกันปฏิบัติการลักลอบขนของ (อาวุธ)”

      แหล่งข่าวทางการของอียิปต์ก็ได้ปฏิเสธข่าวคำขอของอิสราเอลต่อประเทศนี้ ที่จะให้ถอนกองกำลังออกจากบริเวณชายแดนราฟาห์

      อย่างไรก็ตาม เมื่อวันที่ 23 ธันวาคม เบนจามิน เนทันยาฮู กล่าวในการประชุมแบบปิดของคณะกรรมการความมั่นคงและการต่างประเทศของเนสเซตว่า คณะรัฐมนตรีสงครามมีความตั้งใจที่จะควบคุมแนวฟิลาเดลเฟีย

      อย่างไรก็ตาม ในกรณีของการเคลื่อนไหวทางทหารใดๆ บนพรมแดนกาซา-อียิปต์โดยอิสราเอล เท้าของไคโรก็จะถูกลากเข้าสู่สนามต่อสู้ด้วย รัฐบาลอียิปต์ไม่ต้องการให้มีการปิดล้อมฉนวนกาซาอย่างรุนแรงและสมบูรณ์ และพยายามหาช่องทางหายใจให้กับผู้อยู่อาศัยในย่านนี้มาโดยตลอดเพื่อหลีกเลี่ยงผลกระทบด้านความมั่นคง

      ในขณะเดียวกัน ความเป็นไปได้ที่จะตัดเส้นโลหิตสำคัญระหว่างฉนวนกาซาและทะเลทรายซีนายเป็นงานที่ยากมาก เมื่อพิจารณาจากโครงสร้างประชากรและชนเผ่าของซีนาย ซึ่งมีแนวโน้มต่อต้านอิสราเอลอย่างรุนแรง และเมื่อพิจารณาถึงข้อเท็จจริงที่ว่า โครงสร้างของกองทัพอียิปต์มีความสอดคล้องกับชาวกาซา เมื่อเดือนมิถุนายนที่ผ่านมา ซอลาห์ มูฮัมหมัด อิบรอฮีม ทหารอียิปต์วัย 23 ปี ได้ยิงทหารอิสราเอลและได้สังหารทหารอิสราเอล 3 นายที่จุดชายแดน เพื่อแสดงให้เห็นว่ากองทัพอียิปต์ก็ยังคงไม่พอใจกับการยึดครองของอิสราเอล

ที่มา : สำนักข่าวฟาร์ส

Copyright © 2023 SAHIBZAMAN.NET- สื่อเรียนรู้สำหรับอิสระชนคนรุ่นใหม่