กองกำลังพิทักษ์การปฏิวัติอิสลาม (IRGC) ได้เปิดฉากโจมตีด้วยขีปนาวุธและโดรนอีกครั้งต่อกลุ่มไซออนิสต์เมื่อคืนวันเสาร์ (14 มิ.ย.) ภายใต้ชื่อรหัส “ยา อาลี อิบน์ อบี ฏอลิบ” ซึ่งตรงกับโอกาสอันเป็นสิริมงคลของวันอีด อัล-ฆอดิร ต่อจากปฏิบัติการตอบโต้ระยะแรก “สัญญาที่แท้จริง 3 ” เมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา

    ปฏิบัติการทางทหารครั้งใหญ่รอบล่าสุดนี้เริ่มขึ้นเมื่อเวลาประมาณ 11.45 น. ตามเวลาท้องถิ่นของวันเสาร์ (14 มิ.ย.) โดยมีวิดีโอที่แพร่หลายในโซเชียลมีเดียแสดงให้เห็นขีปนาวุธโจมตีเป้าหมายที่ตั้งใจไว้

    ปฏิบัติการตอบโต้ที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อนนี้ถูกดำเนินการภายใต้ชื่อรหัส “ยา อาลี อิบน์ อบี ฏอลิบ” ซึ่งตรงกับโอกาสอันเป็นสิริมงคลของวันอีด อัล-ฆอดิร

   ไม่นานหลังจากการยิงขีปนาวุธและโดรนถูกปล่อยออกมา ฝ่ายประชาสัมพันธ์ของ IRGC ก็ได้ออกแถลงการณ์ประกาศเปิดตัวปฏิบัติการขีปนาวุธและโดรนขนาดใหญ่ครั้งใหม่

    แถลงการณ์ดังกล่าวระบุว่า กองการบินและอวกาศของ IRGC ได้เริ่มดำเนินการในระยะใหม่นี้เพื่อเป็นการตอบโต้โดยตรงต่อการรุกรานอีกครั้งของระบอบไซออนิสต์

    รายงานระบุว่า จุดเน้นหลักของปฏิบัติการสัญญาที่แท้จริงรอบใหม่นี้ คือ เมืองท่าไฮฟาที่ถูกยึดครองและบริเวณโดยรอบ ซึ่งเป็นที่ตั้งของโรงงานอุตสาหกรรมและทหารที่สำคัญหลายแห่งของระบอบการปกครอง

    จนถึงขณะนี้ การโจมตีได้มุ่งเป้าไปที่แหล่งยุทธศาสตร์ทางทหารและอุตสาหกรรมของอิสราเอลหลายแห่ง รวมถึงโรงกลั่นน้ำมันและโครงข่ายไฟฟ้าในเมืองไฮฟา ซึ่งรายงานว่าเกิดเหตุไฟไหม้ขึ้น

    คลิปวิดีโอหนึ่งแสดงให้เห็นไฟไหม้ขนาดใหญ่ที่โรงกลั่นน้ำมันไฮฟาอันเนื่องมาจากการโจมตีของขีปนาวุธของอิหร่าน ซึ่งส่องสว่างไปทั่วท้องฟ้ายามค่ำคืนเหนือดินแดนที่ถูกยึดครอง

    ภาพแสดงให้เห็นเพลิงไหม้ขนาดใหญ่ที่โรงกลั่นน้ำมันไฮฟา โดยมีควันดำหนาพวยพุ่งขึ้นไปในท้องฟ้า โดยรายงานเบื้องต้นชี้ให้เห็นว่าเพลิงไหม้ที่เกิดขึ้นกำลังปล่อยสารเคมีพิษสู่บรรยากาศ

    ในเขตพื้นที่ยึดครองทางตอนเหนือ ไซเรนขีปนาวุธดังขึ้นในแคว้นกาลิลีตอนบนและกาลิลีตะวันตก เช่นเดียวกับในเมืองนาซาเร็ธและพื้นที่โดยรอบ และเมืองอาฟูลา

    ตามรายงานของสื่ออิสราเอล ระบุว่า ขีปนาวุธนำวิถีแม่นยำของอิหร่านโจมตีโครงสร้างพื้นฐานด้านไฟฟ้าที่สำคัญของระบอบการปกครอง จนทำให้ระบบทำงานผิดปกติ

    การโจมตีครั้งใหม่นี้ทำให้เกิดความหยุดชะงักเป็นวงกว้างในเครือข่ายจ่ายไฟฟ้าในพื้นที่ภาคกลางของดินแดนที่ยึดครอง และโครงสร้างพื้นฐานที่สำคัญส่วนหนึ่งของระบอบการปกครองถูกปิดใช้งาน

    มีรายงานเหตุไฟฟ้าดับครั้งใหญ่ในชุมชนไซออนิสต์หลายแห่งในแคว้นกาลิลี ทางภาคเหนือของปาเลสไตน์ที่ถูกยึดครอง ท่ามกลางปฏิบัติการตอบโต้ของอิหร่าน

    สื่อฮีบรูบางฉบับรายงานว่า ถังแอมโมเนียในไฮฟาก็ถูกขีปนาวุธโจมตีสำเร็จเช่นกัน โดยสังเกตเห็นไฟและกลุ่มควันในหลายพื้นที่ที่ตั้งอยู่ในดินแดนปาเลสไตน์ที่ถูกยึดครองทางตอนเหนือ

    รายงานสื่อบางฉบับระบุว่า การโจมตีของอิหร่านเมื่อคืนนี้เป็น "การโจมตีด้วยขีปนาวุธครั้งใหญ่ที่สุด" ที่กองทัพอิหร่านเคยกระทำต่อดินแดนที่ยึดครอง

    ก่อนที่ปฏิบัติการระลอกใหม่จะเริ่มต้นขึ้น กองทัพอิหร่านได้ออกคำเตือนอย่างเข้มงวดไปยังนักบินทหารอิสราเอล โดยแนะนำให้พวกเขายอมมอบตัวโดยไม่ต้องยิงปืนแม้แต่นัดเดียวเพื่อให้เครื่องบินลงจอดได้อย่างปลอดภัย

    แถลงการณ์ระบุเพิ่มเติมว่า “ปกป้องชีวิตของคุณ เราทำตามสัญญาของเรา”

    สำนักข่าวฟาร์สรายงานโดยอ้างแหล่งข่าวว่า อิหร่านใช้ขีปนาวุธ Emad, Qadr และ Kheibar Shekan ในการโจมตีเมืองไฮฟาและเทลอาวีฟครั้งล่าสุด

    ปฏิบัติการตอบโต้ครั้งนี้ตามมาหลังจากที่อิสราเอลรุกรานอิหร่านซึ่งเกิดขึ้นเมื่อเช้าตรู่ของวันศุกร์ที่ผ่านมา และส่งผลให้ผู้บัญชาการทหารระดับสูงของอิหร่าน นักวิทยาศาสตร์ด้านนิวเคลียร์ และพลเรือน รวมทั้งเด็กและสตรี ถูกลอบสังหาร

     ผู้เสียชีวิตประกอบด้วย พลตรี มฮัมมัด บาเกรี เสนาธิการกองทัพอิหร่าน ฮุสเซน ซาลามี ผู้บัญชาการกองกำลังป้องกันประเทศอิหร่าน พลจัตวาอามีร์ อาลี ฮัจจิซาเดห์ หัวหน้ากองการบินและอวกาศของกองกำลังป้องกันประเทศอิหร่าน และพลเอกโกลัม อาลี ราชิด ผู้บัญชาการกองกำลังป้องกันประเทศอิหร่านอาวุโส

     นักวิทยาศาสตร์ด้านนิวเคลียร์ ดร. เฟเรย์ดูน อับบาซิ ดร. มูฮัมมัด มะห์ดี เตหะรานชี และ ดร. อับดุลฮามิด มินูเชอร์ ก็เสียชีวิตจากการโจมตีแยกกัน

    ก่อนที่ปฏิบัติการ True Promise III จะเริ่มขึ้นในวันศุกร์ ผู้นำการปฏิวัติอิสลามแห่งอิหร่าน อายาตุลลอฮ์ ซัยยิด อาลี คอเมเนอี กล่าวว่า ระบอบการปกครองไซออนิสต์ได้ทำ "ความผิดพลาดครั้งใหญ่ ความผิดพลาดร้ายแรง" ด้วยการโจมตีพื้นที่พลเรือนทั่วประเทศอิหร่าน และเตือนว่า ผลที่ตามมาจะ "ทำลายพวกเขาให้พินาศ"

    อายาตุลลอฮ์ คอเมเนอี กล่าวทางโทรทัศน์ ว่า “ประชาชาติอิหร่านจะไม่มองข้ามเลือดของเหล่าผู้พลีชีพอันล้ำค่าของตน และจะไม่เพิกเฉยต่อการรุกรานต่อน่านฟ้าของตน”

    เจ้าหน้าที่อิหร่านถือว่า สหรัฐฯ มีความรับผิดชอบเท่าเทียมกันสำหรับการรุกรานของกลุ่มไซออนิสต์ครั้งล่าสุดต่อสาธารณรัฐอิสลาม ซึ่งได้รับการยืนยันจากประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ของสหรัฐฯ เช่นกัน

    ในการให้สัมภาษณ์กับ CNN ทรัมป์กล่าวว่า "แน่นอน" เขาสนับสนุนระบอบการปกครองอิสราเอล และกล่าวถึงการโจมตีครั้งนี้ว่าเป็น "การโจมตีที่ประสบความสำเร็จอย่างมาก" พร้อมทั้งเตือนอิหร่านให้กลับไปสู่การเจรจาเรื่องนิวเคลียร์

    จากรายงานที่เผยแพร่เมื่อวันศุกร์ เว็บไซต์ Middle East Eye ระบุว่า สหรัฐฯ จัดส่งขีปนาวุธนำวิถีด้วยเลเซอร์ขั้นสูงจำนวนหลายร้อยลูกให้กับระบอบการปกครองอิสราเอลอย่างเงียบ ๆ โดยรู้ว่าขีปนาวุธเหล่านี้จะถูกนำไปใช้โจมตีอิหร่าน

    อับบาส อาราฆชี รัฐมนตรีต่างประเทศอิหร่าน ขณะพูดคุยทางโทรศัพท์กับคาจา คัลลาส หัวหน้าฝ่ายนโยบายต่างประเทศของสหภาพยุโรป เมื่อวันเสาร์ โดยกล่าวว่า ข้อความและถ้อยแถลงของประธานาธิบดีสหรัฐฯ พิสูจน์ให้เห็นว่า มาตรการที่เป็นศัตรูของอิสราเอลต่ออิหร่านนั้นเป็นผลจากการสนับสนุนโดยตรงของวอชิงตันที่มีต่อระบอบการปกครองดังกล่าว

ที่มา : สำนักข่าวเพรสทีวี

Copyright © 2025 SAHIBZAMAN.NET- สื่อเรียนรู้สำหรับอิสระชนคนรุ่นใหม่