สหรัฐฯ ตัดสินใจส่งเรือบรรทุกเครื่องบินยูเอสเอส เจอรัลด์ อาร์. ฟอร์ด ซึ่งเป็นเรือบรรทุกเครื่องบินที่ใหญ่ที่สุดในโลก พร้อมด้วยเรือพิฆาตอีก 5 ลำ ไปยังละตินอเมริกา ส่งผลให้เวเนซุเอลาประณามการกระทำดังกล่าวว่าเป็นการกระทำที่ประมาทและผิดกฎหมาย
การเคลื่อนไหวดังกล่าว ซึ่งถือเป็นการเสริมกำลังกองทัพเรือสหรัฐฯ ที่เข้มงวดที่สุดครั้งหนึ่งในซีกโลกนี้ในรอบหลายทศวรรษ ได้รับการประกาศโดยโฆษกกระทรวงกลาโหมสหรัฐฯ เมื่อวันศุกร์
เจ้าหน้าที่คนดังกล่าวอ้างว่า การแทรกแซงในระดับภูมิภาคที่ขยายตัวของสหรัฐฯ มีเป้าหมายเพื่อ "ตรวจจับ ตรวจสอบ และขัดขวางผู้กระทำผิดกฎหมายและกิจกรรมที่ผิดกฎหมาย"
การตัดสินใจดังกล่าวทำให้เกิดความกังวลว่าจะมีความพยายามในอนาคตอันใกล้นี้ที่จะสร้างความไม่มั่นคงหรือแม้แต่การรุกรานเวเนซุเอลาภายใต้ข้ออ้างที่ถูกกุขึ้นมา
นักวิเคราะห์และผู้สังเกตการณ์ระหว่างประเทศยังเตือนด้วยว่า ขอบเขตของการใช้งานนั้นเกินกว่าการปฏิบัติการปราบปรามยาเสพติดมาก
กองกำลังโจมตีของเจอรัลด์ ฟอร์ด จะเข้าร่วมกับทหารเรือและนาวิกโยธินสหรัฐราว 6,000 นาย ที่ประจำการอยู่บนเรือรบ 8 ลำ ในภูมิภาคนี้ ซึ่งจะทำให้มีกำลังทหารสหรัฐในพื้นที่นี้รวมมากกว่า 10,000 นาย
การยกระดับนี้เกิดขึ้นหลังจากที่โดนัลด์ ทรัมป์ยอมรับเมื่อเร็ว ๆ นี้ว่า เขาได้อนุญาตให้ CIA ปฏิบัติการภายในเวเนซุเอลาและกำลัง "พิจารณาโจมตีทางบก"
ประธานาธิบดีสหรัฐฯ กล่าวหาซ้ำแล้วซ้ำเล่าโดยไม่มีมูลความจริงว่า รัฐบาลของประธานาธิบดีนิโคลัส มาดูโร เชื่อมโยงกับกลุ่มอาชญากรที่ “รุกราน” สหรัฐฯ ผ่านทางยาเสพติดและการย้ายถิ่นฐาน ซึ่งข้อกล่าวหาดังกล่าวถูกปฏิเสธซ้ำแล้วซ้ำเล่าโดยหน่วยงานระหว่างประเทศและแม้แต่การประเมินหน่วยข่าวกรองของสหรัฐฯ
ตั้งแต่เดือนกันยายน วอชิงตันได้เปิดฉากโจมตีเรือพลเรือนและเรือประมงในทะเลแคริบเบียนหลายครั้ง โดยกล่าวหาว่ามีความเชื่อมโยงกับยาเสพติด โดยไม่ได้นำเสนอหลักฐาน
ตามที่เจ้าหน้าที่สหประชาชาติและผู้เชี่ยวชาญด้านกฎหมายระหว่างประเทศระบุ การโจมตีเหล่านี้ละเมิดกฎหมายของทั้งสหรัฐฯ และกฎหมายระหว่างประเทศ และถือเป็นการสังหารชีวิตนอกกฎหมาย
ทางการเวเนซุเอลาให้คำมั่นว่า จะปกป้องอำนาจอธิปไตยของชาติด้วยความแน่วแน่เต็มที่
นายวลาดิมีร์ ปาดริโน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศเวเนซุเอลากล่าวว่า “จะตีความอย่างไรก็ได้ว่ากองทัพจะไม่อนุญาตให้มีรัฐบาลที่อยู่ภายใต้ผลประโยชน์ของสหรัฐฯ เกิดขึ้นที่นี่”
ปาดริโน กล่าวว่า การส่งกำลังของสหรัฐฯ ไปสู่ "ภัยคุกคามทางการทหารที่สำคัญที่สุดในรอบ 100 ปีที่ผ่านมา" และยืนยันถึงความมุ่งมั่นของกรุงการากัสในการสร้างสันติภาพ และย้ำว่าเวเนซุเอลาจะไม่ยอมทนต่อการรุกรานใด ๆ ทั้งสิ้น
ที่มา : สำนักข่าว เพรสทีวี
Copyright © 2025 SAHIBZAMAN.NET- สื่อเรียนรู้สำหรับอิสระชนคนรุ่นใหม่