ซิกร์มุซีบัตค่ำคืนที่แปด : ท่านอะลี อักบัร (อ.)
ซิกร์มุซีบัตค่ำคืนที่แปด : ท่านอะลี อักบัร (อ.)

ค่ำคืนที่แปดของเดือนมุฮัรร็อม เป็นค่ำคืนของท่านอะลี อักบัร (อ.) ชะฮีดผู้ยิ่งใหญ่แห่งวีรกรรมอาชูรอ และเป็นบุตรชายผู้มีความประเสริฐของท่านซัยยิดุชชุฮะดาอ์ (อ.) อะลี อักบัร (อ.) ในด้านของรูปลักษณ์ ลักษณะนิสัย และอารมณ์นั้น มีความละม้ายคล้ายคลึงกับท่านศาสดา (ซ็อลฯ) โดยที่เมื่อใดก็ตามที่อะฮ์ลุลบัยต์ (อ.) คิดถึงและปรารถนาที่จะพบกับท่านศาสดา (ซ็อลฯ) พวกท่านจะมองไปยังเขา

อะลี อักบัร (อ.)

    อะลี อักบัร (อ.) เป็นบุตรชายคนโตของท่านอิมามฮุเซน (อ.) และมารดาของเขาคือลัยลา บิน อบีมัรเราะฮ์ บินอุรวะฮ์ บินมัสอูด จากเผ่าบนีษะกีฟ (1) แหล่งอ้างอิงทางประวัติศาสตร์ที่เก่าแก่ส่วนใหญ่กล่าวถึงเขาด้วยชื่ออะลี อักบัร (2) แหล่งอ้างอิงทั้งหลายบันทึกอายุของเขาขณะเป็นชะฮีดว่า 18, 23 หรือ 25 ปี (3)

ความคล้ายคลึงกับท่านศาสดา (ซ็อลฯ)

    อะลี อักบัร (อ.) ในด้านของรูปลักษณ์ ลักษณะนิสัย และอารมณ์ (4) นั้น มีความละม้ายคล้ายคลึงกับท่านศาสดา (ซ็อลฯ) (4) โดยที่เมื่อใดก็ตามที่อะฮ์ลุลบัยต์ (อ.) คิดถึงและปรารถนาที่จะพบกับท่านศาสดา (ซ็อลฯ) พวกท่านจะมองไปยังเขา (5) ด้วยเหตุของความละม้ายคล้ายคลึงต่อท่านศาสดา (ซ็อลฯ) นี่เองที่เมื่อท่านอิมามฮุเซน (อ.) จะกล่าวคำอำลาต่อเขา ท่านได้เงยหน้าขึนสู่ท้องฟ้าและกล่าวว่า :

اَللّهُمَّ اشْهَدْ عَلی هؤُلاءِ الْقَوْمِ فَقَدْ بَرَزَ اِلَیْهِمْ غُلامٌ اَشْبَهُ النّاسِ خَلْقاً وَ خُلْقاً وَ مَنْطِقاً بِرَسُولِکَ کُنّا اِذَا اشْتَقْنا اِلی نَبِیِّکَ نَظَرْنا اِلی وَجْهِهِ

          "โอ้ อัลลอฮ์ โปรดเป็นพยานเหนือคนเหล่านี้ด้วยเถิด แน่นอนยิ่งเด็กหนุ่มผู้ที่มีความละม้ายคล้ายคลึงกับศาสนทูตของพระองค์มากที่สุดในด้านรูปลักษณ์ อุปนิสัยและคำพูดได้ออกไปเผชิญศึกกับพวกเขาแล้ว เมื่อใดก็ตามที่พวกเราคนึงหาศาสดาของพระองค์ พวกเราจะมองไปยังใบหน้าเขา"

นักต่อสู้คนแรกของบนีฮาชิม

    ตามรายงานของแหล่งข้อมูลทางประวัติศาสตร์ส่วนใหญ่ อะลี อักบัร เป็นบุคคลแรกจากบนีฮาชิม ที่ออกสู่สนามรบและเป็นชะฮีดในกัรบาลา (6)

    ตามที่มีระบุไว้ในบทซิยารัตของท่านอะลี อักบัร (อ.) เราจะอ่านว่า :

السَّلامُ عَلَيكَ يا أوَّلَ قَتيلٍ مِن نَسلِ خَيرِ سَليلٍ مِن سُلالَةِ إبراهيمَ الخَليلِ ، صَلَّى اللّهُ عَلَيكَ وعَلى أبيكَ

          "ขอความสันติจงมีแด่ท่าน โอ้ผู้ถูกสังหารคนแรกจากเชื้อสายบริสุทธิ์ที่ดีที่สุดของอิบรอฮีม คอลีล (อ.) ขอความสันติสุขจงมีแด่ท่านและแด่บิดาของท่าน”

การขออนุญาตออกสู่สมรภูมิญิฮาด

    ในบรรดาเยาวชนของบนีฮาชิม ท่านอะลี อักบัร (อ.) ได้พร้อมแล้วสำหรับการทำสงคราม เขาไปหาบิดาของเขาและขออนุญาตออกไปต่อสู้ บิดาของเขาก็ได้อนุญาต และท่านอิมาม (อ.) ก็กลับเข้ามาอย่างสิ้นหวัง ท่านมองดูเรือนร่างของเขาด้วยความสิ้นหวังแล้วจึงละสายตาลง แล้วท่านก็มองขึ้นไปยังท้องฟ้าและร้องไห้ (7)  จากนั้นท่านก็กล่าวว่า :

اَللّهُمَّ اشْهَدْ عَلی هؤُلاءِ الْقَوْمِ فَقَدْ بَرَزَ اِلَیْهِمْ غُلامٌ اَشْبَهُ النّاسِ خَلْقاً وَ خُلْقاً وَ مَنْطِقاً بِرَسُولِکَ کُنّا اِذَا اشْتَقْنا اِلی نَبِیِّکَ نَظَرْنا اِلیهِ

          "โอ้ อัลลอฮ์ โปรดเป็นพยานเหนือคนเหล่านี้ด้วยเถิด แน่นอนยิ่งเด็กหนุ่มผู้ที่มีความละม้ายคลายคลึงกับศาสนทูตของพระองค์มากที่สุดในแง่ของรูปลักษณ์ อุปนิสัยและคำพูดได้ออกไปเผชิญศึกกับพวกเขาแล้ว เมื่อใดก็ตามที่พวกเราคนึงหาศาสดาของพระองค์ พวกเราจะมองไปยังเขา" (8)

    ซัยยิดอิบนุฏอวูซ กล่าวว่า : ในขณะที่ไม่มีใครอื่นอยู่กับท่านอิมามฮุเซน (อ.) นอกจากลูกๆ ของท่าน  อะลี อักบัร (อ.) ซึ่งเป็นหนึ่งในบุคคลที่มีใบหน้าสวยงามที่สุด ได้ก้าวออกมาและขออนุญาตบิดาของตนเพื่อเข้าสู่สนามรบ ท่านอิมาม (อ.) ก็ให้อนุญาตเขา แล้วท่านมองไปยังเขาด้วยแววตาของคนที่สิ้นหวัง «ثُمَ‏ نَظَرَ إِلَيْهِ نَظَرَ آيِسٍ مِنْهُ» จากนั้นท่านก็อ่านโองการนี้ด้วยเสียงอันดังว่า :

اِنَّ اللَّهَ اصْطَفی‌ آدَمَ وَ نُوحاً وَ آلَ اِبْراهِیمَ وَ آلَ عِمْرانَ عَلَی الْعالَمِینَ•••ذُرِّیَّةً بَعْضُها مِنْ بَعْضٍ وَ اللَّهُ سَمِیعٌ عَلِیمٌ

          "แท้จริงอัลลอฮ์ได้ทรงคัดเลือก อาดัมและนูห์ และวงศ์วานของอิบรอฮีม และวงศ์วานของอิมรอนให้เหนือกว่าประชาชาติทั้งหลาย เป็นลูกหลานซึ่งสืบเชื้อสายมาจากกันและกัน (ในแง่ของความบริสุทธิ์ ความยำเกรงและความประเสริฐ) และอัลลอฮ์นั้นเป็นผู้ทรงได้ยิน ผู้ทรงรอบรู้ (ถึงความอุตสาห์พยายามของพวกเขาในเส้นทางแห่งการประกาศสาส์นของพระองค์)" 

(ซูเราะฮ์อาลิอิมรอน/ อายะฮ์ที่ 33) (9)

ความกระหายในสนามรบ

    จากนั้น อะลี บิน ฮุเซน (อ.) ได้ควบม้าพุ่งทะยานเข้าประจันบานกับกองทัพของศัตรู พร้อมกับรำพันบทโคลงปลุกความกล้าหาญและข่มขวัญศัตรูว่า :

انا علیّ بن الحسین بن علیّ•••نحن و بیت اللّه اولی بالنّبیّ‌•••من شبث و شمر ذاک الدّنیّ•••اضربکم بالسّیف حتّی انثنی‌•••ضرب غلام‌ هاشمیّ علویّ•••و لا ازال الیوم احمی عن ابی‌•••تاللّه لا یحکم فینا ابن الدّعی‌

          "ข้าคือ อะลี บุตรของฮุเซน บุครแห่งอะลี เราขอขอสาบานต่อบ้านของอัลลอฮ์ว่าพวกเราคือผู้ที่คู่ควรต่อท่านศาสดา (ซ็อลฯ) ยิ่งกว่าชะบัษและชิมร์ คนชั่วช้าเลวทราม ข้าจะฟาดฟันดาบลงบนพวกเจ้า จนกระทั่งบิดงอ ด้วยการฟันของเด็กหนุ่มแห่งวงศ์วานของฮาชิม ลูกหลานแห่งอะลี และวันนี้ข้าจะยังคงปกป้องบิดาของข้า ข้าขอสาบานต่ออัลลอฮ์ว่าอย่าให้บุตรของซิยาดลูกซินาลูกชายปกครองในหมู่พวกเรา"

    เขาได้ทำสงครามชั่วระยะเวลาหนึ่ง การต่อสู้ที่หนักหน่วงได้ทำให้เขากระหายน้ำ เขาจึงกลับมาที่กระโจมแล้วกล่าวว่า :

یا اَبَةُ! اَلْعَطَشُ قَدْ قَتَلَنی وَ ثِقْلُ الْحَدیدِ اَجْحَدَنی فَهَلْ اِلی شَرْبَةٍ مِن ماءِ سَبیلٍ اَتَقَوّی بِها عَلَی الْاَعْداءِ

          “โอ้พ่อจ๋า! ความกระหายมันกำลังจะฆ่าฉันและความหนักของอาวุธทำให้ฉันหมดเรี่ยวแรง เป็นไปได้ไหมที่ท่านจะหาน้ำให้ฉันดื่มสักอึกหนึ่ง เพื่อจะได้ทำให้ฉันมีพลังต่อสู้กับศัตรู?"

    อากาศที่ร้อนจัด ความร้อนของการเคลื่อนไหวไปมาอย่างมากมายของม้าในสนามรบและความกระหาย ทั้งหมดเหล่านี้เป็นเรื่องที่หนักหน่วงสำหรับท่านอะลี อักบัร  ดังนั้นเขาจึงขอน้ำจากท่านอิมามด้วยมารยาทอย่างสมบูรณ์  แต่ท่านอิมามฮุเซน (อ.) ร้องไห้เมื่อได้ยินคำขอของอะลี และกล่าวว่า : "โอ้ลูกรักของพ่อ! เป็นเรื่องหนักหน่วงสำหรับพ่อที่เจ้าขอ แต่พ่อไม่สามารถตอบสนองมันได้" ท่านอิมาม (อ.) ได้มอบแหวนของท่านให้กับเขาแล้วกล่าวว่า : "จงใส่มันไว้ในปากของเจ้าแล้วจงกลับไปยังศัตรู พ่อหวังว่าเจ้าจะได้ดื่มน้ำจากมือของปู่ของเจ้าในไม่ช้านี้" (10)

การเป็นชะฮีดของอะลี อักบัร

    แม้จะกระหายน้ำอย่างรุนแรง แต่ท่านอะลี อักบัร ก็ยังคงทำการต่อสู้และสังหารศัตรูได้จำนวนมาก  อะลี อักบัร (อ.) โจมตีศัตรูอีกครั้งและฟาดฟันพวกเขาด้วยดาบของตน จนกระทั่งมัรเราะฮ์ บิน มุนกิซ อับดี ได้ฟันเขาและทำให้เขาตกลงสู่พื้น และกลุ่มคนเหล่านั้นก็ล้อมเขาไว้และฟันร่างบริสุทธิ์ของเขาเป็นชิ้น ๆ ด้วยดาบ (11) ควารัซมีได้กล่าวเสริมหลังจากการฟันของมัรเราะฮ์ บิน มุนกิซ อับดีว่า : ในช่วงเวลานี้เองเขาได้จับคอม้าของเขา และม้าได้พาเขาวิ่งไปยังกองทัพของเหล่าศัตรู และศัตรูก็ฟันเขาเป็นชิ้น ๆ ด้วยดาบของพวกเขา (12)

    ใน มุกอติล มีการระบุไว้ว่า เมื่ออะลี อักบัร (อ.) ใกล้จะสิ้นใจและเป็นชะฮีดนั้น เขาได้ร้องออกมาว่า :

یا اَبَتاه هذا جَدّی رَسُولُ اللّه ِ (صلی‌الله‌علیه‌و‌آله‌وسلّم) قَدْ سَقانی بِکَاْسِهِ الْاَوْفی شَرْبَةً لا اَظْمَاُ بَعْدَها اَبَداً

          "โอ้พ่อจ๋า! นี่คือ ศาสนทูตของอัลลอฮ์ (ซ็อลฯ) ตาของฉัน  ได้ให้น้ำดื่มแก่ฉันด้วยถ้วยน้ำของท่านที่ชื่นใจ ซึ่งฉันจะไม่กระหายอีกเลย”

          ท่านอิมาม (อ.) รีบมาที่ข้างเรือนร่างของอะลี อักบัร และกล่าวทั้งน้ำตาว่า :

قَتَلَ اللّه ُ قَوْماً قَتَلُوک

          "ขออัลลอฮ์ทรงฆ่ากลุ่มชนที่สังหารเจ้า"

    จากนั้นท่านก็ก้มลงและวางหน้าของท่านลงบนใบหน้าที่เปื้อนไปด้วยเลือดของอะลี อักบัร จากนั้นท่านก็กล่าวเสริมว่า :

علَیَ الدُّنیا بَعْدَکَ الْعَفا

          “ไม่เหลืออะไรอีกแล้วสำหรับโลกนี้ภายหลังจากเจ้า” (13)

    ในช่วงการเป็นชะฮีดของอะลี อักบัร (อ.) ท่านหญิงซัยนับ (อ.) ได้ออกมาจากกระโจมที่พักอย่างรวดเร็วและตะโกนขึ้นว่า : "โอ้พี่ชายของฉัน โอ้ลูกชายของพี่ชายของฉัน!" และทิ้งตัวเองลงบนร่างของเด็กหนุ่มผู้นั้น ท่านอิมามฮุเซน (อ.) ได้เข้ามาหาท่านและพาท่านไปที่กระโจม จากนั้นท่านอิมาม (อ.) ก็กล่าวกับบรรดาเยาวชนของบนีฮาชิมว่า :

احملوا اخاکم الی الفسطاط

          "จงพาพี่ชายของพวกเจ้าไปที่กระโจมเถิด” บรรดาเยาวชนได้พาร่างของท่านอะลี อักบัร (อ.) ไปวางเขาลงบนพื้นหน้าโจมที่พวกเขาทำการสู้รบกัน (14)  คนกลุ่มหนึ่งจากเผ่าบนีอะซัดได้ฝังศพของอะลี อักบัร (อ.) ไว้ข้างท่านอิมามฮุเซน (อ.) บิดาของท่าน (15)


แหล่งอ้างอิง :

(1). ตารีค ฏอบารี, เล่ม 4, หน้า 358; อัล มะอาริฟ, อิบนุกุตัยบะฮ์ ดัยนะวะรี, หน้า 213

(2). อัล ฏอบะกอต อัล กุบรอ, มุฮัมมัด อิบนุ ซะอัด, เล่ม 5, หน้า 211; อันซาบุลอัชรอฟ, บะลาซะรี, เล่ม 2, หน้า 200

(3). อัล ฟุตูห์, อิบนิอะอ์ซัม, เล่ม 5, หน้า 114; อัล มะนากิบ, อิบนุ ชะฮ์รอชูบ, เล่ม 3, หน้า 257

(4). อัล ฟุตูห์, อิบนิอะอ์ซัม, เล่ม 5, หน้า 114; อัล มะนากิบ, อิบนุ ชะฮ์รอชูบ, เล่ม 3, หน้า 257

(5). มักตัล อัล ฮุซัยน์ (อ.), ควารัซมี, เล่ม 2, หน้า 30; อัล มัลฮูฟ, ซัยยิดอิบนุฏอวูซ, หน้า 166

(6). อัล อัคบาร อัล เฏาวาล, อบูฮะนีฟะฮ์ ดัยนะวะรี, หน้า 256; อัล อิรชาด, เชคมุฟีด, เล่ม 2, หน้า 106

(7). อัล ฟุตูห์, อิบนิอะอ์ซัม, เล่ม 5, หน้า 115; มักตัล อัล ฮุซัยน์ (อ.), ควารัซมี, เล่ม 2, หน้า 35

(8). อัล ฟุตูห์, อิบนิอะอ์ซัม, เล่ม 5, หน้า 114; มะกอติลุฏฏอลิบีน, อบุลฟะร็อจ อิศฟะฮานี, หน้า 77

(9). อัล ฟุตูห์, อิบนิอะอ์ซัม, เล่ม 5, หน้า 115

(10). อัล ฟุตูห์, อิบนุอะอ์ซัม, เล่ม 5, หน้า 115

(11). ตารีค ฏอบะรี, เล่ม 4, หน้า 340; อัล อิรชาด, เชคมุฟีด, เล่ม 2, หน้า 106

(12). มักตัล อัล ฮุซัยน์ (อ.), ควารัซมี, เล่ม 2, หน้า 35

(13). ตารีค ฏอบะรี, เล่ม 4, หน้า 340

(14). มะกอติลุฏฏอลิบีน, อบุลฟะร็อจ อิศฟะฮานี, หน้า 115

(15). อัล อิรชาด, เชคมุฟีด, เล่ม 2, หน้า 114


บทความโดย : เชคมุฮัมมัดนาอีม ประดับญาติ

Copyright © 2024 SAHIBZAMAN.NET- สื่อเรียนรู้สำหรับอิสระชนคนรุ่นใหม่

ผู้เยี่ยมชมอยู่ขณะนี้

มี 834 ผู้มาเยือน และ ไม่มีสมาชิกออนไลน์ ออนไลน์

25128765
Today
Yesterday
This Week
Last Week
This Month
Last Month
All days
29985
36652
241534
24814297
314468
1079962
25128765

ส 21 ธ.ค. 2024 :: 21:30:07