ซิกร์มุซีบัตค่ำคืนและวันที่เก้า : ท่านอับบาส บิน อะลี (อ.)
Powered by OrdaSoft!
No result.
ซิกร์มุซีบัตค่ำคืนและวันที่เก้า : ท่านอับบาส บิน อะลี (อ.)

ค่ำคืนที่ 9 มุฮัรร็อม หรือคืนตาซูอา เป็นคำคืนของท่าน “อบุลฟัฎล์ อัล อับบาส” หรือ "กอมัร บนี ฮาชิม" ผู้ถือธงรบแห่งกัรบาลา ท่านเป็นน้องชายต่างมารดาของท่านอิมามฮุเซน (อ.) เป็นสหายและผู้ช่วยที่สำคัญที่สุดของท่านอิมาม (อ.)

    หนึ่งในบุคคลที่มีความโดดเด่นซึ่งมีบทบาทหลักในเหตุการณ์ต่างๆ ของอาชูรอและผู้ที่ได้สำแดงภาพแห่งความจงรักภักดีและความกล้าหาญในการปกป้องผู้เป็นฮุจญะฮ์ (ข้อพิสูจน์) ของพระผู้เป็นเจ้าและการเชื่อฟังคำสั่งของอิมามของตนไว้ให้โลกเห็นตราบชั่วนิรันดร์ คือ ท่านอับบาส บิน อะลี (อ.) ในด้านหนึ่ง เขาแสดงความกล้าหาญและวีรกรรมในเวทีแห่งการต่อสู้จนทำให้พื้นที่แคบลงสำหรับศัตรู และในอีกด้านหนึ่ง เขาเชื่อฟังและจงรักภักดีต่อท่านอิมามฮุเซน (อ.) อย่างมาก จนถึงขั้นที่ตลอดประวัติศาสตร์ เขาถูกจดจำในฐานะวีรบุรุษผู้เสียสละและเป็นน้องชายที่ซื่อสัตย์

    คำว่า “อับบาส” หมายถึง ผู้มีใบหน้าที่เคร่งขรึม และชื่อนี้แสดงถึงความมั่นคงและความแข็งแกร่งของซักกออ์ (ผู้จัดหาน้ำดื่ม) แห่งกัรบาลา

อับบาส บิน อะลี (อ.)

    เขาเป็นบุตรชายของท่านอิมามอะลี (อ.) และเป็นน้องชายของท่านอิมามฮุเซน (อ.) แต่กระนั้นเขาเรียกพี่ชายของตนเองว่า “อิมาม” และไม่เคยเรียกท่านว่า “พี่ชาย” หรือเรียกท่านด้วยชื่อเลยในตลอดชีวิต ยกเว้นก่อนการเป็นชะฮีดของตนที่ท่านอุบลฟัฎล์ อัล อับบาส (อ.) ขออนุญาตเรียกท่านอิมามฮุเซน (อ.) ว่า “พี่ชาย”

    อับบาส (อ.) ถือว่ามารยาทและความอ่อนน้อมถ่อมตนต่อท่านอิมาม (อ.) นี้เป็นข้อบังคับ (วาญิบ) สำหรับตัวเองจวบจนถึงวินาทีสุดท้ายแห่งชีวิต ความกล้าหาญ ความภักดี และความอ่อนน้อมถ่อมตนของอับบาส (อ.) นี้กลายเป็นหนึ่งในเหรียญทอง (ตราสัญลักษณ์) แห่งอาชูรอซึ่งทำให้ทุกคนต้องประหลาดใจ

    ในช่วงเหตุการณ์กัรบาลานั้น ท่านอบุลฟัฎล์ อัล อับบาส (อ.) มีอายุ 34 ปี และจากช่วงเวลาดังกล่าวนี้ เขาใช้เวลาสิบสี่ปีอยู่ในสนามรบร่วมกับท่านอมีรุลมุอ์มินีน (อ.) บิดาของตน เก้าปีอยู่เคียงข้างกับท่านอิมามฮะซันมุจญ์ตะบา (อ.) พี่ชายของเตน และสิบเอ็ดปีอยู่ในการรับใช้ท่านอิมามฮุเซน (อ.) (1) ฉายานามต่างๆ ของท่านคือ กอมัร บนี ฮาชิม, ซักกออ์, อะลัมดอร, อัลอับดุซซอและห์, อัลมุวาซี อัล ซอบิร, และอัลมุห์ตะะซิบ

ความเข้าใจที่ลึกซึ้ง (บะซีเราะฮ์) และความเสียสละ

    ในการบรรยายถึงคุณลักษณะของท่านอับบาส (อ.) นั้น ท่านอิมามซอดิก (อ.) ได้กล่าวว่า :

کانَ عَمُّنَا الْعَبَّاسَ نافِذَ البَصیرَةِ، صَلْبَ الْایمانِ، جاهَدَ مَعَ اَبی‌ عَبْدِاللَّهِ (علیه‌السلام) وَاَبْلی بَلاءً حَسَناً وَمَضی شَهیدا

“ท่านอับบาส บิน อะลี อาของเราเป็นผู้ที่มีความเข้าใจที่ลุ่มลึกและหลักแหลม เป็นผู้ที่มีความศรัทธาแกร่งกล้ามั่นคง ท่านได้ต่อสู้เคียงข้างท่านอบาอับดิลลาฮ์ (อ.) และได้แสดงความกล้าหาญเด็ดเดี่ยวในการต่อสู้อย่างงดงาม และได้จบชีวิตลงด้วยการเป็นชะฮีด” (2)

    ท่านอิมามซัจญาด (อ.) ก็กล่าวถึงอับบาส อาของท่านไว้ดังนี้ว่า :

رَحِمَ اللَّهُ عَمِیَّ الْعَبَّاسَ فَلَقَدْ آثَرَ واَبْلی وفَدی اَخاهُ بِنَفْسِهِ حَتَّی قُطِعَتْ یَداهُ فَاَبْدَلَهُ اللَّهُ عَزَّوَجَلَّ مِنْهُما جِناحَیْن یَطیرُ بِهِما مَعَ الْمَلائِکَةِ فی‌ الْجَنَّةِ کَما جُعِلَ لِجَعْفَرِ بْنِ اَبی‌ طالِبْ علیه السلام؛ وَانَّ لِلْعَبّاسِ عِنْدَ اللَّهِ تَبارَکَ وَتَعالی مَنْزِلَةٌ یَغبِطَهُ بِها جَمیعَ الشُّهدَاءِ یَوْمَ القِیامَةِ

          “ขออัลลอฮ์ทรงเมตตาท่านอับบาสอาของฉัน แน่นอนยิ่งท่านได้เสียสละ แบกรับความเจ็บปวดและได้พลีอุทิศชีวิตของตนเองแด่พี่ชายของตน จนกระทั่งแขนทั้งสองของท่านถูกตัดขาด ดังนั้นอัลลอฮ์ (ผู้ทรงเกริกเกียรติผู้ทรงเกรียงไกร) ได้ทรงมอบสองปีกให้ท่านเพื่อโบยบินอยู่ในสวรรค์ร่วมกับมะลาอิกะฮ์ (ทวยเทพ) เช่นเดียวกับที่พระองค์ได้ทรงประทานให้แก่ท่านญะอ์ฟัร บุตรของท่านอบีฏอลิบ และแท้จริงสำหรับท่านอับบาสนั้นมีตำแหน่ง (อันสูงส่ง) ณ อัลลอฮ์ (ผู้ทรงจำเริญผู้ทรงสูงส่ง) ที่บรรดาชะฮีด (ผู้พลีชีพ) ทั้งมวลจะรู้สึกอิจฉา (อยากได้เหมือน) ท่านในตำแหน่งนั้น” (3)

การปฏิเสธจดหมายรับประกันความปลอดภัยจากศัตรู

    ภารกิจแรกของท่านอับบาส (อ.) ในเหตุการณ์กัรบาลาได้เกิดขึ้นในตอนเย็นของวันที่ 9 โดยที่ท่านได้ไปหาศัตรูตามคำสั่งของพี่ชายของท่าน และขอให้ศัตรูประวิงเวลาให้แก่ฝ่ายตนในตอนกลางคืนเพื่อภาวนาขอพรและทำอิบาดะฮ์ต่อพระผู้เป็นเจ้า (4) ในช่วงเวลาเดียวกันนั้นเอง คุซมาน ทาสของอับดุลลอฮ์ บิน อบีมะฮัล ซึ่งเป็นลูกพี่ลูกน้องของท่านอบุลฟัฎล์ (อ.) ได้นำจดหมายรับประกันความปลอดภัยที่ชิมร์และอับดุลลอฮ์ บิน อบีมะฮัล ได้รับมาจากอุบัยดิลลาฮ์ อิบนุซิยาด อีกทอดหนึ่ง มามอบให้ท่านและพี่น้องของท่าน เมื่อสายตาของลูกๆ ของอุมมุลบะนีน มองเห็นจดหมายรับประกันความปลอดภัยนั้น พวกเขาก็กล่าวว่า : "จงนำสลามของเราไปยังลุงของเราและบอกเขาว่าเราไม่ต้องการการคุ้มครองความปลอดภัยของพวกท่าน การคุ้มครองความปลอดภัยของอัลลอฮ์นั้นย่อมดีกว่าการคุ้มครองความปลอดภัยของบุตรซุมัยยะฮ์" (5)

    ตามรายงานของชิมร์ ซึ่งเขาเองก็มาจากเผ่าบนีกิลาบเช่นกัน เขาได้มาด้านหลังกระโจมแล้วตะโกนว่า : "ลูกๆ ของพี่สาวของฉันอยู่ที่ไหนกัน?" ลูกๆ ของท่านอิมามอะลี (อ.) ไม่ตอบเขา ท่านอิมามฮุเซน (อ.) กล่าวว่า : "จงตอบเขาเถิด แม้ว่าเขาจะเป็นคนชั่ว (ฟากซิก) ก็ตาม" (6) อับบาส ญะอ์ฟัร และอุษมานออกมาถามว่า : เกิดอะไรขึ้นกับท่าน? แล้วท่านต้องการอะไร?" เขากล่าวว่า : "โอ้ หลานๆ ของฉัน มาหาฉันสิ แล้วพวกเจ้าจะอยู่ในความปลอดภัย และอย่าได้ยอมตายอยู่กับฮุเซนเลย!" (7)

    พวกเขาตำหนิประณามเขาและกล่าวว่า : "ขอให้อัลลอฮ์ทรงสาปแช่งท่านและจดหมายรับประกันความปลอดภัยของท่าน! ท่านจะไว้ชีวิตเราเพียงเพราะท่านเป็นลุงของเรากระนั้นหรือ?! แต่บุตรของท่านศาสนทูตของอัลลอฮ์ (ซ็อลฯ) จะไม่ปลอดภัยใช่หรือไม่? ท่านกำลังสั่งเราให้เชื่อฟังคนที่ถูกสาปแช่งและลูกของคนที่ถูกสาปแช่งกระนั้นหรือ?" ชิมร์โกรธมากและละทิ้งออกจากสถานที่นั้นไป (8)

    ในคืนวันอาชูรอ ท่านอิมามฮุเซน (อ.) ได้เรียกรวมเหล่าสหายของท่าน และในขณะที่กล่าวเทศนา ท่านได้ยกเลิกสัตยาบัน (บัยอัต) จากพวกเขาและกล่าวว่า : "พวกท่านจงไปเถิด คนเหล่านี้ต้องการตัวฉันเพียงผู้เดียวเท่านั้น" ในเวลานี้เอง บุคคลแรกที่ได้แสดงความจงรักภักดีของตน คืออับบาส บิน อะลี (อ.) เขากล่าวว่า : "ทำไมเราจึงจะทำเช่นนั้น? เพื่อที่เราจะมีชีวิตอยู่หลังจากท่านอย่างนั้นหรือ? ขออัลลอฮ์อย่าได้ให้เราได้เห็นวันนั้นเลย!" (9)

การจัดหาน้ำให้คนในกระโจม

    หน้าที่และความภาคภูมิใจประการหนึ่งของท่านอับบาส (อ.) ในกัรบาลาคือการเป็นผู้บริการน้ำ (ซักกออี) ซึ่งหมายถึงการจัดหาน้ำให้กับกองทัพของท่านอิมามฮุเซน (อ.) เนื่องจากตั้งแต่วันที่เจ็ดของเดือนมุฮัรร็อม แหล่งน้ำก็ถูกปิดกั้นต่อพวกเขาอย่างสิ้นเชิง ด้วยเหตุนี้ หนึ่งในฉายานามของท่านคือ “ซักกออ์” (10)

    หลังจากที่บรรดาสหายของท่านอิมามถูกสังหาร และบรรดาสตรีและเด็กๆ ก็กระหายและต้องการน้ำอย่างแรง และความกระหายของท่านอิมามฮุเซน (อ.) ก็ได้ทวีความรุนแรงมากขึ้นนั้น ท่านอิมามและอับบาส (อ.) น้องชายของท่านพยายามที่จัดหาน้ำ ทั้งสองฝ่าเข้าไปในสนามรบพร้อมกันและมุ่งหน้าไปยังแม่น้ำยูเฟรติส (11)

    ท่านอับบาส (อ.) ยังคงควบม้าไปและทำการต่อสู้อยู่ข้างหน้าท่านอิมามฮุเซน (อ.) และไม่ว่าท่านอิมามฮุเซน (อ.) จะไปทางใด เขาก็จะนำหน้าท่านไปในทิศทางเดียวกันนั้น (12)

    ในเวลานั้นเอง ท่านอิมามฮุเซน (อ.) ได้ข้ามเขื่อนดินที่อยู่ชายแม่น้ำยูเฟรติส และมุ่งหน้าไปยังยูเฟรติส และแล้วกองทหารของอุมัร บิน ซะอัด ก็ขัดขวางไม่ให้ท่านมุ่งหน้าไป ชายคนหนึ่งจากบนีดารัม กล่าวว่า : จงกีดขวางระหว่างเขากับน้ำ และอย่าให้เขาเข้าถึงน้ำ  ท่านอิมามฮุเซน (อ.) ได้สาปแช่งชายชาวดารอมีผู้นี้ โดยกล่าวว่า : "ข้าแต่พระผู้เป็นเจ้า! โปรดทำให้เขากลายเป็นผู้กระหายน้ำ" ผู้รายงาน (รอวี) ได้เล่าว่า : "ขอสาบานต่ออัลลอฮ์ว่า ไม่นานนักพระผู้เป็นเจ้าก็ทรงทำให้ชายผู้นั้นกระหายน้ำอย่างรุนแรง ไม่ว่าเขาจะดื่มน้ำเข้าไปมากเพียงใดก็ไม่อาจดับความกระหายของเขาได้ จนกระทั่งไม่นานนักท้องของเขาก็พองโตเหมือนท้องอูฐที่ตายแล้ว"  ชายผู้นั้นโกรธต่อคำสาปแช่งของท่านอิมามและยิงลูกธนูเข้าที่คอของท่าน ท่านอิมามฮุเซน (อ.) ได้ดึงลูกธนูออกมา จากนั้นเอามือรองไว้ใต้คอของตน จนมือของท่านเต็มไปด้วยเลือดแล้วท่านก็สาดมัน จากนั้นท่านก็กล่าวว่า :

اللَّهُمَّ إني أشكو إليك مَا يفعل بابن بنت نبيك

        "ข้าแต่พระผู้เป็นเจ้า! ข้าพระองค์ขอร้องทุกข์ต่อพระองค์ในสิ่งที่พวกเขาทำกับบุตรชายของบุตรีของศาสดาของพระองค์" (13)

การรำพันบทโคลงปลุกความกล้าหาญ

    จากนั้นกองทัพศัตรูก็ปิดล้อมอับบาสจากทุกทิศทุกทาง และแยกเขาออกจากท่านอิมามฮุเซน (อ.) อับบาส (อ.) เมื่อได้ถูกแยกออกจากพี่ชายของตน อับบาสได้ต่อสู้กับเหล่าศัตรูตามลำพัง

    ควารัซมีได้กล่าวว่า : ขณะที่ท่านอับบาส (อ.) จะไปตักน้ำ เขาได้กล่าวบทโคลงปลุกความกล้าหาญและข่มขวัญศัตรูต่อไปนี้ว่า :

لا أرهبُ الموتَ إذا المـوتُ زَقَا ••• حتَّى أُوارى في المَصاليتِ لِقَى ••• نفسي لِسِبطِ المُصْطَفى الطُّهرِ وِقا  ••• إنّي أنا العبَّاس أغْدُو بالسِقَا ••• ولا أخافُ الشرَّ يومَ المُلتقى

          "ข้ามิหวั่นกลัวความตาย เมื่อความตายนั้นร้องเรียกหา จนกว่าข้าจะฝังร่างลงในท่ามกลางคมดาบทั้งหลาย ชีวิตของข้าขอยอมพลีเพื่อหลานผู้บริสุทธิ์ของมุศฏอฟา แท้จริงข้าคืออับบาส กำลังมุ่งนำถุงน้ำนี้ไป  และข้ามิหวั่นกลัวจากความชั่วร้ายทั้งมวลในวันแห่งการเผชิญสงคราม”

    จากนั้นเขาก็โจมตีและทำให้เหล่าศัตรูแตกกระเจิงไป (14)

การเป็นชะฮีดของอบุลฟัฎล์ (อ.)

    มัรฮูมมัจญ์ลิซีได้กล่าวถึงวิธีการเป็นชะฮีดของท่านอับบาส (อ.) ไว้เช่นนี้ว่า : เมื่ออับบาส (อ.) มองเห็นพี่ชายอยู่เพียงลำพัง เขาจึงมาหาท่านและขออนุญาตออกสู่สนามรบ ท่านอิมามได้กล่าวว่า : "เจ้าคือผู้ถือธงรบของฉัน และถ้าเจ้าออกไป กองทัพของฉันจะแตกสลาย เขากล่าวว่า : "หัวอกของฉันแสนอัดอั้นและฉันรู้สึกเบื่อหน่ายกับการมีชีวิตอยู่เสียเหลือเกินและฉันอยากจะแก้แค้นคนหน้าซื่อใจคดเหล่านี้" ท่านอิมาม (อ.) กล่าวว่า : "บัดนี้เมื่อเจ้าตัดสินใจแล้วที่จะออกรบดังนั้นก็จงไปเอาน้ำมาให้เด็กๆ เหล่านี้ก่อน" อับบาสเข้ามาหาศัตรู และไม่ว่าเขาจะตักเตือนพวกเหล่านั้นอย่างไรก็ไม่มีประโยชน์ เขากลับไปบอกพี่ชายของเขา ในเวลานี้เองเขาได้ยินเด็กๆ ร้องเนื่องจากความกระหาย เขาจึงคว้าถุงน้ำ ขึ้นขี่ม้าและมุ่งหน้าไปที่แม่น้ำยูเฟรติส ทหารสี่พันคนที่ถูกมอบหมายให้ดูแลแม่น้ำยูเฟรติสก็ปิดล้อมเขาและกระหน่ำยิงลูกธนูใส่เขา อับบาสได้มาถึงแม่น้ำยูเฟรติส ... และได้บรรจุน้ำลงในถุงน้ำจนเต็ม และวางมันบนไหล่ขวาของตนแล้วมุ่งหน้าสู่กระโจมที่พัก ศัตรูได้ปิดกั้นทางของเขาและปิดล้อมเขาจากทุกทิศทุกทาง

    ท่ามกลางความร้อนแรงของการสู้รบและความพยายามของท่านอับบาส (อ.) ที่จะนำน้ำไปให้ถึงกระโจมทั้งหลายนั้น หนึ่งในทหารของยะซีดชื่อเซด บิน วัรกออ์ ญะฮ์นี ด้วยความช่วยเหลือจากอีกบุคคลหนึ่งชื่อฮะกีม บิน ฏูฟัยล์ ได้ฟันลงที่แขนขวาของท่านอับบาส (อ.)

    ท่านอับบาส (อ.) ได้วางถุงน้ำไว้บนไหล่ซ้ายของตน และจับดาบด้วยมือซ้ายแล้วเข้าโจมตีพวกเขา พร้อมกับกล่าวบทโคลงปลุกความกล้าหาญและข่มขวัญศัตรูว่า :

واللهِ إن قَطعتُمُ يمينــــي ••• إنّي أُحامِي أَبَداً عن دِيني‏ ••• وعنْ إمامٍ صَادِقِ اليَقِينِ‏ ••• نَجْلِ النّبيِّ الطــاهِرِ الأَمينِ‏

          "ขอสาบานต่ออัลลอฮ์ มาตรแม้นว่าพวกเจ้าได้ตัดแขนขวาของข้าไป แท้จริงข้าก็จะพิทักษ์ปกป้องศาสนาของข้าตลอดไป และขอปกป้องอิมาม (ผู้นำ) ผู้ซึ่งมีความเชื่อมั่นอันสัตย์จริง ผู้เป็นหลานชายของท่านศาสดา ผู้บริสุทธิ์ ผู้ได้รับความไว้วางใจ"

    อับบาส (อ.) ได้ทำการต่อสู้อย่างหนักจนหมดเรี่ยวแรงและอ่อนแอ ในเวลานี้เอง ฮะกีม บิน ฏูฟัยล์ ซึ่งซ่อนตัวอยู่หลังต้นอินทผาลัม ได้ฟาดดาบลงที่แขนซ้ายของท่านและแขนนั้นได้ถูกตัดขาดออกจากร่างกาย  ท่านอับบาส (อ.) ได้รำพันบทโคลงนี้ว่า :

يا نفسُ لا تَخشَيْ منَ الكُفّارِ ••• وأبشـِري برحــمةِ الجبّارِ ••• معَ النّبيِّ المصْطَـفى المخْــتارِ ••• قدْ قَطَعُوا بِبَغْيِهم يَساري ••• فأَصْلِهِم يا ربِّ حَرَّ النّارِ

          “โอ้ชีวิตเอ๋ย อย่าได้หวั่นกลัวพวกปฏิเสธศรัทธาเลย และจงปิติยินดีต่อพระเมตตาแห่งพระผู้เป็นเจ้าผู้ทรงฤทธานุภาพ ที่ได้อยู่ร่วมกับศาสดา นาย ผู้ที่ถูกเลือกสรร พวกเขาได้ตัดมือซ้ายของข้าอย่างอธรรม ดังนั้นข้าแต่พระผู้อภิบาลของข้าฯ โปรดทำให้พวกเขาเข้าสู่ไฟนรกด้วยเถิด”

    อับบาส (อ.) ได้ใช้ฟันกัดและคาบถุงน้ำ ในเวลานั้นเองก็มีลูกธนูพุ่งเข้าใส่ถุงน้ำและน้ำในถุงน้ำก็ไหลกระจายออกจนหมด ลูกธนูอีกลูกหนึ่งพุ่งเข้าที่หน้าอกของเขา จากนั้นเขาก็พลิกคว่ำลงจากหลังม้าและเรียกหาท่านอิมามฮุเซนว่า :

 يا أخاه ! أدرك أخاك

          “โอ้พี่ชาย! ช่วยน้องชายของท่านด้วย”

    ก่อนที่ท่านอิมามฮุเซน (อ.) จะมาถึงนั้น มัลอูน (ผู้ถูกสาปแช่ง) ผู้นั้นได้ออกมาข้างหน้าและได้ใช้ท่อนเหล็กฟาดลงบนศีรษะของท่านอับบาส (15) ท่านอับบาส (อ.) ได้รับบาดเจ็บสาหัสจากลูกธนูและจากการฟันต่าง ๆ ของศัตรู และไม่สามารถเคลื่อนไหวใดๆ ได้อีกต่อไป และหลังจากสังหารศัตรูได้กลุ่มหนึ่ง ท่านก็ได้เป็นชะฮีดในสภาพเช่นนี้

ท่านอิมาม (อ.) เคียงข้างร่างของน้องชาย

    เมื่อท่านอิมามฮุเซน (อ.) เห็นอับบาสน้องชายของตนบนพื้นดินใกล้แม่น้ำยูเฟรติส ท่านก็ร้องไห้อย่างหนัก และกล่าวด้วยหัวใจที่แตกสลายว่า :

أَلانَ إنکَسَرَ ظَهرِي وَ قَلَّت حِيلَتِي وَ انقَطَعَ رَجائِي وَ شَمُتَ بِي عَدوِّي وَ الکَمَدُ قاتِلي

          “บัดนี้หลังของฉันได้หักลงแล้ว หนทางของฉันก็ตีบตันลง ความหวังของฉันก็ถูกตัดขาด ศัตรูของฉันก็ซ้ำเติมฉัน และความทุกข์โศกก็กำลังจะฆ่าฉัน" (16)


แหล่งอ้างอิง:

(1). อะอ์ยานุชชีอะฮ์, มุห์ซิน อามีนี, เล่ม 7, หน้า 429

(2). อุมดะตุฏฏอลิบ, อิบนิอันบะฮ์, เล่ม 1, หน้า 356

(3). อัล คิซอล, เชคซอดูก, เล่ม 1, หน้า 67; บิฮารุลอันวาร, อัลลามะฮ์มัจญ์ลิซี, เล่ม 22, หน้า 274

(4). อัล กามิล ฟิตตารีค, อิบนุอะซีร, เล่ม 4, หน้า 56

(5). ตารีค ฏอบะรี, เล่ม 5, หน้า 415

(6). อับซอรุลอัยน์, ซะมาวี, เล่ม 1, หน้า 58

(7). อัล มัลฮูฟ, ซัยยิดอิบนิฏอวูซ, เล่ม 1, หน้า 149

(8). ตารีค ฏอบะรี, เล่ม 5, หน้า 416

(9). ตารีค ฏอบะรี, เล่ม 5, หน้า 419

(10). มะกอติลุฏฏอลิบีน, อบูฟะร็อจ อิศฟะฮานี, หน้า 117

(11). อัล อิรชาด, เชคมุฟีด, เล่ม 2, หน้า 109

(12). อัล อัคบาร อัฏเฏาวาล, อบูฮะนีฟะฮ์ ดัยนะวะรี, หน้า 257

(13). อันซาบุลอัชรอฟ, บะลาซะรี, เล่ม 3, หน้า 201

(14). บิฮารุลอันวาร, อัลลามะฮ์มัจญ์ลิซี, เล่ม 45, หน้า 40-41

(15). อัล อิรชาด, เชคมุฟีด, เล่ม 2, หน้า 109-110

(16). บิฮารุลอันวาร, อัลลามะฮ์มัจญ์ลิซี, เล่ม 45, หน้า 42


บทความโดย : เชคมุฮัมมัดนาอีม ประดับญาติ

Copyright © 2024 SAHIBZAMAN.NET- สื่อเรียนรู้สำหรับอิสระชนคนรุ่นใหม่

ผู้เยี่ยมชมอยู่ขณะนี้

มี 446 ผู้มาเยือน และ ไม่มีสมาชิกออนไลน์ ออนไลน์

21506256
Today
Yesterday
This Week
Last Week
This Month
Last Month
All days
14485
45608
223758
20904429
990793
2496676
21506256

พฤ 19 ก.ย. 2024 :: 09:05:22