การมาถึงยังเมืองชาม (ดามัสกัส) ของอิมามซัจญาด (อ.) และคาราวานเชลย
การมาถึงยังเมืองชาม (ดามัสกัส) ของอิมามซัจญาด (อ.) และคาราวานเชลย

ยุคการปกครองของยะซีดหลังจากเหตุการณ์ในกัรบะลา เมืองนี้ (ดามัสกัส) ได้มีการจัดเตรียมการฉลองชัยชนะของยะซีด และการนำตัวคาราวานเชลยซึ่งเป็นลูกหลานของท่านอิมามอะลี (อ.) มายังเมืองนี้

    เป็นระยะเวลากว่า 40 ปี ที่ลูกหลานของอบูซุฟยาน (บนีอุมัยยะฮ์) ได้ทำการปกครองแผ่นดินชาม (ซีเรีย) หนึ่งในลักษณะที่สำคัญทางด้านความเชื่อของมุอาวิยะฮ์และบนีอุมัยยะฮ์คนอื่น ๆ นั่น คือการปฏิเสธและการต่อต้านอะฮ์ลุลบัยติ์ของท่านศาสดามุฮัมมัด (ซ็อลฯ) โดยเฉพาะอย่างยิ่งท่านอมีรุลมุอ์มินีน อะลี บินอบีฏอลิบ (อ.) กระแสและบรรยากาศในการโฆษณาชวนเชื่อต่อต้านท่านอิมามอะลี (อ.) ในดินแดนแห่งนั้นเป็นไปอย่างรุนแรง ถึงขั้นที่ว่า ประชาชนเชื่อว่าท่านอิมามอะลี (อ.) และบรรดาชีอะฮ์ของท่าน คือผู้ปฏิเสธอิสลาม (กาฟิร) บนพื้นฐานของการโฆษณาชวนเชื่อดังกล่าวนี้เองที่ทำให้ในสงครามซิฟฟีน ประชาชนประมาณหนึ่งแสนคนจากดินแดนแห่งนี้ได้ยาตราทัพไปทำสงครามกับท่านอิมามอะลี (อ.) ภายใต้การนำของมุอาวิยะฮ์

    ยุคการปกครองของยะซีดหลังจากเหตุการณ์ในกัรบะลา เมืองนี้ได้มีการจัดเตรียมการฉลองชัยชนะของยะซีด และการนำตัวคาราวานเชลยซึ่งเป็นลูกหลานของท่านอิมามอะลี (อ.) มายังเมืองนี้ ซะฮัล บินซะอัด ซาอิดีย์ ได้อธิบายการมาถึงของคาราวานเชยโดยกล่าวว่า "ฉันได้เดินทางเพื่อจะไปยังบินตุ้ลฮุดา จนกระทั่งมาถึงยังเมืองดามัสกัส เป็นเมืองที่มีแม่น้ำหลายสายที่เต็มเปี่ยมไปด้วยน้ำและมีต้นไม้มากมาย ฉันได้เห็นผ้าและธงต่าง ๆ ที่สวยงามถูกติดตั้งและแขวนอยู่ตามประตูและกำแพงต่าง ๆ ประชาชนต่างแสดงความปีติยินดี ฉันเห็นบรรดาสตรีกำลังเป่าปากและตีกอง! ฉันได้กล่าวกับตัวเองว่า ชาวเมืองชามไม่มีการเฉลิมฉลองใด ๆ ที่เราไม่รู้ (แล้วนี่เป็นเทศกาลอะไรกันเล่า)"

    ฉันเห็นคนกลุ่มหนึ่งกำลังสนทนากัน ฉันจึงกล่าวกับพวกเขาว่า "ประชาชนชาวเมืองชามมีเทศกาลเฉลิมฉลองอะไรหรือซึ่งฉันไม่เคยรู้มาก่อน" พวกเขากล่าวว่า "โอ้ผู้เฒ่าเอ๋ย! ดูเหมือนว่าท่านคงจะเป็นคนที่ร่อนเร่อยู่ในทะเลทราย" ฉันกล่าวว่า "ฉันคือซะฮัล บินซะอัด ซึ่งได้เห็นท่านศาสดามุฮัมมัด (ซ็อลฯ)" พวกเขากล่าวว่า "โอ้ซะฮัล! ท่านไม่ประหลาดใจเลยหรือว่าทำไมท้องฟ้าจึงไม่หลั่งฝนลงมาเป็นเลือด และทำไมแผ่นดินจึงไม่สูบกลืนผู้อยู่อาศัยของมันลงไป" ฉันถามว่า "มีอะไรเกิดขึ้นกระนั้นหรือ" พวกเขากล่าวว่า "นี่คือศีรษะของฮุเซน หลานของศาสดามุฮัมมัด ที่บุคคลเหล่านี้ได้นำมาจากอิรักเป็นของกำนัล" ฉันกล่าวว่า "ช่างแปลกประหลาดเสียเหลือเกิน! ที่พวกเขาได้นำเอาศีรษะของฮุเซน (อ.) มา แล้วประชาชนกลับแสดงความปีติยินดีกระนั้นหรือ พวกเขาจะเข้าทางประตูใด"

    พวกเขาได้ชี้ไปทางประตูที่ถูกเรียกว่า "บาบุ ซาอาต" ในช่วงเวลานั้นเองฉันได้เห็นธงต่างๆ ค่อยๆ ปรากฏให้เห็นทีละธงติดตามกันมา ในช่วงแรกนั้นฉันได้เห็นศีรษะที่ดูมีรัศมีและงดงามบนปลายหอก... ฉันได้กล่าวสลาม (คำทักทาย) ท่านอิมามซัยนุ้ลอาบิดีน (อ.) และครอบครัวของท่าน พร้อมกับแนะนำตัวเองแก่พวกท่าน พวกท่านได้กล่าวว่า "หากท่านมีความสามารถจงมอบสิ่งหนึ่งสิ่งใดให้แก่คนที่ถือหอกที่มีศีรษะของอิมาม (ฮุเซน) อยู่บนปลายหอก เพื่อให้เขาไปอยู่ข้างหน้าให้มากกว่านี้เถิด อย่าให้เขายืนอยู่ที่นี่ เพราะพวกเรารู้สึกเจ็บปวดที่ได้เห็นพวกที่กำลังมองดูศีรษะนั้น!" ฉันได้ไปและมอบเงินหนึ่งร้อยดิรฮัมให้กับผู้ถือหอกนั้นเพื่อให้เขารีบเดินไปข้างหน้าและออกไปให้ห่างจากบรรดาสตรี

    หลังจากที่คาราวานของเชลยมาถึงยังเมืองชาม พวกเขาได้นำคาราวานไปยังมัสญิดญาเมี๊ยะฮ์ (มัสยิดกลาง) ของเมือง เพื่อรอคอยการออกคำอนุญาตให้เข้าไปพบกับยะซีด ในระหว่างนั้นมีเหตุการณ์หลายอย่างได้เกิดขึ้น ส่วนหนึ่งจากเหตุการณ์ที่เกี่ยวข้องกับท่านอิมามซัยนุลอาบิดีน (อ.) นั้น คือการที่ชายชราชาวเมืองชามผู้หนึ่งได้ปะทะวาจากับท่านอิมาม (อ.)

    ชายชราคนหนึ่งเดินเข้ามาบริภาษท่านอิมามซัยนุลอาบิดีน อ. ต่าง ๆ นานา

    ตามที่ท่านอัซ-ซุดดีรายงานจากท่านอบี อัด-ดัยลัมเล่าว่า :  ตอนที่ท่านอะลี (ซัยนุลอาบิดีน)บุตรชายท่านฮุเซน อ. ถูกคุมตัวเป็นเชลยมายืนอยู่ที่ถนนในเมืองดามัสกัส มีชายชาวเมืองซีเรียคนหนึ่งด่าท่านว่า : ขอบคุณอัลลอฮ์ที่ทรงสังหารพวกเจ้าและตัดความวุ่นวาย

ท่านอิมามซัยนุลอาบิดีน อ.ได้ถามชายชราชาวเมืองซีเรียคนนั้นว่า   :  ท่านเคยอ่านอัลกุรอ่านบ้างไหม

       ชายชาวเมืองซีเรีย :  เคยอ่านสิ  

       ท่านอิมามซัยนุลอาบิดีน อ. : แล้วท่านเคยอ่านซูเราะฮ์อัชชูรอ (อัลกุรอานบทที่ 43) บ้างไหม

       ชายชาวเมืองซีเรีย   : ฉันเคยอ่านอัลกุรอ่าน แต่ไม่เคยอ่านบทอัชชูรอ

       ท่านท่านอิมามซัยนุลอาบิดีน อ. : ท่านคงไม่เคยอ่านโองการที่อัลลอฮ์ (ซบ.) ทรงตรัสว่า

       “จงกล่าวเถิด (มุฮัมมัดต่อมุสลิมทั้งหลายว่า) ฉันไม่ขอค่าตอบแทนใด ๆ เพื่อการประกาศอิสลามนี้ ยกเว้น ให้แสดงความรักต่อญาติสนิท” นี้ใช่ไหม

       ชายชาวเมืองซีเรียถามว่า   :  พวกท่านคือกุรบา (ญาติสนิท) ของท่านศาสดามุฮัมมัด (ซ็อล) กระนั้นหรือ

       ท่านอิมามซัยนุลอาบิดีน อ. ตอบว่า  :   ใช่แล้ว เราคือ กุรบา (ญาติสนิท) ของท่านศาสดามุฮัมมัด (ซ็อลฯ)


แหล่งอ้างอิง :

- มุนตะฮัลอามาล, เล่มที่ 1, หน้าที่ 308-318

- บิฮารุ้ลอันวาร, เล่มที่ 45, หน้าที่ 127

- ตัฟซีรอัฏ-ฏอบะรี   อิบนุ ญะรีร เล่ม 21 หน้า 528 ดูบทอัช-ชูรอ: 23

- ตัฟซีรอิบนุ กะษีร   เล่ม 7 หน้า 200 ดูบทอัช-ชูรอ : 23


บทความโดย : เชคมุฮัมมัดนาอีมประดับญาติ

Copyright © 2025 SAHIBZAMAN.NET- สื่อเรียนรู้สำหรับอิสระชนคนรุ่นใหม่

ผู้เยี่ยมชมอยู่ขณะนี้

มี 297 ผู้มาเยือน และ ไม่มีสมาชิกออนไลน์ ออนไลน์

26530948
Today
Yesterday
This Week
Last Week
This Month
Last Month
All days
2882
8867
46247
26426341
148915
234739
26530948

ส 19 ก.ค. 2025 :: 11:10:15