คำแนะนำตักเตือนของท่านอิมามอะลี (อ.) ต่อกลุ่มคนที่ไม่ได้ให้ราคาและความสำคัญใดๆ ต่อสวรรค์
Powered by OrdaSoft!
No result.
คำแนะนำตักเตือนของท่านอิมามอะลี (อ.) ต่อกลุ่มคนที่ไม่ได้ให้ราคาและความสำคัญใดๆ ต่อสวรรค์

แท้จริงคำพูดต่างๆ ท่านอิมามอะลี (อ.) ประหนึ่งปาฏิหาริย์ และคำพูดส่วนนี้ก็คือส่วนหนึ่งจากคำพูดที่ยอดเยี่ยมที่สุดของท่าน คำพูดในบทความนี้มีคำแนะนำตักเตือนที่สำคัญยิ่งสามประการ ซึ่งความดีงามทั้งในชีวิตทางโลกนี้และชีวิตแห่งปรโลก ทั้งของบุคคลและสังคมที่แฝงอยู่

قال على (علیه السلام) لِرَجُل سَأَلَهُ اَنْ یَعِظَهُ :

«لا تَکُنْ مِمَّنْ یَرْجُوا الاْخِرَةَ بِغَیْرِ الْعَمَلِ، وَ یُرَجِّی التَّوْبَةَ بِطُولِ الاَْمَلِ، یَقُولُ فِى الدُّنْیا بِقَوْلِ الزّاهِدینَ وَ یَعْمَلُ فِیها بِعَمَلِ الرّاغِبینَ

ท่านอิมามอะลี (อ.) ได้กล่าวกับชายผู้หนึ่งที่ขอให้ท่านแนะนำตักเตือนเขาว่า "เจ้าจงอย่าเป็นส่วนหนึ่งจากผู้ที่มุ่งหวังปรโลกโดยปราศจากการกระทำ (อะมั้ล) และประวิงเวลาการกลับเนื้อกลับตัว (เตาบะฮ์) ด้วยความคาดหวังที่ยาวไกล และพูดเกี่ยวกับโลกนี้ด้วยคำพูดของบรรดาผู้สมถะ (ที่ตัดขาดจากโลกแห่งวัตถุ) ขณะที่ปฏิบัติตนในโลกนี้ด้วยการกระทำของบรรดาผู้ที่หื่นกระหาย (ในวัตถุ)" (1)

คำอธิบาย

    แท้จริงคำพูดต่างๆ ท่านอิมามอะลี (อ.) ประหนึ่งปาฏิหาริย์ และคำพูดส่วนนี้ก็คือส่วนหนึ่งจากคำพูดที่ยอดเยี่ยมที่สุดของท่าน คำพูดในบทความนี้มีคำแนะนำตักเตือนที่สำคัญยิ่งสามประการ ซึ่งความดีงามทั้งในชีวิตทางโลกนี้และชีวิตแห่งปรโลก ทั้งของบุคคลและสังคมที่แฝงอยู่

    พวกเขามิได้ให้ราคาและความสำคัญใดๆ ต่อสวรรค์เลย เพียงแค่การพูดโดยปราศจากการปฏิบัตินั้นไม่อาจทำให้มนุษย์พบกับความรอดพ้นได้ เพียงแค่การกล่าวอ้างความรักในศาสนาและความผูกพันต่อวิลายะฮ์และบรรดาผู้นำทางศาสนานั้นไม่อาจเยียวยาแก้ไขอุปสรรคใดๆ ของเราได้เลย และด้วยกับลมปากที่ปราศจากการปฏิบัติ (อะมัล) นั้นไม่อาจคาดหวังความสุขสบายและการมีชีวิตที่ผาสุกไพบูลย์ในปรโลกได้

    การกล่าวอ้างความรักและการยอมรับวิลายะฮ์ (อำนาจการปกครอง) ของอะฮ์ลุลบัยติ์ (อ.) จะเกิดคุณประโยชน์ก็ต่อเมื่อเราจะต้องมีการปฏิบัติความดีงาม (อะมั้ลซอและห์) ต่างๆ ควบคู่ไปด้วย เพื่อที่ว่าหากเราได้พลาดพลั้งกระทำสิ่งที่ผิดพลาดและความผิดบาปไปบ้างในบางครั้ง การยอมรับวิลายะฮ์ (อำนาจการปกครอง) ของอะฮ์ลุลบัยติ์ (อ.) ชะฟาอัต (การให้ความอนุเคราะห์) และอื่นๆ ในทำนองนี้ จะช่วยยังคุณประโยชน์และช่วยทดแทนความผิดพลาดและบาปต่างๆ ได้ จากเนื้อหาข้างต้นนั้นเป็นที่ชัดเจนยิ่งว่า ผู้ที่กล่าวอ้างความรักต่อครอบครัวของท่านศาสดา (ซ็อลฯ) ในขณะที่พวกเขาไม่มีเสบียงของความดีงาม (อะมั้ลซอและห์) ใดๆ เลยนั้น พวกเขาเหล่านั้นช่างอยู่ในความผิดพลาดเสียยิ่งกระไร!

    การสำนึกผิดและกลับเนื้อกลับตัว (เตาบะฮ์) และการย้อนกลับไปสู่พระผู้เป็นเจ้านั้นไม่อาจเข้ากันได้กับการมีความฝันและความคาดหวังที่ยาวไกลไม่จบสิ้น โดยเฉพาะอย่างยิ่ง คนเราไม่รู้ถึงอนาคตของตัวเอง และไม่อาจล่วงรู้ถึงวาระแห่งความตายของตน คนที่ไม่รู้ว่าในอีกอึดใจข้างหน้าเขาจะยังมีชีวิตอยู่หรือว่าเขาจะตายนั้น เขาจะมีความคาดหวังและความเพ้อฝันที่ยาวไกลได้อย่างไรกัน! และบุคคลที่มีความคาดหวังที่ไม่จบสิ้นนั้น เขาจะสามารถกลับตัวกลับใจ (เตาบะฮ์) ได้อย่างไร! วาระแห่งความตาย (อะญัล) นั้นคือสัญญาณเตือนภัย และเป็นตัวยาที่สำคัญสำหรับการเยียวยารักษาอาการป่วยไข้ทางด้านจิตวิญญาณนี้ ในช่วงเวลาที่วาระแห่งความตาย (อะญัล) ของท่านศาสดาสุไลมาน (อ.) มาถึงนั้น แม้แต่การนั่งก็ยังไม่ได้รับอนุญาตสำหรับท่าน ท่านถูกถอดวิญญาณในสภาพที่กำลังยืนอยู่ (2) ดังนั้นจึงไม่สมควรที่เราจะประวิงเวลาของการกลับเนื้อกลับตัว (เตาบะฮ์) ด้วยความคาดหวังที่ยาวไกล (ว่าเรายังจะมีชีวิตอยู่อีกยาวนาน)

    คำแนะนำตักเตือนประการที่สามของท่านอิมามอะลี (อ.) ก็คือ : จงอย่าเป็นเหมือนบรรดาผู้ที่ระหว่างคำพูดและการกระทำของพวกเขามีความขัดแย้งและแตกต่างกัน! ผู้ที่เมื่อพวกเขาพูดเกี่ยวกับโลกนี้ พวกเขาจะพูดประหนึ่งว่าพวกเขาเป็นผู้มีสมถะและเป็นผู้ตัดขาดจากโลกนี้ แต่ในทางปฏิบัติแล้วพวกเขากลับเป็นผู้ที่มีหัวใจผูกพันกับวัตถุและลุ่มหลงในโลกนี้อย่างสมบูรณ์ ดังนั้นจงพยายามทำให้คำพูดและการกระทำของท่านสอดคล้องและตรงกัน ความวิบัติจงประสบกับผู้ที่เมื่อพวกเขาพูดพร่ำพรรณนาถึงความรักของตนที่มีต่อท่านอิมามอะลี (อ.) แต่ในขณะเดียวกัน การกระทำและพฤติกรรมของพวกเขายังสอดคล้องตรงกันกับเหล่ามุอาวียะฮ์ทั้งหลาย! พวกเขาจะพูดเกี่ยวกับเรื่องของจิตวิญญาณและการเคารพภักดีพระผู้เป็นเจ้า แต่ขณะเดียวกัน พวกเขากลับยังคงจมปลักอยู่ในโลกของวัตถุนิยมและบูชาความหรูหราฟุ่มเฟือย!

    ผู้ที่หื่นกระหายในวัตถุ (อัรรอฆิบีน) นั้นคือคนพวกใด? พวกเขาคือกลุ่มคนที่ยืนอยู่บนทางสองแพ่ง พวกที่ยืนหันหลังให้กับพระผู้เป็นเจ้าและหันหน้าเข้าสู่โลกแห่งวัตถุ

    มนุษย์เมื่อยืนอยู่บนทางสองแพ่งดังกล่าว สามารถแบ่งออกได้เป็นหลายกลุ่ม

    กลุ่มแรก คือผู้ที่เลือกเส้นทางของโลกแห่งวัตถุอย่างเบ็ดเสร็จสมบูรณ์ และหันหลังให้กับพระผู้เป็นเจ้าอย่างสมบูรณ์

    กลุ่มที่สอง คือบุคคลที่ตรงข้ามกลับกลุ่มแรก พวกเขาจะหันกลับสู่พระผู้เป็นเจ้า ปฏิบัติคุณงามความดีและมุ่งหน้าสู่ชีวิตหลังความตายและปรโลก

    กลุ่มที่สาม คือผู้ที่อยู่ในความลังเลใจ สับสนและตัดสินใจไม่ถูก เหมือนดั่งเช่น อุมัร อิบนิซะอัด ที่แสวงหาอำนาจการปกครองเมืองเรย์ โดยแลกกับการสังหารท่านอิมามฮุเซน (อ.) แต่ในขณะเดียวกันก็คาดหวังที่จะไปสู่สรวงสวรรค์ คนกลุ่มนี้ระหว่างสติปัญญาและอารมณ์ใฝ่ต่ำของพวกเขาจะทำสงครามกัน แต่ในที่สุดสติปัญญาของพวกเขาก็จะถูกพิชิตและปราชัย! ดังนั้นจำเป็นที่เราจะต้องตรวจสอบและประเมินตัวเราเอง เพื่อให้ประจักษ์ว่าเราอยู่ในกลุ่มใด


เชิงอรรถ :

[1] นะฮ์ญุลบะลาเฆาะฮ์, กะลิมาตุลกอศ๊อร, อันดับที่ 150

[2] ตัฟซีรนะมูเนะฮ์, เล่มที่ 18, หน้าที่ 44 และตารีคอัลอันบิยาอ์, หน้าที่ 197


ที่มา : เว็บไซต์เมาอูด

บทความโดย : เชคมุฮัมมัดนาอีม ประดับญาติ

Copyright © 2024 SAHIBZAMAN.NET- สื่อเรียนรู้สำหรับอิสระชนคนรุ่นใหม่

ผู้เยี่ยมชมอยู่ขณะนี้

มี 933 ผู้มาเยือน และ ไม่มีสมาชิกออนไลน์ ออนไลน์

24787948
Today
Yesterday
This Week
Last Week
This Month
Last Month
All days
37856
52431
215330
24215661
1053613
1618812
24787948

พฤ 21 พ.ย. 2024 :: 20:13:51