ในบทซิยารัตอาชูรอมีพลังด้านลบหรือไม่?
Powered by OrdaSoft!
No result.
ในบทซิยารัตอาชูรอมีพลังด้านลบหรือไม่?

บางคนอ้างว่ามีการสาปแช่ง (ละอ์นัต) (1) มากมายในซิยารัตอาชูรอ และสิ่งนี้จะทำให้เกิดพลังด้านลบ ดังนั้นจึงไม่ควรอ่านมากเกินไป มุมมองนี้ไม่ถูกต้อง เนื่องจากการสาปแช่ง (ละอ์นัต) ในบทซิยารัตอาชูรอนั้น เป็นเรื่องทางความเชื่อ (อิอ์ติกอด) และเป็นสิ่งสำคัญ

ผลเชิงบวกของซิยารัตอาชูรอ

    ศาสนามีสองส่วน ประกอบด้วยเรื่องของความเชื่อ (อิอ์ติกอดาต) และความรักและความเกลียดชัง แม้แต่ท่านอิมามซอดิก (อ.) ได้กล่าวว่า : "เป็นเรื่องปกติที่เราจะรักพวกท่านและเกลียดชังศัตรูของท่าน" ตัวอย่างเช่น เราควรเกลียดอุมัร อิบนุ ซะอัด, อิบนุ ซิยาด และชิมร์ ความเกลียดชังของเรานี้มีประโยชน์ เนื่องจากศาสนาตั้งมั่นอยู่บนพื้นฐานของความรักและความเกลียดชัง (2)

    หากเรามอบหัวใจให้กับพระผู้เป็นเจ้า เราก็ไม่สามารถที่จะมอบหัวใจกับกับศัตรูของพระผู้เป็นเจ้าได้อีก คัมภีร์อัลกุรอานก็ได้กล่าวไว้ในอัลกุรอานบท (ซูเราะฮ์) อัลมุญาดะละฮ์ว่า :

لّا تَجِدُ قَوْمًۭا يُؤْمِنُونَ بِٱللَّهِ وَٱلْيَوْمِ ٱلْـَٔاخِرِ يُوَآدُّونَ مَنْ حَآدَّ ٱللَّهَ وَرَسُولَهُۥ وَلَوْ كَانُوٓا۟ ءَابَآءَهُمْ أَوْ أَبْنَآءَهُمْ أَوْ إِخْوَٰنَهُمْ أَوْ عَشِيرَتَهُمْ

          "เจ้าจะไม่พบกลุ่มชนที่ศรัทธาต่ออัลลอฮ์และวันปรโลกรักใคร่ชอบพอกับผู้ที่ต่อต้านอัลลอฮ์และศาสนทูตของพระองค์ แม้ว่าพวกเขาเหล่านั้นจะเป็นพ่อของพวกเขา หรือลูกหลานของพวกเขา หรือพี่น้องของพวกเขา หรือเครือญาติของพวกเขาก็ตาม” (3)

    ดังนั้นการสาปแช่ง (ละอ์นัต) จึงหมายถึงการแสดงจุดยืนของเราตรงข้ามกับบรรดาศัตรูของพระผู้เป็นเจ้า

    บางคนกล่าวว่าการสาปแช่ง (ละอ์นัต) นั้นมีพลังงานด้านลบ แต่ความจริงแล้วการสาปแช่ง (ละอ์นัต) นั้นมีพลังด้านบวก เนื่องจากมันแสดงถึงความเกลียดชังที่เรามีต่อบรรดาศัตรูของพระผู้เป็นเจ้า เมื่อเราสาปแช่ง เราจะขับไล่ความรักต่อผู้ที่ไม่ใช่พระผู้เป็นเจ้าและศัตรูของพระผู้เป็นเจ้าออกไปจากหัวใจของเรา และนี่คือพลังงานเชิงบวก หากการสาปแช่งมีพลังงานเชิงลบ พระผู้เป็นเจ้าคงไม่เน้นย้ำการสาปแช่งมากมายถึงเพียงนี้ในคัมภีร์อัลกุรอานและในหะดีษทั้งหลาย

    ในบทซิยารัตอาชูรอ มีทั้งเรื่องของ "ตะวัลลี" และ "ตะบัรรี" (4) ชาวชีอะฮ์ให้ความสำคัญต่อการอ่านซิยารัตอาชูรอ เนื่องจากหลักการทั้งสองนี้ ในบทซิยารัตนี้ได้อธิบายถึงการแสดงความรักและความจงรักภักดีต่ออะฮ์ลุลบัยต์ (อ.) และความเกลียดชังต่อบรรดาศัตรูของพวกท่าน และกล่าวโดยสรุปก็คือ การอ่านซิยารัตนี้ไม่เพียงแต่จะไม่สร้างพลังด้านลบแก่เราเท่านั้น แต่ยังเสริมสร้างศรัทธาของเราและทำให้เรายืนหยัดในจุดยืนของต่อต้านความเท็จ ความอธรรมและการกดขี่อีกด้วย

    บางครั้งมีผู้กล่าวว่า การสาปแช่ง (ละอ์นัต) มีความสำคัญมากกว่าการซอละวาต (การขอพรให้ท่านศาสดา (ซ็อลฯ) บางทีอาจด้วยเหตุผลนี้ที่ว่า เนื่องจากการสาปแช่ง (ละอ์นัต) เป็นการแสดงจุดยืนของเราในการต่อต้านบรรดาศัตรูของพระผู้เป็นเจ้า บนพื้นฐานของหะดีษ หากเรายึดเอาพระผู้เป็นเจ้าเป็นศูนย์กลางของชีวิตเรา ความรักและความเกลียดชังของเราก็ควรตั้งอยู่บนศูนย์กลางหรือแกนของพระผู้เป็นเจ้าด้วย บรรดาผู้ที่รักเพื่อพระผู้เป็นเจ้าและเกลียดชังเพื่อพระผู้เป็นเจ้า จะอยู่ในหมู่ผู้ที่มีศรัทธาที่สมบูรณ์ (5)


เชิงอรรถ :

(1). คำว่า “ละอ์นัต” (لَعْنَةٌ)(สาปแช่ง) ในอิสลามนั้นหมายถึง การขอให้พระผู้เป็นเจ้าขับหรือผักไสบุคคลผู้หนึ่งออกจากพระเมตตาของพระองค์   

(2). ท่านอิมามซอดิก (อ.) ได้ตอบผู้ที่ถามท่านเกี่ยวกับความรักและความเกลียดชัง ท่านตอบว่า :

     وَ هَلِ الْاِیمَانُ اِلَّا الْحبّ وَ الْبُغْضُ

     "ความศรัทธานั้น เป็นอื่นไปจากความรักและความเกลียดชังกระนั้นหรือ์" (อัลกาฟี, เชคกุลัยนี, เล่ม 2, หน้า 125)

(3). อัลกุรอานบทอัลมุญาดะละฮ์ โองการที่  2

(4). คำว่า "ตะวัลลี" หมายถึง การแสดงความรัก การปฏิบัติตาม หรือการยอมรับการคุ้มครองดูแล (วิลายะฮ์) ของผู้ใดผู้หนึ่ง

      และคำว่า "ตะบัรรี" หมายถึง การเอาตัวออกห่าง หรือการแสดงความเป็นปฏิปักษ์ และ ไม่ยุ่งเกี่ยวกับใครหรือสิ่งใด

      "ตะวัลลี" (تَوَلِّي) และ "ตะบัรรี" (تَبَرِّي) ถือเป็นส่วนหนึ่งจาก "ฟุรูอุดดีน" (หลักปฏิบัติทางศาสนา) ซึ่งหมายถึง การแสดงความรักและความเป็นมิตรต่อพระผู้เป็นเจ้าและต่อบรรดาผู้ที่รักและเป็นมิตรต่อพระผู้เป็นเจ้า และการเอาตัวออกห่าง หรือแสดงความเป็นศัตรูต่อบรรดาศัตรูของพระผู้เป็นเจ้า

(5). ท่านอิมามซอดิก (อ.) ได้เล่าว่า :ท่านศาสนทูตแห่งอัลลอฮ์ (ซ็อลฯ) กล่าวกับบรรดาสาวกของท่านว่า :

      اَیُّ عُرَی الْاِیمَانِ اَوْثَقُ فَقَالُوا اللَّهُ وَ رَسُولُهُ اَعْلَمُ وَ قَالَ بَعْضُهُمُ الصَّلَاةُ وَ قَالَ بَعْضُهُمُ الزَّکَاةُ وَ قَالَ بَعْضُهُمُ الصِّیَامُ وَ قَالَ بَعْضُهُمُ الْحَجُّ وَ الْعُمْرَةُ وَ قَالَ بَعْضُهُمُ الْجِهَادُ

      "สายเชือกแห่งศรัทธาใดที่มีความมั่นคงที่สุด?" พวกเขากล่าวว่า อัลลอฮ์และศาสนทูตของพระองค์ ย่อมรู้ดีที่สุด บางคนกล่าวว่า นมาซ บางคนก็กล่าวว่า ซะกาต (ทานภาคบังคับ) บางคนก็กล่าวว่า การถือศีลอด บางคนก็กล่าวว่า การทำฮัจญ์และอุมเราะฮ์ และบางคนก็กล่าว ญิฮาด (การต่อสู้ในทางของอัลลอฮ์)"

        فَقَالَ رَسُولُ اللَّهِ ص لِکُلِّ مَا قُلْتُمْ فَضْلٌ وَ لَیْسَ بِهِ وَ لَکِنْ اَوْثَقُ عُرَی الْاِیمَانِ الْحبّ فِی اللَّهِ وَ الْبُغْضُ فِی اللَّهِ وَ تَوَالِی اَوْلِیَاءِ اللَّهِ وَ التَّبَرِّی مِنْ اَعْدَاءِ اللَّهِ

        หลังจากนั้น ท่านศาสนทูตของอัลลอฮ์ (ซ็อลฯ) ได้กล่าวว่า : ทุกสิ่งที่พวกท่านพูดมานั้นเป็นสิ่งที่ดี แต่ไม่ใช่ ทว่าสายเชือกแห่งศรัทธาที่มั่นคงแข็งแกร่งที่สุดนั้น คือ ความรักในทางของอัลลอฮ์ และความเกลียดชังชังในทางของอัลลอฮ์ และการเป็นมิตรต่อบรรดามิตร (เอาลิยาอ์) ของอัลลอฮ์ และการออกห่างจากบรรดาศัตรูของอัลลอฮ์" (อัลกาฟี, เชคกุลัยนี, เล่ม 2, หน้า 125)


บทความโดย : เชคมุฮัมมัดนาอีม ประดับญาติ

Copyright © 2024 SAHIBZAMAN.NET- สื่อเรียนรู้สำหรับอิสระชนคนรุ่นใหม่

ผู้เยี่ยมชมอยู่ขณะนี้

มี 174 ผู้มาเยือน และ ไม่มีสมาชิกออนไลน์ ออนไลน์

24774509
Today
Yesterday
This Week
Last Week
This Month
Last Month
All days
24417
52431
201891
24215661
1040174
1618812
24774509

พฤ 21 พ.ย. 2024 :: 13:25:57