ในอนาคตอันใกล้นี้ ต้นฉบับดั้งเดิมของ "เตารอตและอินญีล" จะได้รับการเปิดเผยในปาเลสไตน์
Powered by OrdaSoft!
No result.
ในอนาคตอันใกล้นี้ ต้นฉบับดั้งเดิมของ "เตารอตและอินญีล" จะได้รับการเปิดเผยในปาเลสไตน์

ตามความเชื่อของเรา ชาวมุสลิม คัมภีร์ของศาสนายูดายและศาสนาคริสต์ได้รับการบิดเบือน และรากฐานที่มาของสงครามจำนวนมากอยู่ที่การบิดเบือนและการตีความคัมภีร์ศักดิ์สิทธิ์เหล่านี้โดยผู้ปฏิบัติตามศาสนาแห่งพระเจ้า

    แต่ในยุคแห่งการปรากฏตัว (ซุฮูร)  ท่านอิมามมะฮ์ดี (อ.) จะเปิดเผยคัมภีร์เตารอต (โตราห์) และอินญีล (ไบเบิล) ต้นฉบับดั้งเดิม และกระทั่งว่าท่านจะพิสูจน์กับพวกเขาถึงความสัจจริงของศาสนาของท่านศาสดามุฮัมมัด (ซ็อลฯ) และแนวทางชิอะฮ์

    ตอนนี้พระคัมภีร์ต้นฉบับดั้งเดิมอยู่ที่ไหน? และอยู่ในมือของใคร?

แอนติออก (อันฏอกียะฮ์) ในตุรกี

    เชคซอดูก รายงานไว้ในหนังสือ "อิละลุชชะรอเอี๊ยะอ์" จากท่านอิมามบากิร (อ.) ว่า :

إذا قامَ قائِمُنا...يَستَخرِجُ التَّوراةَ وسائِرَ كُتُبِ اللَّهِ مِن غارٍ بِأَنطاكِيَة

          "เมื่อกออิมของเรายืนหยัดขึ้น... เขาจะนำคัมภีร์เตารอต (โตราห์) และคัมภีร์อื่นๆ ออกมาจากถ้ำของเมืองอันฏอกียะฮ์ (แอนติออก)" (1)

    แอนติออก หรือ อันฏอกียะฮ์ เป็นเมืองในกรุงโรมโบราณและอยู่ห่างจากชายฝั่งทะเลเมดิเตอร์เรเนียนยี่สิบกิโลเมตร แน่นอนว่าตอนนี้เป็นส่วนหนึ่งของดินแดนของตุรกี (2) ในสมัยโบราณ เมืองนี้ถือเป็นหนึ่งในสามเมืองใหญ่ของกรุงโรมในด้านความมั่งคั่ง ความรู้ และการค้า (3) ศาสนาคริสต์เรียกเมืองแอนติออกว่าเป็นเมืองของพระเจ้า เมืองหลวง และแม่ของเมืองทั้งหลาย เนื่องจากเป็นเมืองแรกที่ผู้คนทั้งหมดได้เปลี่ยนมาเลื่อมใสพระคริสต์และนับถือศาสนาคริสต์ เปาโลและบารนาบัสก็ได้ทำการเผยแพร่ศาสนาที่นั่น (4)

    แอนติออก สำหรับคริสเตียน เป็นเสมือนเมืองมะดีนะฮ์สำหรับชาวมุสลิม และรองจากบัยตุลมักดิส (กรุงเยรูซาเล็ม) ซึ่งถือเป็นเมืองทางศาสนาแห่งที่สองของชาวคริสต์ เนื่องพระเยซูคริสต์ทรงเริ่มการประกาศศาสนาของตนจากบัยตุลมักดิส (กรุงเยรูซาเล็ม) และต่อมาผู้ศรัทธาต่อท่านกลุ่มหนึ่งอพยพไปยังเมืองแอนติออก นักบุญเปาโลและนักบุญบาร์นาบัสได้ไปที่เมืองนั้นและเชิญชวนผู้คนให้มานับถือศาสนานี้ แล้วศาสนาของพระคริสต์ก็แพร่ออกไปจากที่นั่น (5)

    เมืองนี้ นอกจากจะถูกกล่าวถึงในโองการต่างๆ ของคัมภีร์อัลกุรอานแล้ว ยังถูกกล่าวถึงในริวายะฮ์ (คำรายงาย) ต่างๆ ที่เกี่ยวกับท่านอิมามมะฮ์ดี (อ.) อีกด้วย หลังจากการปรากฏตัว (ซุฮูร) ของท่านอิมามมะฮ์ดี (อ.) คัมภีร์เตารอตและอินญีลจะถูกนำออกมาจากถ้ำแห่งหนึ่งในเมืองแอนติออก (6) โดยบรรดาตัวแทนที่ท่านได้ส่งมายังดินแดนนี้ (7) และท่านอิมามมะฮ์ดี (อ.) ก็จะใช้คัมภีร์ทั้งสองนี้ในการโต้เถียงและพิสูจน์ความจริงกับชาวยิวและคริสเตียน (8)

บัยตุลมักดิส (เยรูซาเล็ม) ในปาเลสไตน์

    ท่านอิมามมะฮ์ดี (อ.) จะแสดงต้นฉบับดั้งเดิมของโตราห์และอินญีลจากทิเบเรียสทางตอนเหนือของปาเลสไตน์ :

أَنَّهُ عَلَى يَدِي الْمَهْدِيِّ يَظْهَرُ تَابُوتُ السَّكِينَةِ مِنْ بَحِيرَةِ طَبَرِيَّةَ حَتَّى يُحْمَلَ فَيُوضَعَ بَيْنَ يَدَيْهِ بِبَيْتِ الْمَقْدِسِ

          "โดยมือของมะฮ์ดี ตาบูตซะกีนะฮ์ (หีบแห่งพันธสัญญา) จะปรากฏจากทะเลสาบฏอบารียะฮ์ (ทิเบเรียส) จนกระทั่งมันจะถูกแบกไปวางไว้เบื้องหน้าบัยตุลมักดิส" (9)

    แน่นอนว่าในหะดีษบทหนึ่ง ท่านอิมามมะฮ์ดี (อ.) จะมอบหมายภารกิจนี้ให้กับท่านศาสดาอีซา (อ.) หรือพระเยซู (10)

เมืองแอนติออกหรือปาเลสไตน์ เมืองไหนกันแน่?

    ทั้งสองถูกต้อง ในความเป็นจริง สำเนาต้นฉบับดั้งเดิมและสำเนาโบราณของ "โตราห์และไบเบิล" หลายฉบับถูกซ่อนอยู่ในสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ต่างๆ ของชาวคริสเตียนและชาวยิว และสาธารณชนไม่ได้รับรู้ถึงสิ่งเหล่านั้น ยกเว้นบรรดานักบวชของชาวยิวและคริสตจักร

    นอกจากนี้ "หีบแห่งพันธสัญญา" (Ark of the Covenant) ของชาวยิว ซึ่งอัลกุรอานเรียกว่า "หีบแห่งความสงบ" (ตาบูต อัซซะกีนะฮ์) และสันติภาพของชาวยิว (11) และได้รับการส่งมอบจากศาสดาดาวูด (เดวิด) ไปยังศาสดาสุไลมาน (โซโลมอน) ตามหลักฐานบางหะดีษ มันถูกซ่อนอยู่ในปาเลสไตน์ ซึ่งมีสำเนาต้นฉบับของโตราห์ด้วย

คำอธิบาย : อัลกุรอานกล่าวถึงเนื้อหาใน “หีบแห่งพันธสัญญา” ว่า

بَقِيَّةٌ مِّمَّا تَرَكَ آلُ مُوسَىٰ وَآلُ هَارُونَ

          “ส่วนที่เหลือจากสิ่งที่วงศ์วานของมูซา และวงศ์วานของฮารูนได้ละทิ้งไว้”

(ซูเราะฮ์อัลบะเกาะเราะฮ์ / อายะฮ์ที่ 248)

   ซึ่งตามหะดีษต่างๆ ประกอบไปด้วย : แผ่นจารึกของมูซา (โมเสส) ไม้เท้าของมูซา  ฯลฯ (12) หลักฐานอีกประการหนึ่งในเรื่องนี้ คือหะดีษในหนังสืออัลฆ็อยบะฮ์ ของนุอ์มานี :

سمعت أبا عبد الله (عليه السلام) يقول : عصا موسى قضيب آس من غرس الجنة، أتاه بها جبرائيل (عليه السلام) لما توجه تلقاء مدين، وهي وتابوت آدم في بحيرة طبرية، ولن يبليا، ولن يتغيرا حتى يخرجهما القائم (عليه السلام) إذا قام

          "ฉันได้ยินอบูอับดิลลาฮ์กล่าวว่า : ไม้เท้าของมูซา เป็นกิ่งไม้อาซจากต้นไม้ในสวรรค์ ซึ่งญิบรออีล (อ.) ได้นำมามอบให้กับท่าน เมื่อท่านมุ่งหน้าไปยังเมืองมัดยัน และมัน (ไม้เท้าของมูซา) พร้อมด้วยหีบของอาดัมจะอยู่ในทะเลสาบฏ็อบรียะฮ์ (ทิเบเรียส) และทั้งสองจะไม่เก่า และจะไม่เปลี่ยนแปลงจนกว่ากออิม (อ.) จะนำมันออกมาเมื่อเขายืนหยัดขึ้น" (13)

          ดังนั้นต้นฉบับดั้งเดิมของโตราห์และไบเบิลจึงอยู่ในความครอบครองของ "บรรดานักบวชชาวยิว" และแม้ว่าพวกเขาจะรู้ว่าศาสนาอิสลามคือสัจธรรม แต่พวกเขาก็ยังคงยืนกรานในความเชื่อที่ผิดของตนและกระทั่งว่าเป็นเหตุทำให้บรรดาผู้ปฏิบัติตามศาสนาคริสต์หลงผิดไปด้วย แต่อีกไม่นาน เมื่อท่านอิมามมะฮ์ดี (อ.) ปรากฏตัวขึ้น ความจริงทั้งหมดก็จะถูกเปิดเผย


เชิงอรรถ :

1. อิละลุชชะรอเอี๊ยะอ์, เชคซอดูก, เล่ม 1, หน้า 161

2. ดอนิชนอเมะฮ์ อิมามมะฮ์ดี, เรย์ชะฮ์รี, เล่ม 9, หน้า 409

3. มุอ์ญะมุลบุลดาน, ยากูต ฮะมะวี, เล่ม 1, หน้า 182 และหน้า 266

4. ดาอิร่อตุลมะอาริฟ อัลกุรอาน,คุรอซานี, "อันฏอกียะฮ์", เล่ม 4, หน้า 535

5. ฟัรฮังก์นอเมะฮ์ มะฮ์ดะวียัต, ซะลีมียอน, หน้า 93 ; เมาอูดนอเมะฮ์, ตูเนะฮ์อี, หน้า 511

6. ซุรูร อะฮ์ลิลอีมาน, นัยลี นะญะฟี, หน้า 111 :

أَوَّلُ مَا یَبْدَأُ الْقَائِمُ بِأَنْطَاکِیَةَ فَیَسْتَخْرِجُ مِنْهَا التَّوْرَاةَ

“สิ่งแรกที่กออิม (อิมามมะฮ์ดี) จะเริ่มต้นในเมืองอันฏอกียะฮ์ คือท่านจะนำเอาคัมภีร์เตารอตออกมาจากมัน”

7. ดะลาอิลุลอิมามะฮ์, ฏอบะรี, หน้า 466

8. อัล ฆ็อยบะฮ์, นุอ์มานี, หน้า 238 :

الْمَهْدِیُّ...یَسْتَخْرِجُ التَّوْرَاةَ وَ سَائِرَ کُتُبِ اللَّهِ عَزَّ وَ جَلَّ مِنْ غَارٍ بِأَنْطَاکِیَة

“มะฮ์ดี (อ.) ... จะนำเตารอตและคัมภีร์อื่นๆ ของอัลลอฮ์ ผู้ทรงเกริกเกียรติ ผู้ทรงเกรียงไกร ออกมาจากถ้ำในเมืองอันฏอกียะฮ์”

9. อัลมะลาฮิม วัลฟิตัน, อิบนุฏอวูซ, หน้า 150

10. ฮิลยะตุลอับร๊อร, บะห์รอนี, เล่ม 6, หน้า 307

11. อัลกุรอานบทอัลบะเกาะเราะฮ์ โองการที่ 248 :

نَبِيُّهُمْ إِنَّ ءَايَةَ مُلْكِهِۦٓ أَن يَأْتِيَكُمُ ٱلتَّابُوتُ فِيهِ سَكِينَةٌۭ مِّن رَّبِّكُمْ وَبَقِيَّةٌۭ مِّمَّا تَرَكَ ءَالُ مُوسَىٰ وَءَالُ هَـٰرُونَ

“แท้จริงสัญญาณแห่งอำนาจของเขานั้น คือการที่หีบใบนั้น จะมายังพวกท่าน ในหีบนั้น มีความสงบ จากพระผู้อภิบาลของพวกท่าน และมีส่วนที่เหลือจากสิ่งที่วงศ์วานของมูซา และวงศ์วานของฮารูนได้ละทิ้งไว้”

12. ตัฟซีร อัล ติบยาน, เชคฏูซี, เล่ม 2 หน้า 293; ตัฟซีร นูรุษษะกอลัยน์, ฮุวัยซี, เล่ม 1, หน้า 246-247

13. อัลฆ็อยบะฮ์, นุอ์มานี, หน้า 328


ผู้เขียน : มุศฏอฟา อะมีรี

แปลและเรียบเรียง : เชคมุฮัมมัดนาอีม ประดับญาติ

หมายเหตุ : มีการแก้ไขเพิ่มเติมในเนื้อหาและตัวบทหะดีษ เพื่อให้เกิดความสมบูรณ์และเข้าใจง่ายขึ้นสำหรับผู้อ่าน

Copyright © 2024 SAHIBZAMAN.NET- สื่อเรียนรู้สำหรับอิสระชนคนรุ่นใหม่

ผู้เยี่ยมชมอยู่ขณะนี้

มี 427 ผู้มาเยือน และ ไม่มีสมาชิกออนไลน์ ออนไลน์

21504153
Today
Yesterday
This Week
Last Week
This Month
Last Month
All days
12382
45608
221655
20904429
988690
2496676
21504153

พฤ 19 ก.ย. 2024 :: 08:02:11