สิ่งที่กำลังเกิดขึ้นในโลกอิสลามและโลกอาหรับปัจจุบันนี้ไม่ว่าจะเป็นในเรื่องของสงคราม ความขัดแย้งและการแบ่งซอยประเทศต่างๆ นั้นมิใช่เป็นเรื่องที่เกิดขึ้นหรือที่อุบัติขึ้นโดยบังเอิญ แต่เป็นแผนการที่ออกแบบคิดคำนวณไว้ล่วงหน้า ซึ่งถูกวางแผนไว้เมื่อหลายปีก่อน โดยบุรุษผู้หนึ่งที่มีชื่อว่า "เบอร์นาร์ด ลูอิส" (Bernard Lewis)
ตามการรายงานของสำนักข่าวฟาร์ซโดยอ้างแหล่งข่าวจากเว็บไซต์ข่าวอิสลามทูเดย์ ; "ฟัตฮี ชะฮาบุดดีน" นักเขียนแห่งโลกอาหรับได้อธิบายและแจกแจงรายละเอียดไว้ในบทความบทหนึ่งถึงแผนการของเบอร์นาร์ด ลูอิส เกี่ยวกับการแบ่งซอยโลกอิสลามและอาหรับ และเขาได้เขียนเกี่ยวกับเรื่องนี้ว่า : บรรดาผู้ที่ไม่ได้อ่านประวัติศาสตร์นั้น พวกเขาคิดว่าสิ่งที่อเมริกาได้ดำเนินการในอิรักและได้ครอบครองประเทศนี้ เป็นการดำเนินการที่เกิดขึ้นแบบอุบัติเหตุโดยไม่ตั้งใจและเป็นผลพวงของเหตุการณ์ต่างๆ ที่เกิดขึ้นโดยบังเอิญ
ภายหลังจากที่เราได้เห็นเหตุการณ์ต่างๆ ในประเทศซูดานที่เป็นสาเหตุนำไปสู่การแยกตัวภาคใต้ของซูดานออกไปจากภาคเหนือของประเทศ ในขณะที่คนส่วนมากนั้นหลงลืมไปว่า นี่คือข้อเท็จจริงอันยิ่งใหญ่ที่การดำเนินการดังกล่าวนี้เป็นเพียงส่วนหนึ่งของการดำเนินการตามแผนการล่าอาณานิคม ซึ่งลัทธิไซออนิสต์สากลได้วางแผนไว้เพื่อการแบ่งแยกและซอยโลกอิสลามและโลกอาหรับ
ด้วยกับพื้นฐานของสิ่งดังกล่าวนี้ พวกเขาจะเปลี่ยนโลกทั้งสองให้กลายเป็นประเทศเล็กประเทศน้อย และโดยสื่อดังกล่าวนี้ ปัจจัยขั้นพื้นฐานในเบื้องต้นของอำนาจการปกครองของระบอบไซออนิสต์จะได้ถูกจัดเตรียมขึ้นในดินแดนปาเลสไตน์ และต่อจากนั้นก็จะขยายวงไปทั่วภูมิภาคของตะวันออกกลาง
เป้าหมายของการตีแผ่ประเด็นดังกล่าวนี้ อาจจะเป็นเพียงข้อมูลเบื้องต้นเพื่อให้ประชาชาติมุสลิมในโลกอิสลามโดยเฉพาะอย่างยิ่งบรรดาเยาวชนมุสลิมได้รับรู้ถึงแผนการที่อันตรายนี้โดยเฉพาะกรณีที่พวกไซออนิสต์สากลได้ทุ่มทุนมหาศาลเพื่อล้างสมองของบรรดาเยาวชนและเบี่ยงเบนความคิดของพวกเขาไปในทิศทางแห่งการหลงผิด ตกเป็นเครื่องมือรับใช้และสนองตอบต่อแผนการของระบอบไซออนิสต์และอเมริกา
เบอร์นาร์ด ลูอิส คือใคร ?
เบอร์นาร์ด ลูอิส เป็นยิวไซออนิสต์ สัญชาติอาหรับ เป็นจอมวางแผนที่อันตรายและร้ายกาจที่สุดแห่งศตวรรษ สำหรับการแบ่งแยก แบ่งซอยโลกมุสลิม และโลกอาหรับออกเป็นส่วนๆ เริ่มตั้งแต่ปากีสถานไปจนถึงโมร็อกโค
ข้อมูลประวัติจากหนังสือนิตยสารของกระทรวงกลาโหมของอเมริกาซึ่งได้จัดพิมพ์และตีแผ่เกี่ยวกับบุคคลผู้นี้ไว้ว่า เบอร์นาร์ด ลูอิส เกิดในกรุงลอนดอน ประเทศอังกฤษ ในปี ค.ศ. 1916 เขาเป็นนักบูรพาคดีศึกษา (Orientalists) ชาวอังกฤษ เชื้อสายยิวที่มีสัญชาติอเมริกัน เขาจบการศึกษาในปี 1936 จากลอนดอน และได้เป็นอาจารย์สอนอยู่ในภาควิชาประวัติศาสตร์ของศูนย์การวิจัยเกี่ยวกับแอฟริกาตะวันออก
ผลงานเขียนต่างๆของเบอร์นาร์ด ลูอิส
ลูอิส ได้เขียนบทความและหนังสือจำนวนมากเกี่ยวกับอิสลามและชาวมุสลิม ในความเป็นจริงแล้วเขาได้เขียนเนื้อหาเกี่ยวกับทุกๆ เรื่องราวที่ประณามและดูถูกเหยียดหยามอิสลามเอาไว้ ซึ่งด้วยเหตุผลดังกล่าวนี้ ในระยะเวลาไม่นานผลงานการเขียนบทความต่างๆ ของเขาจึงได้กลายเป็นหนังสืออ้างอิงของกลุ่มประเทศตะวันตกจำนวนมาก
ผลงานการเขียนจากบทความต่างๆ ของลูอิสนั้น ครอบคลุมเนื้อหาในด้านต่างๆ เริ่มตั้งแต่บรรดานักค้าและพวกที่ติดยาเสพติด พวกหัวรุนแรงที่นับถือศาสนา ตามแนวความเชื่อเดิม(fundamentalist) ของนิกายอิสมาอีลียะฮ์ และกิรมิฏียะฮ์ มาจนถึงประวัติศาสตร์สมัยใหม่ของโลก ซึ่งส่วนหนึ่งจากเนื้อหาบทความของเขาได้เน้นย้ำเกี่ยวกับแนวความเชื่อของลัทธิไซออนิสต์ของตนเอง เช่นเนื้อหาเกี่ยวกับขบวนการไซออนิสต์และแนวความเชื่อต่างๆ ของลัทธิไซออนิสต์
หนังสือพิมพ์วอลสตรีทเจอร์นัล : ลูอิส ผู้เชี่ยวชาญด้านทฤษฎีนโยบายการครอบงำต่างๆ และการแทรกแซงของอเมริกาในภูมิภาคตะวันออกกลาง
หนังสือพิมพ์วอลสตรีทเจอร์นัล (The Wall Street Journal) ได้เขียนเกี่ยวกับ เบอร์นาร์ด ลูอิสไว้เช่นนี้ว่า : "เบอร์นาร์ด ลูอิส บุรษวัย 90 ปี เป็นนักประวัติศาสตร์ที่เชียวชาญของตะวันออกกลาง ผู้ซึ่งได้จัดเตรียมข้อมูล แนวความคิดและความเชื่อทางอุดมการณ์ของรัฐบาลอเมริกาสมัยบุช ในประเด็นต่างๆ เกี่ยวกับตะวันออกกลางและสงครามของอเมริกากับการต่อต้านลัทธิก่อการร้าย โดยที่จำเป็นจะต้องยอมรับว่าเขาคือผู้เชี่ยวชาญตัวจริงเกี่ยวกับทฤษฎีนโยบายครอบงำและปกครอง การแทรกแซงของอเมริกาในภูมิภาคตะวันออกกลาง
ในนิตยสารฉบับเดียวกันนี้ ยังได้เขียนต่อไปว่า : ลูอิสได้แสดงการสนับสนุนและการปกป้องต่างๆ ที่ชัดเจนและอย่างเปิดเผย จากการโจมตีต่างๆ ของสงครามครูเสด (Crusade) ในตลอดระยะเวลาแห่งประวัติศาสตร์และในช่วงหลายศตวรรษที่ผ่านมา และเขาได้ย้ำว่า การขออภัยสำหรับการโจมตีต่างๆ เหล่านี้ เป็นความโง่เขลาบริสุทธิ์
เบอร์นาร์ด ลูอิส คือ ผู้ประดิษฐ์สำนวนที่ว่า "การปะทะระหว่างอารยะธรรม"
แม้จะมีผู้กล่าวว่า สำนวนมายาคติของคำว่า "การปะทะระหว่างอารยะธรรม" นั้น ซามูเอล ฮันติงตัน (Samuel Huntington) นักคิดกลุ่มอนุรักษ์นิยมได้เป็นผู้ประดิษฐ์ขึ้น แต่กระนั้นก็ตาม "เบอร์นาร์ด ลูอิส" ผู้นี้ได้นำเสนอสำนวนดังกล่าวนี้ไปสู่ความคิดสาธารณะของประชาชน ในหนังสือ “The Clash of Civilizations anก the Remaking of World Order” ของฮันติงตัน ซึ่งถูกตีพิมพ์ในปี 1996 ผู้เขียนได้ชี้ให้เห็นในส่วนสำคัญของหนังสือตนเองถึงบทความหนึ่งที่ ลูอิสได้เขียนไว้ในปี 1990 ภายใต้หัวข้อว่า "รากฐานที่มาของความโกรธกริ้วของชาวมุสลิม" และเขาได้เขียนไว้ในบทความนั้นว่า : สิ่งนี้มิได้น้อยไปกว่าการปะทะระหว่างอารยะธรรมต่างๆ บางทีประเด็นดังกล่าวนี้ อาจจะไม่มีตรรกะและเหตุผลใดๆ แต่ก็ไม่ต้องสงสัยเลยว่าปฏิกิริยาของโลกอิสลามที่มีต่อพวกเรานั้น เป็นปฏิกิริยาทางประวัติศาสตร์ที่มีมาแต่ดั้งเดิม จากยุคโบราณที่เกิดขึ้นจากฝ่ายผู้เป็นปรปักษ์กับอารยะธรรมต่างๆ ของชาวยิวและชาวคริสต์ ด้วยอารยะธรรมที่มุ่งเน้นทางโลก (เซคคิวลาร์) ซึ่งในปัจจุบันการขยายอิทธิพลของเราออกไปในโลก
การสร้างความสัมพันธ์กับบรรดาเจ้าหน้าที่รัฐบาลในสหรัฐอเมริกา
นับตั้งแต่ทศวรรษที่เจ็ดสิบ ลูอิส ได้สถาปนาความสัมพันธ์ที่แข็งแกร่งและจริงใจกับกลุ่มอนุรักษ์นิยมใหม่ (Neoconservative) ของอเมริกา โดยที่ "กรีชต์" ซึ่งเป็นผู้หนึ่งจากสมาชิกของหน่วยงานข่าวกรองกลาง (ซีไอเอ) ของอเมริกาได้กล่าวเกี่ยวกับเขาว่า ลูอิส ได้เป็นหนึ่งในที่ปรึกษา บุช ซีเนียร์ และ บุช จูเนียร์ ในกิจการทั่วไปเป็นระยะเวลายาวนานหลายปี
ในวันที่ 1 พฤษภาคม ค.ศ. 2006 ดิก ชีนีย์ รองประธานาธิบดีจอร์จ ดับเบิลยู บุช ซึ่งเป็นประธานาธิบดีของอเมริกาในสมัยนั้น เขาได้กล่าวคำปราศรัยเกี่ยวกับกิจการระหว่างประเทศในเมืองฟิลาเดลเฟีย ซึ่งได้ยกย่องและเชิดชูเกียรติต่อลูอิสในคำพูดของตน
ดิก ชีนีย์ ได้กล่าวในคำปราศรัยของตนว่า “ลูอิส ได้มายังวอชิงตันเพื่อเป็นที่ปรึกษาของรัฐมนตรีกระทรวงกลาโหมของอเมริกาในกิจการเกี่ยวกับตะวันออกกลาง”
บุรุษผู้มีผลงานเขียนหลายพันเรื่องเกี่ยวกับตะวันออกกลาง
ลูอิส ศาสตราจารย์ผู้เกษียณอายุของมหาวิทยาลัยพรินซ์ตันผู้นี้ได้เขียนหนังสือและบทความเกี่ยวกับตะวันออกกลางจำนวนถึงสองหมื่นเรื่อง ซึ่งในท่ามกลางผลงานเหล่านี้จำเป็นต้องกล่าวถึงหัวข้อเรื่อง
- "ชาวอาหรับในประวัติศาสตร์"
- "การปะทะระหว่างอิสลามและความคิดสมัยใหม่ในตะวันออกกลางยุคใหม่"
- "วิกฤตของอิสลาม"
- "สงครามเก่าแก่และการก่อการร้ายที่ไร้ความศักดิ์สิทธิ์"
บทบาทของเบอร์นาร์ด ลูอิส ไม่จำกัดอยู่แค่การสร้างความเข้าใจ ในขณะเดียวกันการสร้างความเกลียดชังให้เกิดขึ้นในระหว่างบรรดาผู้นำของสองทวีป คืออเมริกาและยุโรปเพียงเท่านั้น ทว่าในฐานะที่เป็นไซออนิสต์ผู้หนึ่งที่อยู่ในรัฐบาลของจอร์จ ดับเบิลยู บุช นั้น เขาได้ดำเนินการวางแผนและนำเสนอยุทธศาสตร์ต่างๆ ของกลุ่มอนุรักษ์นิยมใหม่ของอเมริกาในการสร้างความเป็นศัตรูและความเป็นปรปักษ์อย่างรุนแรงต่ออิสลามและชาวมุสลิมให้เกิดขึ้นในรัฐบาลของ บุช
การมีส่วนร่วมในการวางแผนทางยุทธศาสตร์ในการบุกยึดอิรัก
ในความเป็นจริงแล้วเขาเป็นผู้ที่มีส่วนร่วมในการการวางแผนทางด้านยุทธศาสตร์ในการบุกยึดอิรัก โดยที่หนังสือพิมพ์อเมริกาฉบับหนึ่งได้เขียนว่า ลูอิส ในช่วงเวลาที่มืดมนของจอร์จ ดับเบิลยู บุช และดิก ชีนีย์ ภายหลังจากเหตุการณ์ (9/11) ที่เครื่องบินได้พุ่งชนศูนย์กลางเศรษฐกิจของโลกนั้น เขาได้อยู่ร่วมกับบุคคลทั้งสอง และในช่วงเวลาดังกล่าวนี้เองที่ลูอิสได้นำเสนอประเด็นเกี่ยวกับการบุกยึดประเทศอิรักและเป้าหมายต่างๆ ที่แฝงอยู่ภายหลังจากนั้นและวิธีการให้เหตุผลต่างๆ เกี่ยวกับการบุกโจมตีครั้งนี้ ในรูปแบบวาทกรรมคำพูดต่างๆ อย่างเช่น "สงครามระหว่างอารยะธรรม" และ "ลัทธิการก่อการร้ายของอิสลาม"
ทัศนคติของเบอร์นาร์ด ลูอิสเกี่ยวกับชาวอาหรับและชาวมุสลิม
ในการให้สัมภาษณ์จาก ลูอิส จากสำนักข่าวแห่งหนึ่ง เมื่อวันที่ 20 พฤษภาคม ค.ศ. 2005 นั้น เขาได้กล่าวว่า : ชาวอาหรับและชาวมุสลิมนั้นเป็นหมู่ชนที่เลวร้าย ซึ่งจะทำให้หมู่ชนอื่นๆ เลวร้ายไปด้วย จะนำพาไปสู่ความเสียหายในอนาคต คุณไม่สามารถที่จะทำให้พวกเขาเป็นผู้มีอารยะธรรมได้ และถ้าหากคุณปล่อยให้พวกเขาดำเนินไปตามยถากรรมของตัวเอง พวกเขาจะทำให้โลกตกอยู่ในภวังค์แห่งความตลึงงัน ด้วยกระแสคลื่นของการก่อการร้ายที่จะเป็นตัวบั่นทอนและทำลายอารยะธรรมทั้งหมดให้สูญสิ้นไป และพวกเขาจะทำลายสังคมของมนุษยชาติให้ย่อยยับ
ด้วยเหตุผลดังกล่าวนี้ หนทางการแก้ไขแบบสันติวิธีในการปฏิบัติกับพวกเขานั้น มีเพียงหนทางเดียวนั่นคือ การยึดครองประเทศต่างๆ ของพวกเขาอีกครั้งหนึ่ง การล่าอาณานิคมแผ่นดินของพวกเขา การทำลายวัฒนธรรมทางศาสนาและสังคมของพวกเขา ซึ่งในกรณีที่อเมริกาต้องการที่จะรับผิดชอบบทบาทดังกล่าวนี้ จำเป็นที่จะต้องเรียนรู้และใช้ประโยชน์จากประสบการณ์ของอังกฤษและฝรั่งเศสในการล่าอาณานิคมในภูมิภาคนี้ เพื่อป้องกันมิให้เกิดความผิดพลาดต่างๆ ซ้ำรอยกับบทเรียนของสองประเทศนี้
เขาได้ย้ำในการให้สัมภาษณ์ครั้งนี้อีกว่า การแบ่งซอยโลกอิสลามและโลกอาหรับออกเป็นส่วนๆ และแยกซอยเป็นกลุ่มชนและเผ่าชนต่างๆ นั้น เป็นสิ่งที่จำเป็นอย่างยิ่ง และในการกระทำดังกล่าวนี้ไม่จำเป็นต้องคำนึงความรู้สึกหรือปฏิกิริยาใดๆ ของพวกเขา แต่สิ่งที่อเมริกาควรคำนึงหรือกังวลในเรื่องนี้ก็คือ เราจำเป็นจะต้องทำให้พวกเขาเข้ามาอยู่ในบ่วงและกรอบของตน และทำการปกครองพวกเขาให้ได้ หรือว่าเราจะปล่อยให้พวกเขาอยู่ในสภาพของพวกเขาเช่นนี้ต่อไป โดยที่พวกเขาจะสร้างความเสียหายและทำลายอารยะธรรมของพวกเราให้หมดสิ้นไป
การส่งเสริมให้ยึดครองโลกอาหรับและอิสลาม
ลูอิส ได้ชี้ให้เห็นว่า เขาไม่เห็นอุปสรรคใดๆ ที่จะมาขวางกั้นหนทางในการครอบครองและการยึดครองอาณาเขตต่างๆ ของอาหรับและอิสลามเลย โดยที่เขากล่าวว่า : จากกรณีที่ว่า เรากำลังพยายามที่จะทำให้ชาวอาหรับและชาวมุสลิมเป็นผู้มีอารยะธรรมและจากกรณีที่ว่า เรามีความปรารถนาที่จะทำให้เกิดเสรีภาพและประชาธิปไตยขึ้นในระหว่างประเทศทั้งหลายของพวกเขา ดังนั้นจำเป็นที่เราจะต้องล่าอาณานิคมประเทศเหล่านี้ และในประเด็นนี้ผมไม่เห็นว่าจะมีอุปสรรคใดๆ ในเรื่องนี้เลย ที่อเมริกาจะกดดันบรรดาผู้นำที่นิยมอิสลามของประเทศอาหรับเหล่านี้เอาไว้ เพื่อที่จะปลดปล่อยประชาชนในประเทศของภูมิภาคนี้ให้หลุดพ้นออกจากบ่วงพันธนาการของอิสลามและความเชื่อต่างๆ ที่เลวร้าย ด้วยจุดประสงค์ดังกล่าวนี้ จำเป็นที่จะต้องตีวงการกดดันต่อประชาชนเหล่านี้ให้แคบลงเท่าที่จะทำได้ และทำให้พวกเขาเข้ามาอยู่ในวงล้อมให้ได้ และจะต้องใช้ประโยชน์ให้ได้มากที่สุดจากความขัดแย้งในทัศนะความเห็นต่างๆ ที่มีอยู่ในประเทศอาหรับเหล่านี้ เราต้องอาศัยความอคติในระหว่างเผ่าชนและการเล่นพรรคเล่นพวกที่มีอยู่ในหมู่พวกเขามาแต่เดิม เพื่อการยึดครองประเทศในภูมภาคเหล่านี้
การวางแผนของ เบอร์นาร์ด ลูอิส เพื่อการคัดแยกและการแบ่งซอยโลกอิสลามและอาหรับ ซึ่งจะเป็นนโยบายของอเมริกา ในยุคสมัยต่างๆ
ในปี 1980 และในช่วงที่สงครามอิรักและอิหร่านกำลังดำเนินอยู่นั้น เบรอชินสกี (Brzezinski) ที่ปรึกษาด้านความมั่นคงแห่งชาติของอเมริกาในช่วงเวลานั้นได้กล่าวว่า : ปัญหาหลักและเป็นปัญหาสำคัญยิ่งที่อเมริกากำลังเผชิญหน้าอยู่ในขณะนี้ ก็คือ อเมริกาไม่รู้ว่าจะทำอย่างไรที่จะสามารถทำให้สงครามอื่นๆเกิดขึ้นในอ่าวเปอร์เซียเคียงข้างและควบคู่ไปกับสงครามอิรักกับอิหร่าน เพื่อว่าโดยสื่อดังกล่าวอเมริกาจะได้สามารถแก้ไขและเปลี่ยนแปลงข้อตกลง “ไซเกส - ปีโกต์” (Sykes – Picot Agreement) ได้
2 - สืบเนื่องมาจากถ้อยแถลงดังกล่าวนี้และเป็นไปตามคำสั่งของกระทรวงกลาโหมของอเมริกา (เพนตากอน) เบอร์นาร์ด ลูอิส จึงได้รับคำสั่งให้วางแผนอันเป็นที่เลื่องลือของตนในการทำลายความเป็นเอกภาพทางกฎหมายของประเทศอิสลามและอาหรับทั้งหมดและในการดังกล่าวนี้เขาได้ถูกมอบหมายหน้าที่ให้วางแผนแบ่งซอยและแยกแยะแต่ละประเทศอิสลามและอาหรับ โดยที่จะครอบคลุมบรรดาประเทศอย่างเช่น อิรัก ซีเรีย เลบานอน อียิปต์ อิหร่าน ตุรกี อัฟกานิสถาน ปากีสถาน ซาอุดีอาระเบีย ประเทศต่างๆ ในแถบอ่าวเปอร์เซียและแอฟริกาเหนือ และด้วยกับแรงบันดาลใจจากคำพูดของเบรอชินสกี (Brzezinski) นี้เองที่เขาดำเนินการจัดเตรียมแผนและโครงการแยกแยะและแบ่งซอยประเทศต่างๆ ของโลกอิสลาม
ในขณะที่หลังจากเบรอชินสกี (Brzezinski) ในช่วงสมัยดังกล่าวนี้ จิมมี่ คาร์เตอร์ อดีตประธานาธิบดีของสหรัฐอเมริกาเองก็ต้องการให้เกิดสงครามแห่งที่สองขึ้นในตะวันออกกลางและเฉพาะเจาะจงในภูมิภาคอ่าวเปอร์เซียเพื่อว่าโดยสื่อดังกล่าวอเมริกาจะได้มีโอกาสที่จะแก้ไขข้อกำหนดต่างๆของสนธิสัญญา“ไซเกส – ปีโกต์” (Sykes – Picot Agreement) และปรับปรุงมันเพื่อให้สอดคล้องกับผลประโยชน์ของอเมริกาในภูมิภาคนี้
3 -ในปี 1983 สภาคองเกรสของอเมริกาโดยการประชุมลับได้ตกลงกับเบอร์นาร์ด ลูอิส ซึ่งในการประชุมครั้งนี้ สภาคองเกรสได้อนุมัติแผนของลูอิส และออกคำสั่งให้บรรจุแผนนี้ลงในแฟ้มนโยบายยุทธศาสตร์ของอเมริกาสำหรับปีต่างๆ ในอนาคต
บทความ : เชคมุฮัมมัดนาอีม ประดับญาติ
Copyright © 2017 SAHIBZAMAN.NET- สื่อเรียนรู้อิสลามสำหรับอิสระชนคนรุ่นใหม่