ชาวปาเลสไตน์กลุ่มแรกเป็นชนชาวอาหรับ ไม่ใช่ชาวยิววงศ์วานของอิสราเอล
ชาวปาเลสไตน์กลุ่มแรกเป็นชนชาวอาหรับ ไม่ใช่ชาวยิววงศ์วานของอิสราเอล

ประวัติศาสตร์อารยธรรมแสดงให้เห็นว่า ชาวยิวไซออนิสต์อาศัยอยู่ในประเทศต่างๆ และแม้แต่บางทีบรรพบุรุษของพวกเขาไม่ได้อาศัยอยู่ในปาเลสไตน์ด้วยซ้ำ แต่อาศัยอยู่ในอียิปต์และเมืองอื่นๆ อะไรคือเหตุผลในการขับไล่ชาวปาเลสไตน์ออกจากดินแดนของตนโดยข้ออ้างที่ว่า "การจัดตั้งรัฐใหม่ ? ...

    ฮุจญะตุลอิสลาม ซัยยิดมะฮ์ดี ตะวักกุล นักค้นคว้าวิจัยผู้เชี่ยวชาญในสาขา มะฮ์ดะวียะฮ์ (1) และศาสนาต่างๆ ได้เขียนบทบันทึกย่อในหัวข้อเรื่อง "ความคิดและความเชื่อของชาวยิวเกี่ยวกับการปรากฏตัวในอัลกุดส์ (เยรูซาเล็ม)" ซึ่งเราจะได้อ่านด้านล่างนี้ :

    เรารู้ว่าชาวยิวหรือบนีอิสรออีลเป็นลูกหลานของศาสดายะอ์กูบ (อ.) เพราะยะอ์กูบถูกกล่าวถึงในอัลกุรอานในสองที่ด้วยชื่อหรือฉายาว่า "อิสรออีล" เมื่อลูกๆ ของยะอ์กูบแยกยูซุฟ (อ.) ไปจากเขา และศาสดายูซุฟ (อ.) ได้ขึ้นสู่ตำแหน่งผู้ปกครองในอียิปต์ในเวลาต่อมา ท่านขอให้บิดาและพี่น้องของท่านเข้าไปในดินแดนอียิปต์ และนี่คือสิ่งที่เราอ่านในคัมภีร์อัลกุรอานว่า :

فَلَمَّا دَخَلُوا عَلى‏ یُوسُفَ آوى‏ إِلَیْهِ أَبَوَیْهِ وَ قالَ ادْخُلُوا مِصْرَ إِنْ شاءَ اللَّهُ آمِنینَ

          "ดังนั้นเมื่อพวกเขาเข้าไปหายูซุฟ เขาได้สวมกอดพ่อแม่ของเขาและกล่าวว่า พวกท่านจงเข้ามาในอียิปต์โดยปลอดภัยเถิด หากอัลลอฮ์ทรงประสงค์”

(อัลกุรอานบทยูซุฟ โองการที่ 99)

    ในที่นี้ยะอ์กูบและลูก ๆ ของเขาได้เข้าสู่อียิปต์และเมืองนั้นถูกนับว่าเป็นสถานที่หลักในการดำรงชีวิตของพวกเขา

สิ่งที่ควรให้ความสนใจสองประการในที่นี้ คือ :

    ประการแรก ชาวยิวในปัจจุบันถือว่าตนเองเป็นผู้สืบเชื้อสายมาจากเผ่ายูดาห์ (ยะฮูดา) และสิเมโอน (ชัมอูน) และอีกบางส่วนมาจากเผ่าเบนยามิน (บุนยามีน) และเลวี (ลาวี)

    ประการที่สอง อียิปต์ถือเป็นพื้นที่อันกว้างใหญ่ที่ครอบคลุมถึงบัยตุลมักดิส (เยรูซาเล็ม) ด้วย มีระบุไว้ในประวัติศาสตร์ว่า "บัยตุลมักดิส" หรือ "เยรูซาเล็ม" ถูกรวมเข้ากับอียิปต์โดยมุฮัมมัด ปาชา ในปี ค.ศ. 1831 แม้แต่หนังสือ "โยชูวา"  (ยูชะอ์) ก็กล่าวถึง "บัยตุลมักดิส" (เยรูซาเล็ม) ว่าตั้งอยู่ในอาณาเขตของเผ่าเบนจามินซึ่งถูกชาวเยบุสยึดครอง เป็นเรื่องปกติที่ชาวยิวจะถือว่าดินแดนนี้เป็นบ้านเกิดและเป็นดินแดนของบรรพบุรุษของพวกเขา

    ต่อมาเมื่อ “ลูกหลานอิสราเอล” ในเมืองนั้นถูกจับไปเป็นเชลยและไปเป็นทาสในสมัยที่ฟาโรห์ผู้เป็นผู้ปกครองอียิปต์ พระเจ้าก็ทรงส่งมูซา (อ.) (โมเสส) มาเพื่อชี้นำและช่วยเหลือพวกเขาและภายจากการพินาศของฟาโรห์ด้วยปาฏิหาริย์ (มุอ์ญิซาต) มูซา (อ.) ได้นำพาส่วนหนึ่งจากหมู่ชนของลูกหลานอิสราเอลออกจากอียิปต์ แน่นอนว่าลูกหลานของอิสราเอลกลุ่มหนึ่งยังคงอยู่ในอียิปต์ เนื่องจากอัลกุรอานกล่าวไว้ในเหตุการณ์หลังจากการพินาศของฟาโรห์ว่า :

وَ أَوْرَثْنَا الْقَوْمَ الَّذینَ کانُوا یُسْتَضْعَفُونَ مَشارِقَ‏ الْأَرْضِ وَ مَغارِبَهَا الَّتی‏ بارَکْنا فیها

          "และเราได้มอบดินแดนทางตะวันออกและตะวันตกเป็นมรดกสืบทอดแก่กลุ่มชนที่ถูกทำให้อ่อนแอ (ถูกกดขี่) อันเป็นดินแดนซึ่งเราได้ให้ความจำเริญในมัน"

(อัลกุรอานบทอัลอะอ์โองการที่ 137)

    ประเด็นนี้แสดงให้เห็นว่าคนกลุ่มหนึ่งจากลูกหลานของอิสราเอล (ยะอ์กูบ) ยังคงอยู่ในอียิปต์หลังจากการพินาศของฟาโรห์และได้ดินแดนที่อยู่ภายใต้การควบคุมของฟาโรห์กลับคืนมาอีกครั้ง

    อีกกลุ่มหนึ่งซึ่งอาศัยอยู่กับมูซา (อ.) (โมเสส) นอกอียิปต์ ตามคำแนะนำของเขา พวกเขาได้รับคำสั่งให้กลับไปยังอียิปต์และดินแดนบัยตุลมักดิส (เยรูซาเล็ม) ซึ่งเราจะอ่านในอัลกุรอานว่า มูซา (อ.) ได้กล่าวกับหมู่ชนของตนว่า :

یا قَوْمِ ادْخُلُوا الْأَرْضَ‏ الْمُقَدَّسَةَ الَّتی‏ کَتَبَ اللَّهُ لَکُمْ

          "โอ้ หมู่ชนของฉัน! จงเข้าไปในแผ่นดินอันบริสุทธิ์ ที่อัลลอฮ์ได้ทรงกำหนดให้แก่พวกท่านเถิด"

(อัลกุรอานบทอัลมาอิดะฮ์ โองการที่ 21)

    ในคัมภีร์โตราห์ที่มีอยู่ในปัจจุบัน กล่าวไว้ว่าหลังจากที่อิบรอฮีม (อ.) (อับราฮัม) เข้าสู่กันอาน (คานาอัน) พระเจ้าทรงตรัสกับเขาว่า : "เราจะมอบดินแดนนี้แก่ลูกหลานของเจ้า" (ปฐมกาล บทที่ 7 ข้อ 12 และ 15) และพระองค์ยังตรัสกับอับราฮัมด้วยว่า : "เราจะยกแผ่นดินคานาอันทั้งหมดให้กับเจ้าและภายหลังเจ้าแก่ลูกหลานของเจ้าเป็นกรรมสิทธิ์ชั่วนิรันดร์" (ปฐมกาล บทที่ 8 ข้อ 17)

    จากนั้น ในอีกที่หนึ่งของคัมภีร์โตราห์เช่นกัน เราพบว่าคำสัญญาของพระเจ้าที่จะมอบบัยตุลมักดิส (เยรูซาเล็ม) ให้แก่ชาวยิวนั้นมีเงื่อนไขว่าพวกเขาจะต้องเชื่อฟังพระเจ้า ตัวอย่างเช่น พระเจ้าทรงตรัสกับอับราฮัมว่า : "หากพวกเจ้าไม่ฟังเราและไม่ปฏิบัติตามคำสั่งของเรา และหากพวกเจ้าปฏิเสธกฏของเรา และใจของพวกเจ้ารังเกียจบทบัญญัติของเรา และละเมิดพันธสัญญาที่เราทำไว้กับพวกเจ้า เราจะจะลงโทษพวกเจ้า... เราจะลุกขึ้นต่อต้านพวกเจ้า และพวกเจ้าจะหนีจากศัตรูของพวกเจ้า บรรดาผู้ที่เกลียดชังพวกเจ้าจะปกครองพวกเจ้า... และที่ดินของพวกเจ้าจะว่างเปล่า และเมืองทั้งหลายของพวกเจ้าจะถูกทำลาย (เลวีนิติ บทที่ 14 ข้อ 20 ถึง 33)

ชาวยิวเป็นผู้ละเมิดพันธสัญญามาโดยตลอด

    ดังนั้น สิ่งที่ชาวยิวไซออนิสต์นำเสนอในวันนี้ภายใต้อุดมคติ "การกลับไปยังดินแดนแห่งพันธสัญญา" โดยอาศัยเนื้อหาบางส่วนในคุมภีร์โตราห์จึงเป็นประเด็นที่โมฆะ (เป็นเท็จ) อย่างสิ้นเชิง เนื่องจากพวกเขาไม่ปฏิบัติตามสัญญามาโดยตลอดและได้ละเมิดพันธสัญญาแห่งพระเจ้าและไม่ปฏิบัติตามเงื่อนไขการใช้ประโยชน์จากดินแดนนี้

ชาวอาหรับคานาอันตั้งถิ่นฐานในปาเลสไตน์ก่อนวงศ์วานอิสราเอล

    จากอีกมุมหนึ่ง สิ่งที่แน่นอนในประวัติศาสตร์ก็คือใน 3,500 ปีก่อนคริสตกาล (ก่อนการกำเนิดของกลุ่มชนลูกหลานอิสราเอล) กลุ่มชนต่างๆ เช่น ชาวอาหรับคานาอันได้ตั้งถิ่นฐานในปาเลสไตน์ และพวกเขาได้ถูกรู้จักว่าเป็นผู้อยู่อาศัยกลุ่มแรกในปาเลสไตน์ และด้วยเหตุนี้เองชื่อเดิมของปาเลสไตน์ คือคานาอัน ประมาณ 1,000 ปีก่อนคริสตกาล ชนเผ่าที่เรียกว่าชาวปาเลสไตน์ซึ่งมาจากทะเล "อีเจียน" ได้เข้ามาในบริเวณนี้และเข้ามาแทนที่ชาวคานาอัน เป็นเวลานานหลังจากการอพยพของชาวปาเลสไตน์และชาวคานาอันไปยังดินแดนปาเลสไตน์ ที่กลุ่มชนลูกหลานของอิสราเอลได้เข้าตั้งถิ่นฐานในปาเลสไตน์ร่วมกับศาสดามูซา (อ.) (โมเสส) ต่อมาศาสดาดาวูด (อ.) (ดาวิด) และศาสดาสุไลมาน (อ.) (ซาโลมอน) ได้ใช้ชีวิตและปกครองในดินแดนนี้

    อย่างไรก็ตาม กลุ่มหนึ่งจากประชาชนยุคแรกของปาเลสไตน์ที่นับถือรูปเคารพ  ได้มีศรัทธาภายหลังการเป็นศาสดาของมูซา (อ.)  และบางคนยังคงอยู่ในศาสนาเดิมของพวกเขา ในคริสตศักราช 395 ปาเลสไตน์ถือเป็นรัฐหนึ่งในรัฐโรมันตะวันออก ในปีคริสตศักราช 638 หรือปีฮิจเราะฮ์ศักราชที่ 17  ซึ่งแน่นอนว่าบางคนเชื่อว่าเป็นปีฮิจเราะฮ์ศักราชที่ 15 ชาวมุสลิมเข้ายึดครองปาเลสไตน์และลงนามในสนธิสัญญาสันติภาพกับชาวปาเลสไตน์และปล่อยให้พวกเขามีอิสระในการนับถือศาสนา และเมื่อประชาชนเริ่มรับรู้และเข้าใจถึงข้อเท็จจริงต่างๆ ของศาสนาอิสลาม พวกเขาส่วนใหญ่เปลี่ยนมาเป็นมุสลิม ดังนั้นตั้งแต่คริสต์ศตวรรษที่ 7 ปาเลสไตน์จึงมีประชากรที่ประกอบด้วยมุสลิม คริสเตียน และยิว แน่นอนว่ามุสลิมเป็นคนส่วนใหญ่ ในปี ค.ศ. 1896 นักข่าวชาวยิวชาวออสเตรียผู้หนึ่งชื่อ "ธีโอดอร์ เฮิร์ตเซล" (Theodor Herzl) ได้เขียนหนังสือเล่มหนึ่งและได้เริ่มต้นขบวนการไซออนิสต์ ในระหว่างการเคลื่อนไหวของขบวนการนี้ สถานที่หลายแห่งได้รับการพิจารณาให้เป็นที่ตั้งถิ่นฐานของชาวยิว ซึ่งได้แก่ อินเดีย อาร์เจนตินา ไซปรัส ปาเลสไตน์ ฯลฯ พวกเขาบรรลุข้อตกลงบนปาเลสไตน์ และตั้งแต่ปี ค.ศ. 1897 กระบวนการอพยพของชาวยิวมายังสถานที่แห่งนี้ได้เริ่มต้นขึ้น และเป็นส่งผลให้ชาวมุสลิมถูกบังคับให้ออกจากบ้านเรือนและที่ดินของบรรพบุรุษ

ผลลัพธ์ก็คือ:

    ประการแรก ชาวปาเลสไตน์กลุ่มแรกเป็นกลุ่มชาวอาหรับ ไม่ใช่ชาวยิวลูกหลานของอิสราเอล

    ประการที่สอง ชาวพื้นเมืองของปาเลสไตน์เลือกนับถือศาสนาต่างๆ เช่น ศาสนาอิสลาม ศาสนาคริสต์ และศาสนายิว

    ดังนั้น จึงไม่สมเหตุสมผลสำหรับชาวยิวไซออนิสต์ที่อาศัยอยู่ในประเทศต่างๆ และบางทีบรรพบุรุษของพวกเขาไม่ได้อาศัยอยู่ในปาเลสไตน์มาก่อนเลยด้วยซ้ำ แต่อาศัยอยู่ในอียิปต์และเมืองอื่นๆ เพื่อที่จะขับไล่ชาวปาเลสไตน์พื้นเมืองออกจากดินแดนของตน พวกเขาใช้ข้ออ้างว่า "การก่อตั้งรัฐใหม่" นี่ก็จะเหมือนกับกรณีตัวอย่างเช่น ชาวโซโรแอสเตอร์จะเรียกร้องและกล่าวว่า "อิหร่านเป็นของเรา" และขับไล่ชาวมุสลิมอิหร่านดั้งเดิมออกจากประเทศโดยอ้างว่าประเทศนี้เป็นของชาวโซโรอัสเตอร์มาตั้งแต่แรก


เชิงอรรถ

(1). “มะฮ์ดะวียะฮ์” คือหลักความเชื่อ (อะกีดะฮ์) ที่เชื่อมั่นในการปรากฏตัว (ซุฮูร) ของนักปฏิรูป (มุศลิห์) หรือผู้ช่วยให้รอด (มุนญี) จากอะฮ์ลุลบัยต์ (ครอบครัว) ของท่านศาสดา (ซ็อลฯ) ในยุคสุดท้ายก่อนการอวสานของโลก ที่รู้จักกันในหมู่ชาวมุสลิมในนาม "อิมามมะฮ์ดี (อ.)" และเชื่อว่าท่านจะเติมเต็มโลกด้วยความเสมอภาคและความยุติธรรม และท่านจะปรากฏตัวขึ้นเพื่อดำรงศาสนาของอัลลอฮ์และแผ่ขยายสัจธรรมไปทั่วโลก


แปลและเรียบเรียงโดย : เชคมุฮัมมัดนาอีม  ประดับญาติ

Copyright © 2024 SAHIBZAMAN.NET- สื่อเรียนรู้สำหรับอิสระชนคนรุ่นใหม่

ผู้เยี่ยมชมอยู่ขณะนี้

มี 286 ผู้มาเยือน และ ไม่มีสมาชิกออนไลน์ ออนไลน์

26833353
Today
Yesterday
This Week
Last Week
This Month
Last Month
All days
4709
8113
43031
26741995
207975
243345
26833353

พฤ 28 ส.ค. 2025 :: 15:07:20