ในแถลงการณ์ วันพฤหัสบดี (16 ต.ค.) เนื่องในโอกาสครบรอบ 1 ปีการพลีชีพของยะห์ยา ซินวาร์ (อาบู อิบราฮิม) ผู้นำญิฮาด กลุ่มฮามาสประกาศว่า “เปลวไฟแห่งพายุอัลอักซอจะไม่จางหายไป”
เว็บไซต์ Al-Manar TV ของกลุ่มฮิซบุลลอฮ์ในเลบานอนกล่าวว่า แถลงการณ์ระบุว่า “เลือดของบรรดาผู้นำผู้พลีชีพทำให้เส้นทางแห่งการต่อต้านแข็งแกร่งขึ้นหลายชั่วอายุคน เสริมสร้างพันธสัญญาแห่งความมั่นคงในแนวทางของพวกเขา และรับรองความจงรักภักดีต่อการเสียสละและการต่อต้านของพวกเขาจนกว่าจะปลดปล่อยแผ่นดินและสถานที่ศักดิ์สิทธิ์”
แถลงการณ์ยังระบุเพิ่มเติมว่า “หนึ่งปีผ่านไปแล้วนับตั้งแต่มหากาพย์วีรกรรมที่โลกได้ประจักษ์ ซึ่งวีรบุรุษของท่านคือผู้นำแห่งยุทธการที่อัลอักซอ ยะห์ยา ซินวาร์ ผู้นำผู้พลีชีพ เขาจบชีวิตแห่งญิฮาดและการเสียสละด้วยการเดินหน้า ไม่ถอยกลับ มั่นคงและยืนหยัดอยู่ใจกลางยุทธการ โบกไม้เท้า ท้าทายความโหดร้ายและอาชญากรรมของการยึดครอง”
แถลงการณ์ยังกล่าวต่อไปว่า “หนึ่งปีหลังจากการพลีชีพของผู้นำชาติผู้ยิ่งใหญ่ ประชาชนของเรา ด้วยความอดทนและแน่วแน่ และการต่อต้านของเรา ด้วยพละกำลังและความกล้าหาญ ได้บรรลุความสำเร็จระดับชาติ” แถลงการณ์ดังกล่าวอ้างถึงข้อตกลงที่ “ขัดขวางแผนการทั้งหมดของกลุ่มยึดครองในการรุกรานดินแดนและประชาชนของเรา” ซึ่งระบุว่า กำหนด “การรุกรานและสงครามแห่งการสังหารหมู่ ความอดอยาก การพลัดถิ่น และการกวาดล้างชาติพันธุ์” แถลงการณ์ยังอ้างอีกว่า ข้อตกลงที่มีชื่อว่า “พายุแห่งอิสรภาพ” จะทำให้ “นักโทษชาวปาเลสไตน์ 1,968 คน ได้หายใจสู่อิสรภาพ และทำลายความเย่อหยิ่งของผู้คุมไซออนิสต์”
ฮามาสระบุว่า ในวันครบรอบนี้ “รำลึกถึงชีวิตอันหอมหวานและการเดินทางอันศักดิ์สิทธิ์ของเขาด้วยความภาคภูมิใจและเปี่ยมไปด้วยความรัก” ซินวาร์อธิบายว่า “ใช้ชีวิตในฐานะมูจาฮิดีนตั้งแต่วัยเยาว์ มั่นคงและเด็ดเดี่ยว เอาชนะผู้คุมขังได้ตลอด 23 ปีที่ถูกคุมขัง” กลุ่มฮามาสกล่าวว่าเขา “ยังคงเดินหน้าเตรียมการ ก่อสร้าง และวางแผนต่อไปหลังจากได้รับการปล่อยตัวจากคุก จนกระทั่งถึงวันรุ่งอรุณของวันที่ 7 ตุลาคม 2023” และเขา “พิชิตการยึดครอง เขย่าขวัญ และทำลายตำนานของกองทัพ จนกระทั่งถึงการพลีชีพในสนามรบ”
ขบวนการฮามาสยืนยันว่า “การพลีชีพของยะห์ยา ซินวาร์ พี่ชายผู้นำของเรา และบรรดาผู้นำและสัญลักษณ์ของขบวนการทั้งหมดที่อยู่ก่อนหน้าเขา จะยิ่งเพิ่มความแข็งแกร่ง ความมั่นคง และความมุ่งมั่นของขบวนการ ประชาชนของเรา และการต่อต้านของเราในการยึดมั่นตามแนวทางของพวกเขา”
ฮามาสกล่าวว่า “เปลวไฟแห่งอินติฟาดา (การลุกฮือ) อัลอักซอจะยังคงลุกโชน เปี่ยมด้วยจิตวิญญาณแห่งการยึดมั่นในสิทธิ” และ “เปลวไฟของมันจะไม่มีวันดับสูญในจิตวิญญาณของผู้คนผู้ยิ่งใหญ่ของเรา ไม่ว่าการเสียสละจะยิ่งใหญ่เพียงใดก็ตาม” ฮามาสยังกล่าวเสริมอีกว่า “เรายึดมั่นในพันธสัญญาของผู้นำผู้พลีชีพ ธงจะไม่มีวันร่วงหล่น ธงจะโบกสะบัดอย่างสง่างาม ประชาชนของเราทุกคนจะสืบทอดการยืนหยัดและการป้องกัน จนกว่าจะได้รับการปลดปล่อยอย่างทั่วถึงและสถาปนารัฐปาเลสไตน์ที่มีอำนาจอธิปไตยอย่างสมบูรณ์ โดยมีเยรูซาเล็มเป็นเมืองหลวง”
ขบวนการฮามาสได้กล่าวกับซินวาร์โดยตรงว่า “ในวันครบรอบปีแรกของการพลีชีพของท่าน อบู อิบราฮิม จงหลับให้สบาย ท่านได้ปฏิบัติหน้าที่และต่อสู้อย่างแท้จริงเพื่อลดธงของศัตรู แม้ว่าร่างกายอันบริสุทธิ์ของท่านจะหายไปจากดินแดนกาซา แต่จิตวิญญาณของท่านยังคงเติมเต็มจักรวาล เขียนความรุ่งโรจน์นิรันดร์ให้กับปาเลสไตน์” ขบวนการฮามาสได้กล่าวสรุปว่า “ศัตรูล้มเหลวในการบรรลุเป้าหมายเชิงรุกในดินแดนกาซาอันภาคภูมิใจ และถูกบังคับให้หยุดยิงอย่างน่าอับอาย”
ฮามาสปิดท้ายแถลงการณ์โดยกล่าวว่า “ขอความเมตตา เกียรติยศ และความเป็นนิรันดร์จงมีแด่ดวงวิญญาณของวีรบุรุษผู้พลีชีพ ยะห์ยา ซินวาร์ (อบู อิบรอฮีม) และบรรดาผู้พลีชีพ ผู้นำ และลูกหลานของประชาชนและประชาชาติของเรา เราขอวิงวอนต่อพระผู้เป็นเจ้าผู้ทรงอำนาจสูงสุด โปรดประทานสวรรค์ชั้นสูงสุดแก่พวกเขา พร้อมด้วยบรรดาศาสดา ผู้ทรงสัจจะ ผู้ทรงพลีชีพ และผู้ทรงคุณธรรม และพวกท่านเป็นสหายที่ประเสริฐยิ่งนัก”
ที่มา : สำนักข่าว mehrnews
Copyright © 2025 SAHIBZAMAN.NET- สื่อเรียนรู้สำหรับอิสระชนคนรุ่นใหม่