กระทรวงสาธารณสุขของฉนวนกาซาเปิดเผยว่า พบศพมากกว่า 500 ศพ ใต้ซากปรักหักพังในฉนวนกาซา นับตั้งแต่ข้อตกลงหยุดยิงที่สหรัฐฯ เป็นตัวกลางเจรจาเริ่มมีผลบังคับใช้เมื่อหลายสัปดาห์ก่อน
ในแถลงการณ์ที่เผยแพร่เมื่อวันอาทิตย์ (2 พ.ย.) กระทรวงฯ กล่าวว่า ร่างผู้เสียชีวิตดังกล่าวเป็นของชาวปาเลสไตน์ที่เสียชีวิตระหว่างสงครามฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ของอิสราเอลในเขตที่ถูกปิดล้อม
รายงานยังระบุด้วยว่า นับตั้งแต่เริ่มมีการสงบศึกเมื่อวันที่ 10 ตุลาคม มีผู้เสียชีวิตจากการโจมตีของอิสราเอลแล้ว 236 ราย และบาดเจ็บอีก 600 ราย
กระทรวงสาธารณสุขของฉนวนกาซากล่าวว่า ในช่วง 16 วันแรกของการหยุดยิง ศพจำนวน 472 ศพ ถูกนำกลับมาและนำส่งไปยังห้องเก็บศพเพื่อระบุตัวตน โดยยังไม่รวมศพจำนวน 195 ศพ ที่อิสราเอลส่งคืนมาตามข้อตกลงหยุดยิง
ภารกิจที่ท้าทายในการค้นหาและระบุตัวผู้เสียชีวิตได้กลายมาเป็นภารกิจกู้ภัยที่ยากลำบากที่สุดครั้งหนึ่งในประวัติศาสตร์ยุคใหม่ ขณะที่การเจรจายังคงดำเนินต่อไปเพื่อรักษาข้อตกลงหยุดยิงที่เปราะบางนี้ไว้
เจ้าหน้าที่ป้องกันพลเรือนของกาซาประมาณการว่ายังมีผู้สูญหายอีกประมาณ 10,000 ถึง 14,000 คน โดยอาจติดอยู่ใต้บ้านเรือน อาคารอพาร์ตเมนต์ และอาคารสาธารณะที่ถูกทำลาย
ชาวปาเลสไตน์กำลังเผชิญกับภารกิจอันยิ่งใหญ่ในการคัดแยกเศษซากกว่า 61 ล้านตัน ซึ่งเป็นปริมาณที่มากกว่าปริมาณที่ผลิตได้ในความขัดแย้งในฉนวนกาซาตั้งแต่ปีพ.ศ. 2551 ถึงประมาณ 20 เท่า โดยที่ยังไม่มีเครื่องจักรที่จำเป็น
“ทั่วโลกได้เห็นอุปกรณ์ที่นำมาเพื่อกู้ศพเชลยชาวอิสราเอลแล้ว” ดร. มูฮัมมัด อัล-มูกีร์ ผู้อำนวยการฝ่ายสนับสนุนด้านมนุษยธรรมและความร่วมมือระหว่างประเทศของหน่วยป้องกันพลเรือนกาซากล่าว “เรายังต้องการอุปกรณ์เดียวกันนี้เพื่อกู้ศพของเราด้วย”
จนถึงขณะนี้ ทีมกู้ภัยต้องพึ่งเครื่องมือพื้นฐาน เช่น พลั่ว จอบ รถเข็น และแรงงานคน เนื่องจากคำขอรถขุดและรถปราบดินจากอิสราเอลยังไม่ได้รับการตอบสนอง
แม้ว่าจะได้รับอนุญาตอย่างรวดเร็ว เจ้าหน้าที่ประเมินว่าจะต้องใช้เวลานานถึงเก้าเดือนจึงจะกู้ศพได้ส่วนใหญ่
ความพยายามในปัจจุบันมุ่งเน้นไปที่โครงสร้างขนาดเล็กที่สามารถขุดด้วยมือได้ โดยอาคารชุดขนาดใหญ่บางอาคารสูงถึงเจ็ดหรือแปดชั้นยังคงไม่ได้รับการแตะต้อง
ในขณะเดียวกัน ครอบครัวจำนวนมากยังคงรอคอยอย่างใจจดใจจ่อที่จะทราบความคืบหน้าของคนที่ตนรักที่สูญหายไป โดยมีครอบครัวประมาณ 30 ครอบครัวในแต่ละวันเข้ามาขอความช่วยเหลือที่สำนักงานใหญ่ป้องกันพลเรือนในเมืองกาซา
นับตั้งแต่สงครามเริ่มต้นขึ้น หน่วยงานป้องกันพลเรือนของกาซาได้รับรายงานผู้สูญหายหลายร้อยราย และได้รวบรวมการประมาณการโดยละเอียดของสถานที่ฝังศพที่อาจเป็นไปได้ รวมถึงบ้านมากกว่า 35 หลังในราฟาห์ และอาคารจำนวนมากในข่าน ยูนิสและพื้นที่ทางตะวันออกของฉนวนกาซา ซึ่งเชื่อว่ามีศพอยู่
การอพยพและคำสั่งอพยพซ้ำแล้วซ้ำเล่าส่งผลให้ครอบครัวหลายพันครอบครัวต้องพลัดพรากจากกัน ทำให้หลายคนรู้ว่าญาติของพวกเขาเสียชีวิตแล้ว แต่ไม่แน่ใจว่าร่างของพวกเขาอยู่ที่ใด
โครงการสิ่งแวดล้อมแห่งสหประชาชาติประเมินว่า จะใช้เวลาเจ็ดปีสำหรับรถบรรทุก 105 คันที่ทำงานทุกวัน เพื่อกำจัดเศษซากจากกาซาทั้งหมด หากถนนยังสัญจรได้ อย่างไรก็ตาม เครือข่ายถนนในกาซา 77 เปอร์เซ็นต์ได้รับความเสียหายหรือถูกทำลาย เส้นทางหลายสายถูกปิดกั้นหรือไม่ปลอดภัย และเต็มไปด้วยเศษซากอันตราย เช่น แร่ใยหินและวัตถุระเบิดที่ยังไม่ระเบิด
ตามรายงานของสำนักงานปฏิบัติการทุ่นระเบิดแห่งสหประชาชาติ (UNMAS) มีเหตุการณ์ที่เกี่ยวข้องกับวัตถุระเบิดฝังดินเกิดขึ้น 147 ครั้ง นับตั้งแต่เดือนตุลาคม พ.ศ. 2566 ส่งผลให้มีผู้เสียชีวิต 52 ราย และได้รับบาดเจ็บหลายร้อยราย
ลุค เออร์วิ่ง หัวหน้าโครงการ UNMAS แสดงความกังวลเกี่ยวกับความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้นหากผู้คนพยายามเคลื่อนย้ายเศษซาก โดยกล่าวว่า "พวกเขาจะค้นพบวัตถุระเบิดที่ยังไม่ระเบิดอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้"
ขณะนี้ ความหวังของกาซาที่จะปฏิบัติการกวาดล้างเศษซากอย่างเต็มรูปแบบและการกลับสู่ชีวิตปกตินั้นอยู่ไกลเกินเอื้อม ผู้รอดชีวิตกำลังเผชิญกับคำถามที่ยังคงหลอกหลอนว่าจะมีสิ่งใดที่สามารถยืนหยัดอยู่ได้อีกครั้งท่ามกลางการทำลายล้างครั้งนี้หรือไม่
เมื่อวันที่ 10 ตุลาคม ข้อตกลงหยุดยิงมีผลบังคับใช้ในฉนวนกาซา แม้จะมีการหยุดยิง แต่สถานการณ์ยังคงเลวร้าย พื้นที่ส่วนใหญ่ของภูมิภาคยังไม่สามารถเข้าถึงได้เนื่องจากกองกำลังอิสราเอลยังคงประจำการอยู่
ระบอบการปกครองของอิสราเอลยังคงละเมิดข้อตกลงหยุดยิงกับกลุ่มฮามาส ซึ่งเป็นกลุ่มต่อต้านของปาเลสไตน์ โดยดำเนินการโจมตีทางอากาศและการยิงปืน ขณะเดียวกันก็จำกัดความช่วยเหลือเข้าไปในพื้นที่ด้วย
ที่มา : สำนักข่าวเพรสทีวี
Copyright © 2025 SAHIBZAMAN.NET- สื่อเรียนรู้สำหรับอิสระชนคนรุ่นใหม่