ภรรยาของ "ชะฮีดมะห์มูด ตะกีพูร" กล่าวว่า : ชะฮีดมะห์มูดได้ไปร่วมพิธีเดินเท้าในปี 1995 (ปีอิหร่าน ตรงกับ พ.ศ.2559) เขาได้วิงวอนขอใต้โดมฮะรัม (สถานฝังศพ) ของท่านอิมามฮุเซน (อ.) ให้ตนเองได้เป็นชะฮีด (มรณะสักขี) ในวันเดียวกันนี้ของปีหน้า
ตัสนีมรายงาน : "มะห์มูด ตะกีพูร" รับใช้ประชาชนในประเทศของเขา สังกัดกลุ่มญิฮาดเป็นเวลาหลายปี เมื่อครั้นเขาได้ยินเสียงการถูกกดขี่ของชาวซีเรีย เขาไม่อาจเพิกเฉยต่อชีวิตของเขาได้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วงที่ฮะรัม (สถานฝังศพ) ของท่านหญิงซัยนับ (สะลามุลลอฮิ อะลัยฮา) และท่านหญิงรุก็อยยะฮ์ (สะลามุลลอฮิ อะลัยฮา) ตกอยู่ในอันตรายด้วยเช่นกัน ในที่สุด ไม่ว่าจะยากลำบากแค่ไหน เขาก็ไปถึงดินแดนซีเรีย และในปี 1996 (พ.ศ.2560) เขาได้มีโอกาสเดินทางไปแสวงบุญ (ซิยาเราะฮ์) ท่านอิมามฮุเซน (อะลัยฮิสสะลาม) นายของเขาในวันอัรบาอีนตามที่เขาปรารถนา "มะห์มูด ตะกีพูร" ผู้นี้ได้สั่งเสีย (วะซียัต) เรื่องต่างๆ แก่ภรรยาของเขาว่า ควรทำอย่างไรหลังจากการเป็นชะฮีด (มรณสักขี) ของเขา
บางส่วนจากคำสัมภาษณ์ของผู้เป็นภรรยา :
ภรรยากล่าวว่า ในปี 1995 "มะห์มูด อากา" ได้ไปร่วมพิธีเดินเท้าอัรบะอีน และได้วิงวอนใต้โดมของท่านอิมามฮุเซน (อ.) ให้เขาได้เป็นชะฮีดในวันเดียวกันนี้ของปีหน้า เขายังบอกฉันอีกว่า ในพิธีอัรบะอีนปีหน้า เขาจะเป็นชะฮีดอย่างแน่นอน ฉันกล่าวว่า : ฉันปรารถนาให้การเป็นชะฮีดเป็นโชคผลของท่าน แต่ตอนนี้ ไม่! ฉันยังไม่พร้อม ฉันคิดอย่างมากเกี่ยวกับความเป็นไปได้ที่สามีของฉันจะต้องเป็นชะฮีด และคิดว่าฉันควรจะพร้อมมากกว่านี้ เมื่อเกิดเหตุการณ์เช่นนี้ แต่ในความเป็นจริง มันไม่เป็นเช่นนั้น
เขาเองก็พูดเรื่องนี้ได้ง่ายดายมาก ตัวอย่างเช่น (เขากล่าวว่า) หลังจากฉันเป็นชะฮีดให้ฉันเดินทางไปที่เมืองมัชฮัดอันศักดิ์สิทธิ์ ไม่ต้องนำสัมภาระใดๆ ไปด้วย เขายังซื้อเสื้อเชิ้ตสีขาวไว้ให้พ่อของเขาด้วย และบอกว่า : เมื่อใดก็ตามที่ฉันได้เป็นชะฮีด จงมอบสิ่งนี้ให้กับพ่อของเขา ฉันกล่าวว่า : ถ้าถึงเวลานั้นท่าน (พ่อ) ควรสวมใส่ชุดสีดำ แล้วฉันจะให้ชุดขาวแก่ท่านได้อย่างไร?! เขากล่าวว่า : ไม่เป็นเช่นนั้น! จงพูดกับท่านว่า มะห์มูดได้ฝากไว้ให้ และบอกให้ท่านสวมชุดนี้ในช่วงการเป็นชะฮีดของฉัน หมายความว่า เขาควรภูมิใจที่ลูกชายของเขาเป็นชะฮีด เขาเขียนไว้ในพินัยกรรมเช่นเดียวกัน สรุปคือ เขาเตรียมความพร้อมแก่ฉัน แต่ฉันคิดว่า ยังมีเวลาอีกนานกว่าที่เขาจะเป็นชะฮีด
ที่มา : ตัสนีม