15 คืนก่อนการปรากฏตัว อิมามซะมาน (อ.) จะพบปะกับบรรดาผู้ช่วยเหลือในเมืองมักกะฮ์

15 คืนก่อนการปรากฏตัว อิมามซะมาน (อ.) จะพบปะกับบรรดาผู้ช่วยเหลือในเมืองมักกะฮ์

       ท่านอิมามมะฮ์ดี (อ.) จะส่งชายหนุ่มผู้หนึ่งจากบรรดาผู้ช่วยเหลือและเครือญาติใกล้ชิดของท่าน มาในวันที่ 23 หรือ 24 ของเดือนซุลฮิจญะฮ์ (15 คืนก่อนการปรากฏตัว (ซุฮูร) ของท่าน) เพื่อให้อ่านคำแถลงการณ์ของท่านในมัสยิดิลฮะรอม ภายหลังจากการนมาซ เมื่อเขายืนขึ้นและอ่านจดหมายของท่านอิมาม หรือบางส่วนจากจดหมายนั้น ประชาชนก็จะจู่โจมไปยังเขา และจะสังหารเขาในระหว่างรุกน์ (มุมของอาคารกะอ์บะฮ์) และมะกอม (ที่ยืนของศาสดาอิบรอฮีม) อย่างเหี้ยมโหดไร้ความปราณี การเป็นชะฮีด (เสียชีวิต) อย่างน่าสะเทือนใจของเขาจะส่งผลกระทบทั้งในชั้นฟ้าและแผ่นดิน

      ดั่งที่ท่านทั้งหลายทราบกันดีว่า ในช่วงเวลาการปรากฏตัว (ซุฮูร) ของท่านอิมามมะฮ์ดี (อ.) นั้น บรรดาผู้ช่วยเหลือของท่านจะมารวมตัวกันในมักกะฮ์ประดุจดังกลุ่มเมฆในฤดูใบไม้ร่วง และจะมาพบกับท่านอิมาม (อ.)

      จากจำนวนฮะดีษ (คำรายงาน) เหล่านี้ มีฮะดีษบทหนึ่งถูกบันทึกไว้ในหนังสือตัฟซีร “อัลอัยยาชี” เล่มที่ 2 หน้าที่ 56 ซึ่งกล่าวว่า : ซอฮิบุลอัมร์ (อิมามมะฮ์ดี) จะซ่อนตัว (ฆ็อยบะฮ์) อยู่ในบางส่วนของหุบเขาเหล่านี้ (อิมามได้ชี้ไปยังพื้นที่ของหุบเขา “ซี ฏุวา” ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งจากบรรดาหุบเขาของมักกะฮ์และเส้นทางเข้าสู่มักกะฮ์) สองคืนก่อนที่ท่านอิมามจะออกมา คนรับใช้ของท่านอิมาม (อ.) จะมาพบกับผู้ช่วยเหลือของท่านอิมามบางคน และถามว่า

      “ในที่แห่งนี้พวกท่านมีจำนวนกี่คน” พวกเขาตอบว่า “มีบุรุษประมาณสี่สิบคน” เขาถามว่า “ถ้าหากพวกท่านได้พบกับอิมามของพวกท่าน พวกท่านจะทำอย่างไร” พวกเขาตอบว่า “ขอสาบานต่อพระผู้เป็นเจ้า! แม้ว่าท่านอิมามจะหลบภัยอยู่ตามภูเขาต่างๆ พวกเราก็จะขอร่วมหลบภัยอยู่กับท่าน!”

       ในปีถัดมาคนรับใช้ดังกล่าวได้มาหาพวกเขาอีกครั้งหนึ่งและกล่าวว่า “พวกท่านจงคัดเลือกผู้ที่สูงวัยกว่าและเป็นคนดีมีคุณธรรมในหมู่พวกท่านมาจำนวนสิบคน (เพื่อไปพบกับท่านอิมาม)จากนั้นคนรับใช้ก็พาพวกเขาไปพบอิมาม (ผู้นำ) ของพวกเขา และอิมามได้ให้คำมั่นสัญญาที่จะพบกับพวกเขาในคืนถัดไป

      นุอ์มานี ได้รายงานจากท่านอิมามซอดิก (อ.) ซึ่งท่านกล่าวว่า “บรรดาผู้ช่วยเหลือของท่านซอฮิบุลอัมร์ (อิมามมะฮ์ดี) นั้น จะได้รับการพิทักษ์รักษาไว้สำหรับเขา แม้ว่าประชาชนทั้งหมดจะหันหลังให้กับเขา พระผู้เป็นเจ้าก็จะทรงรวบรวมบรรดาผู้ช่วยเหลือของเขามา พระผู้เป็นเจ้าได้ทรงตรัสเกี่ยวกับพวกเขาเหล่านี้ว่า

فَإِنْ يَكْفُرْ بِهَا هَٰؤُلَاءِ فَقَدْ وَكَّلْنَا بِهَا قَوْمًا لَيْسُوا بِهَا بِكَافِرِينَ

“แต่หากชนเหล่านี้ ปฏิเสธต่อสิ่งเหล่านั้น แน่นอนเราจะมอบมันแก่กลุ่มชนหนึ่งที่พวกเขาจะไม่เป็นผู้ปฏิเสธมัน”

(อัลกุรอานบทอัลอันอาม โองการที่ 89)

     เช่นเดียวกันนี้ พระองค์ยังทรงตรัสอีกว่า

فَسَوْفَ يَأْتِي اللَّهُ بِقَوْمٍ يُحِبُّهُمْ وَيُحِبُّونَهُ أَذِلَّةٍ عَلَى الْمُؤْمِنِينَ أَعِزَّةٍ عَلَى الْكَافِرِينَ

“ในไม่ช้านี้ อัลลอฮ์จะทรงนำมาซึ่งชนกลุ่มหนึ่ง ที่พระองค์ทรงรักพวกเขาและพวกเขาก็รักพระองค์ โดยที่พวกเขาเป็นผู้อ่อนน้อมต่อบรรดาผู้ศรัทธา และแข็งกร้าวต่อบรรดาผู้ปฏิเสธ”

(อัลกุรอานบทอัลมาอิดะฮ์ โองการที่ 54)

      ท่านอิมามบากิร (อ.) กล่าวว่า “ผู้ช่วยเหลือของมะฮ์ดีบางคนนั้น พวกเขาจะหายลับไปจากที่นอนของพวกเขาในเวลากลางคืน และไปปรากฏตัวอยู่ที่มักกะฮ์ในตอนเช้า บางคนก็จะถูกพบเห็นว่าขึ้นขี่บนเมฆแล้วเดินทางไปตอนกลางวัน ชื่อของพวกเขา ชื่อของบิดา คุณลักษณะและวงศ์ตระกูลของเขาจะเป็นที่รู้จักกัน” ผู้รายงานกล่าวว่า ฉันถามว่า “ข้าพเจ้าขอพลีตนเพื่อท่าน! ความศรัทธาของคนใดมีมากกว่า” ท่านกล่าวว่า “คนที่ขี่บนเมฆแล้วเดินทางไปตอนกลางวัน” (อัลฆ็อยบะฮ์, นุอ์มานี, หน้าที่ 312 และอ้างอิงจาก บิฮารุ้ลอันวาร, เล่มที่ 52, หน้าที่ 368)

      การเดินทางไปบนเมฆของพวกเขาในตอนกลางวันนั้น หมายความว่า พระผู้เป็นเจ้าจะทรงนำพวกเขาไปยังมักกะฮ์ โดยอาศัยก้อนเมฆด้วยวิธีการที่มหัศจรรย์ (กะรอมัต) และปาฏิหาริย์ (มุอ์ญิซาต) หรือบางทีอาจหมายความว่า เขาจะเดินทางไปยังมักกะฮ์โดยเครื่องบินเหมือนกับผู้โดยสารทั่วไป ด้วยกับพาสปอร์ตที่ชื่อของเขาและของบิดาของพวกเขาได้เขียนไว้ในนั้น

      ในหนังสือ “ดะลาอิลุ้ลอิมามะฮ์” ได้กล่าวว่า : พระผู้เป็นเจ้าจะทรงรวมพวกเขาเข้าไปในมักกะฮ์ภายในคืนเดียว (คืนวันศุกร์) โดยที่ในตอนเช้าของวันนั้น พวกเขาจะมาชุมนุมกันที่มัสยิดิลฮะรอม โดยที่พวกเขาจะไม่ตกค้างเลยแม้แต่เพียงคนเดียว

      ฮะดีษนี้สอดคล้องกับคำรายงาน (ริวายะฮ์) บทหนึ่งที่มีอยู่ทั้งของซุนนีและชีอะฮ์ที่ว่า พระผู้เป็นเจ้าจะทรงทำให้กิจการของอิมามมะฮ์ดี (อ.) เกิดความพร้อมภายในคืนเดียว (1) โดยที่การปรากฏตัว (ซุฮูร) ของท่านจะเกิดขึ้นในตอนเย็นวันศุกร์ที่ 9 ของเดือนมุฮัรร็อม


การยืนหยัดขึ้นเพื่อทดสอบสถานการณ์และการเป็นชะฮีดของนัฟซุซซะกียะฮ์

ตามคำรายงานทั้งหลายนั้น กองกำลังต่างๆ ที่ปฏิบัติการอยู่ในมักกะฮ์ในช่วงการปรากฏตัวของท่านอิมามมะฮ์ดี (อ.) นั้น ได้แก่

  1. รัฐบาลฮิญาซ ซึ่งแม้จะไร้ความสามารถที่จะจัดการกับการปรากฏตัว (ซุฮูร) ของท่านอิมาม (อ.) ได้ พวกเขาก็จะรวบรวมกองกำลังของตนเข้ามาที่นั่น แต่มุสลิมที่เฝ้ารอคอยการมาของท่านอิมามมะฮ์ดี (อ.) ในมักกะฮ์และในพิธีฮัจญ์นั้น จิตใจของพวกเขาจะจดจ่ออยู่ที่นั่น
  2. หน่วยข่าวกรองและหน่วยสืบราชการลับของซุฟยานี ซึ่งจะติดตามผู้ที่หลบหนีมาจากนครมะดีนะฮ์ พวกเขาจะเฝ้าสังเกตการณ์สถานการณ์ต่างๆ เพื่อที่จะเข้าสู่นครมักกะฮ์ และในช่วงเวลาที่เหมาะสม พวกเขาจะปราบปรามการทุกขบวนการเคลื่อนไหว
  3. หน่วยข่าวกรองต่างๆ ของรัฐบาลใหญ่ๆ ที่พยายามจะให้ความช่วยเหลือต่อรัฐบาลฮิญาซและกองกำลังของซุฟยานี และจะคอยสอดส่องสถานการณ์ต่างๆ ของมักกะฮ์เป็นพิเศษ
  4. ชาวเยเมนก็จะมีบทบาทสำคัญในมักกะฮ์เช่นเดียวกัน ทั้งนี้เนื่องจากรัฐบาลของพวกเขาได้เตรียมการพื้นฐานไว้สำหรับรัฐบาลของท่านอิมามมะฮ์ดี (อ.) ซึ่งจะถูกสถาปนาขึ้นเพียงไม่กี่เดือนก่อนหน้านั้น

       ในสถานการณ์และบรรยากาศที่หลากหลายและขัดแย้งเช่นนี้เองที่ท่านอิมามมะฮ์ดี (ดวงวิญญาณของเราขอพลีเพื่อท่าน) จะยืนหยัดขึ้นต่อสู้ และจะเริ่มต้นภารกิจอันมีเกียรติของท่านจากฮะรัม (แผ่นดินมักกะฮ์อันศักดิ์สิทธิ์) และจะพิชิตนครมักกะฮ์

     กรณีที่คำรายงาน (ริวายะฮ์) ทั้งหลายไม่ได้กล่าวถึงรายละเอียดปลีกย่อย เพียงแค่ชี้ถึงประเด็นต่างๆ ที่จะเป็นคุณประโยชน์หรือเป็นภัยอันตรายต่อการปฏิวัติอันศักดิ์สิทธิ์ของเท่านั้น ย่อมเป็นเรื่องปกติธรรมดานั่นเอง

      ประเด็นต่างๆ ที่เด่นชัดที่สุดจากฮะดีษทั้งหลาย นั่นก็คือ ท่านอิมามมะฮ์ดี (อ.) จะส่งชายหนุ่มผู้หนึ่งจากบรรดาผู้ช่วยเหลือและเครือญาติใกล้ชิดของท่านไปในวันที่ 23 หรือ 24 ของเดือนซุลฮิจญะฮ์ (15 คืนก่อนการปรากฏตัว (ซุฮูร) ของท่าน) เพื่อไปอ่านคำแถลงการณ์ของท่านในมัสยิดิลฮะรอม ภายหลังจากการนมาซ เมื่อเขายืนขึ้นและอ่านจดหมายของท่านอิมาม หรือบางส่วนจากจดหมาย ประชาชนก็จะจู่โจมไปยังเขา และจะสังหารเขาในระหว่างรุกน์ (มุมของอาคารกะอ์บะฮ์) และมะกอม (ที่ยืนของศาสดาอิบรอฮีม) อย่างเหี้ยมโหดไร้ความปราณี การเป็นชะฮีด (เสียชีวิต) อย่างน่าสะเทือนใจของเขาจะส่งผลกระทบทั้งในชั้นฟ้าและแผ่นดิน มันคือการยืนหยัดขึ้นเพื่อทดสอบสถานการณ์ซึ่งจะมีผลพวงที่ดีอย่างมากมาย ตัวอย่างเช่น จะทำให้ความชั่วและความโหดร้ายของรัฐบาลเป็นที่ปรากฏชัดสำหรับประชาชน เป็นการเตรียมพื้นฐานอย่างดีสำหรับการยืนหยัดขึ้นต่อสู้ของท่านอิมามะฮ์ดี (อ.) ซึ่งจะเกิดขึ้นในช่วงสองสัปดาห์ถัดไปจากนั้น บางทีอาจเป็นเพราะการกระทำที่ป่าเถื่อนอย่างเร่งรีบนี้เองที่จะทำให้เกิดความอ่อนแอและความสั่นคลอนขึ้นในหน่วยงานของระบอบการปกครอง

       คำรายงานเกี่ยวกับการเป็นชะฮีด (เสียชีวิต) ของชายหนุ่มผู้บริสุทธิ์ผู้นี้ มีปรากฏให้เห็นอย่างมากมายในแหล่งอ้างอิงทั้งของซุนนีและชีอะฮ์ ในแหล่งอ้างอิงของเรา (ชีอะฮ์) ก็มีมากมายทีเดียว ชื่อของเขาคือ “ฆุลาม” “นัฟซุซซะกียะฮ์” และในหนังสืออ้างอิงบางเล่มคือ “มุฮัมมัด บินฮะซัน” อะดีษต่างๆ ที่เกี่ยวข้องกับเหตุการณ์นี้ได้กล่าวถึงไปแล้วในบทที่พูดถึงบรรดาผู้ช่วยเหลือของท่านอิมามมะฮ์ดี (อ.)

      ในคำรายงานที่มีความยาวบทหนึ่งจากอบูบะซีร ที่รายงานมาจากท่านอิมามบากิร (อ.) ซึ่งท่านกล่าวว่า “กออิม (อิมามมะฮ์ดี) จะกล่าวกับบรรดาผู้ช่วยเหลือของเขาว่า : ชาวเมืองมักกะฮ์ไม่ต้องการฉัน แต่ฉันจะส่งบุคคลหนึ่งไปยังพวกเขา เพื่อที่เขาจะทำให้หลักฐานข้อพิสูจน์ (และการยื่นคำขาดสุดท้าย) เป็นที่สมบูรณ์สำหรับพวกเขา ได้เป็นอย่างดีเหมือนกับตัวฉัน (ไป) เอง จากนั้นเขาจะกล่าวกับหนุ่มผู้หนึ่งจากบรรดาผู้ช่วยเหลือของเขาว่า : เจ้าจงไปยังชาวเมืองมักกะฮ์และจงประกาศว่า : โอ้หมู่ชนชาวมักกะฮ์เอ๋ย! ฉันคือผู้ถือสาส์นจากบุคคลนั้น (หมายถึงจากอิมามมะฮ์ดี) มายังพวกท่าน และท่านผู้นั้นจะบอกกับพวกท่านว่า : เราคืออะฮ์ลุลบัยติ์ (ครอบครัว) แห่งความเมตตา เป็นแหล่งกำเนิดแห่งสาส์น (ของพระผู้เป็นเจ้า) และเป็นผู้สืบทอดอำนาจการปกครอง (คิลาฟะฮ์) เราคือลูกหลานของมุฮัมมัดและเป็นเชื้อสายของปวงศาสดา พวกเราถูกกดขี่ถูกละเมิดและถูกทำร้าย พวกเขาได้ทำการพิชิตเหนือเรา นับจากวันที่ท่านศาสดาของเราเสียชีวิต (วะฟาต) จวบจนถึงวันนี้ พวกเขาได้แย่งชิงสิทธิของเราไป เราจะขอความช่วยเหลือจากพวกท่าน ดังนั้นพวกท่านจงให้การช่วยเหลือแก่เราเถิด”

       “เมื่อชายหนุ่มผู้นี้ประกาศคำพูดดังกล่าว พวกเขาจะตัดศีรษะเขาในระหว่างรุกน์และมะกอม และเขาผู้นี้ก็คือนัฟซุซซะกียะฮ์ เมื่อข่าวได้ไปถึงท่านอิมาม (อ.) ท่านจะกล่าวกับบรรดาผู้ช่วยเหลือของท่านว่า : ฉันไม่ได้บอกกับพวกท่านดอกหรือว่าชาวเมืองมักกะฮ์ไม่ต้องการฉัน! ชาวเมืองมักกะฮ์จะไม่เชื้อเชิญท่านอิมาม จนกระทั่งท่านอิมามตัดสินใจเคลื่อนพลเดินทางลงมาพร้อมด้วยทหารผู้ติดตามจำนวน 313 คน (เท่ากับจำนวนนักรบแห่งสงครามบะดัร) จาก “อะกอบะฮ์ ฏุวา” (ซึ่งเป็นหนึ่งของทางเข้าเมืองมักกะฮ์) จนกระทั่งถึงมัสยิดิ้ลฮะรอม ท่านจะทำนมาซสี่รอกาอัต ณ มะกอมอิบรอฮีม และจะยืนพิงหินดำ (ฮะญะรุ้ลอัสวัด) จากนั้นจะกล่าวสรรเสริญสดุดีต่อพระผู้เป็นเจ้า จะกล่าวนามท่านศาสดาและซอละวาต (ขอพร) ให้แก่ท่าน และจากนั้นท่านจะกล่าวคำพูดต่างๆ ที่ไม่มีประชาชนคนใดได้กล่าวมันมาก่อนเลย” (บิฮารุ้ลอันวาร, เล่มที่ 52, หน้าที่ 307)

      สิ่งที่ถูกรายงานไว้เกี่ยวกับนัฟซุซซะกียะฮ์นั้น เป็นคำรายงานที่แข็งแรงเชื่อถือได้ (มุอ์ตะบัร) แต่เราจะขอกล่าวว่า ท่านอิมาม (อ.) และบรรดาผู้ช่วยเหลือของท่านนั้นจะแยกกันเข้าสู่มัสยิดิ้ลฮะรอม



(1) ตัวอย่างเช่น ในหนังสือกะมาลุดดีนของท่านเชคซุดูก (ร.ฮ.) เล่มที่ 1 หน้าที่ 317 มีคำพูดหนึ่งจากท่านอิมามฮุเซน (อ.) เกี่ยวกับการปรากฏตัว (ซุฮูร) ของท่านอิมามะฮ์ดี (อ.) ซึ่งท่านกล่าวว่า
یُصْلِحُ اللَّهُ تَبَارَكَ وَ تَعَالَى أَمْرَهُ فِی لَیْلَةٍ وَاحِدَة
“พระผู้เป็นเจ้าผู้ทรงจำเริญ ผู้ทรงสูงส่ง จะทรงแก้ไขปรับปรุงกิจการ (การปรากฏตัว) ของเขา ภายในคืนเดียว (ผู้แปล)


บทความโดย : เชคมุฮัมมัดนาอีม ประดับญาติ

Copyright © 2018 SAHIBZAMAN.NET- สื่อเรียนรู้สำหรับอิสระชนคนรุ่นใหม่