"อัรบะอีน" คือการสืบสานเหตุการณ์แห่งกัรบาลาเพื่อการพิทักษ์รักษาวันอาชูรอซึ่งเป็นส่วนหนึ่งจาก "อัยยามุลลอฮ์" (วันแห่งพระเจ้า) ที่ยิ่งใหญ่ที่สุดเอาไว้ในวันอัรบะอีนบรรดาผู้มีความรักต่อท่านอิมามฮุเซน (อ.) จะทำการตอกย้ำพันธะสัญญาร่วมกับขบวนการเคลื่อนไหวของท่านอิมามฮุเซน (อ.) ในรูปแบบที่ดีสุดนั่นคือ การเดินทางไปเยือน (ซิยาเราะฮ์) แผ่นดินกัรบาลา
วัฒนธรรมแห่ง “อาชูรออ์” คำว่า “อัรบาอีน” นั้นหมายถึงวันที่ 40 ของการเป็นชะฮีด ของท่านอิมามฮุเซน (อ.) ซึ่งตรงกับวันที่ 20 ของเดือนซอฟัร เป็นวันที่บรรดาชีอะฮ์อิมามิยะฮ์ให้ความสำคัญอย่างมากวันหนึ่ง มีการจัดมัจญ์ลิซและการรำลึกถึงวีรกรรมและโศกนาฏกรรมแห่ง “กัรบะลาอ์” มาตลอดทุกยุคสมัย
ในหนังสือตารีค ฮะบีบ อัซซิยัรได้บันทึกไว้ว่า : ยาซีด บุตรของมุอาวิยะฮ์ ได้มอบศีรษะของบรรดาชะฮีดจำนวนหนึ่งคืนให้แก่ท่านอิมามซัจญาด (อ.) และในวันที่ 20 ซอฟัร ท่านได้ฝังศีรษะของแต่ละท่านไปพร้อมกับร่างของบรรดาชูฮาดาอ์ผู้เป็นเจ้าของศีรษะเหล่านั้น
วันที่ 20 ซอฟัร เป็นวันที่ท่านญาบิร บินอับดุลลอฮ์ อันซอรี และอะฏียะฮ์ บินซะอัด อัลเอาฟี ได้เดินทางมาจากมะดีนะฮ์มาถึงกัรบะลาอ์ ภายหลังจากการเป็นชะฮีดของท่านอิมามฮุเซน (อ.) ท่านทั้งสองได้มาซิยาเราะฮ์แผ่นดินกัรบะลาอ์ในวันอัรบะอีนแรกของปีนั้น
"อัรบะอีน" คือการสืบสานเหตุการณ์แห่งกัรบาลา ด้วยเหตุนี้เพื่อการพิทักษ์รักษาวันอาชูรอซึ่งเป็นส่วนหนึ่งจาก "อัยยามุลลอฮ์" (วันแห่งพระเจ้า) ที่ยิ่งใหญ่ที่สุดเอาไว้ ในวันอัรบะอีนบรรดาผู้มีความรักต่อท่านอิมามฮุเซน (อ.) จะทำการตอกย้ำพันธะสัญญาร่วมกับขบวนการเคลื่อนไหวของท่านอิมามฮุเซน (อ.) และพวกเขาได้แสดงการตอกย้ำพันธะสัญญาดังกล่าวนี้ในรูปแบบที่ดีสุดนั่นคือ การเดินทางไปเยือน (ซิยาเราะฮ์) แผ่นดินกัรบาลา
ด้วยเหตุผลดังกล่าวนี้ มีปรากฏในริวายะฮ์ (คำรายงาน) ของท่านอิมามฮะซัน อัสกะรี (อ.) ซึ่งถือว่าการซิยาเราะฮ์มาเยือนท่านอิมามฮุเซน (อ.) ในวันอัรบะอีน คือหนึ่งในสัญลักษณ์ของผู้ศรัทธา (มุอ์มิน) ที่ท่านอิมามฮะซัน อัสกะรี (อ.) ได้กล่าวว่า :
عَلَامَاتُ الْمُؤْمِنِ خَمْسٌ صَلَاةُ الْإِحْدَى وَ الْخَمْسِينَ وَ زِيَارَةُ الْأَرْبَعِينَ وَ التَّخَتُّمُ فِي الْيَمِينِ وَ تَعْفِيرُ الْجَبِينِ وَ الْجَهْرُ بِ بِسْمِ اللَّهِ الرَّحْمنِ الرَّحِيمِ
"สัญลักษณ์ของผู้ศรัทธานั้นมีห้าประการคือ การนมาซห้าสิบเอ็ดร่อกาอัต การอ่านซิยาเราะฮ์อัรบาอีน การสวมแหวนที่มือขวา การเอาหน้าผากสัมผัสดินในขณะซุญูด และการอ่านบิสมิลลาฮ์ด้วยเสียงดัง" (มิศบาฮุลมะตะฮัจญิด, หน้า 551)
ประหนึ่งว่ากัรบาลาได้เปิดอ้อมแขนอันกว้างของตนด้วยความยินดีที่เปี่ยมล้นเพื่อการต้อนรับบรรดาผู้มาเยือน (ซิยาเราะฮ์) ท่านอิมามฮุเซน (อ.) และท่านอบัลฟัฎลิ์ อัลอับบาส (อ.) สถานที่นี่คือ กัรบาลา ดินแดนซึ่งพระผู้เป็นเจ้าได้ทรงสำแดงความยิ่งใหญ่แห่งการสร้างสรรค์ทั้งหมดของพระองค์ให้เห็น ในสถานที่แห่งนี้ ประหนึ่งว่าบรรดาผู้มาเยือนทั้งหมดได้ถูกดึงดูดด้วยพลังงานแม่เหล็กแห่งฮุเซน (อ.)
ดั่งเช่นที่ท่านอายะตุลลอฮ์คอเมเนอี ผู้นำสูงสุดของการปฏิวัติอิสลามได้กล่าวว่า : "จุดเริ่มต้นการดึงดูดของแม่เหล็กแห่งฮุเซน คือในวันอัรบะอีน มันได้ทำให้ท่านญาบิร บินอับดุลลอฮ์ ลุกขึ้นจากมะดีนะฮ์และดึงเขาไปยังกัรบาลา นี่คือพลังงานแม่เหล็กที่วันนี้แม้จะผ่านพ้นมายาวนานหลายศตวรรษก็ยังคงอยู่ในหัวใจของข้าพเจ้าและของพวกท่านทั้งหลาย บรรดาผู้ที่มีความรู้จัก (มะอ์ริฟะฮ์) ต่ออะฮ์ลุลบัยติ์ ความรักและความคนึงหาต่อกัรบาลา จะยังคงดำรงอยู่ในหัวใจของพวกเขา สิ่งนี้ได้เริ่มต้นขึ้นตั้งแต่วันนั้น นี่คือความรักแผ่นดินแห่งฮุเซน และสถานฝังศพของนายของบรรดาชะฮีด ซัยยิดุชชุฮะดาอ์"
อาชูรอเป็นแค่เพียงวันหนึ่ง แต่ผลกระทบจากรัศมีของมันได้แผ่ขยายออกไปจวบจนนิรันดร์และมันจะทำให้จิตสำนึกที่อ่อนไหวและหัวใจที่บริสุทธิ์ทั้งหลายตกอยู่ภายใต้ผลกระทบของมัน การยืนหยัดต่อสู้ของท่านอิมามฮุเซน (อ.) นับจากปีฮิจเราะฮ์ศักราชที่ 61 จวบจนถึงวันนี้ ประหนึ่งดั่งตาน้ำที่พวยพุ่งที่ทำให้บรรดาผู้กระหายในความรู้ (มะอ์ริฟะฮ์), ความจริงและความยุติธรรมได้อิ่มเอิบจากตาน้ำอันบริสุทธิ์และหวานชื่นของตน และเป็นแรงบันดาลใจของขบวนการเคลื่อนไหวจำนวนมากที่เรียกร้องหาสัจธรรมและต่อต้านความเท็จ
วันนี้บรรดาผู้มีความรักต่อท่านอิมามฮุเซน (อ.) ได้เดินเท้าเป็นระยะทางนับร้อยกิโลเมตรและพันกิโลเมตรจากทั่วทุกมุมโลกเพื่อที่จะนำพาตัวเองให้ถึงสถานที่นี้ และแสดงการคาระวะต่อเมาลา (ผู้เป็นนาย) ของพวกเขา เพื่อพวกเขาจะกล่าวว่า โอ้นายของพวกเรา! แม้พวกเราไม่ได้อยู่ในกัรบาลาเพื่อช่วยเหลือท่านในวันนั้น แต่ตอนนี้พวกเรามาที่นี่เพื่อที่จะบอกว่าพวกเราต้องการที่จะพิทักษ์ปกป้องศาสนาที่ท่านได้ทำให้มันมีชีวิตอยู่
พวกเราจะทำการปกป้องอุดมคติของท่านจวบจนเลือดหยดสุดท้ายของพวกเราและพวกเราจะไม่ปล่อยให้เลือดอันบริสุทธิ์ของท่านที่ไหลหลั่งลงบนแผ่นดินกัรบาลาต้องถูกเหยียบย่ำ และคลื่นมหาชนที่ได้หลั่งไหลมารวมตัวกันนี้กำลังบอกกับชาวโลกว่า เสียงเรียกร้องที่ดังกึกก้องของท่านอิมามฮุเซน (อ.) ที่ว่า "هل من ناصر ینصرنی" (มีผู้ใดไหมที่จะให้การช่วยเหลือแก่ฉัน) นั้นมีผู้ตอบรับ โดยที่หลังจากผ่านเลยไปหลายศตวรรษ เสียงดังกล่าวได้ดังไปถึงหูของชาวโลก
บทความโดย : เชคมูฮัมมัดนะอีม ประดับญาติ
Copyright © 2018 SAHIBZAMAN.NET- สื่อเรียนรู้สำหรับอิสระชนคนรุ่นใหม่