ในแถลงการณ์เมื่อวันเสาร์ อบู อุบัยดะฮ์ โฆษกกองพันอัล-ก็อซซาม สาขาทางทหารของขบวนการฮามาสกล่าวหาอิสราเอลว่า “จงใจประหารชีวิต” เชลยสามคนในฉนวนกาซา “ด้วยความสิ้นหวัง พยายามกำจัดภัยตัวเอง ภาระและพันธกรณีของปัญหานี้” แล้วพวกเขาถูกฆ่าโดยเจตนาเหรอ? และถ้าใช่ เพราะเหตุใด?

       คำกล่าวอ้างของอบู อุบัยดะฮ์ สามารถเข้าใจได้ง่ายว่าเป็นข้อกล่าวหาที่ว่ารัฐบาลอิสราเอลของนายกรัฐมนตรีเบนจามิน เนทันยาฮูไม่ได้ให้ความสำคัญกับการปล่อยตัวประกัน เนื่องจากผู้นำอิสราเอลมุ่งเป้าไปที่การยืดเวลาสงครามเพื่อความอยู่รอดทางการเมืองของเขาเอง

แต่มีเรื่องราวมากกว่านั้น 'เวลากำลังจะหมดลง'

       ในการแถลงข่าวในกรุงเบรุต นายโอซามา ฮัมดาน เจ้าหน้าที่ระดับสูงของกลุ่มฮามาสได้เผยแพร่คลิปวิดีโอล่าสุด ที่นำเสนอภาพจำนวนทหารอิสราเอลที่ถูกทหารของพวกเขาเองสังหารในฉนวนกาซานับตั้งแต่เริ่มสงคราม

       แต่ละภาพตามด้วยนับตัวเลข ภาพสุดท้ายคือนักโทษทหาร 3 คนที่พยายามหลบหนีแต่ถูกกองทัพของพวกเขาสังหารในย่านเชไจยา ในเมืองกาซาเมื่อเช้าวันศุกร์ ตามการระบุของโฆษกกองทัพอิสราเอล

       ดูเหมือนว่าวิดีโออัล-กอสซัมที่นำเสนอโดยฮัมดาน ดูเหมือนจะได้รับการจัดเตรียมก่อนที่กองทัพอิสราเอลจะประกาศตัวประกันอีกรายหนึ่งเสียชีวิต

       วิดีโอจบด้วยวลีภาษาฮีบรูที่แปลว่า "เวลากำลังจะหมด" แต่การนับของฮัมดาน ไม่ใช่เพียงการอ้างอิงถึงเครื่องจับเวลาเท่านั้น แต่ยังหมายถึง 'เวลากำลังจะหมดลง'

       ครอบครัวของเชลยทหารอิสราเอลในฉนวนกาซาก็มีนาฬิกาจับเวลาของตัวเองเช่นกัน ในจัตุรัสขนาดใหญ่ในเทลอาวีฟ ซึ่งพวกเขาได้ออกมาประท้วงความล้มเหลวของรัฐบาลในการเจรจาปล่อยตัวสมาชิกในครอบครัวของพวกเขา

       การประท้วงครั้งใหญ่ที่สุดมักจัดขึ้นในวันเสาร์ และพวกเขาก็ได้รับแรงผลักดันอย่างต่อเนื่อง แต่รัฐบาลอิสราเอลยังคงยืนกรานที่จะปฏิบัติตามทางเลือกทางทหาร อย่างไรก็ตาม ทางเลือกทางทหารดูเหมือนจะเป็นการฆ่านักโทษ แทนที่จะช่วยเหลือพวกเขา

       ในช่วงต้นวันแรกของการทิ้งระเบิดฉนวนกาซาของอิสราเอล กลุ่มต่อต้านของชาวปาเลสไตน์ได้ประกาศซ้ำแล้วซ้ำอีกว่า ตัวประกันพลเรือนชาวอิสราเอลและเชลยทหารได้ถูกสังหารพร้อมกับพลเรือนชาวปาเลสไตน์หลายพันคน

       การตายของพวกเขาจึงเป็นที่เข้าใจว่าเป็นผลโดยตรงจากการโจมตีฉนวนกาซาของอิสราเอล โดยไม่เลือกปฏิบัติ ซึ่งจนถึงขณะนี้ได้คร่าชีวิตชาวปาเลสไตน์ไปแล้วกว่า 18,800 คน

       แต่นับตั้งแต่เริ่มการรุกรานภาคพื้นดินโดยกองทัพอิสราเอลเมื่อวันที่ 27 ตุลาคม ตรรกะนั้นก็ไม่เพียงพอ

       ในวันที่ 8 ธันวาคม ผู้บัญชาการอิสราเอล พยายามดำเนินปฏิบัติการช่วยเหลือเชลย ซึ่งหากทำสำเร็จก็จะเป็นกำลังเสริมเรียกความเชื่อมั่นโดยรวมของอิสราเอลหลังปฏิบัติการทางทหารเมื่อวันที่ 7 ตุลาคม ที่ดำเนินการโดยกลุ่มต่อต้าน ยกเว้นว่าปฏิบัติการมันไม่สำเร็จ

       ดูเหมือนว่าหน่วยปฏิบัติการช่วยเหลือเชลยผู้โจมตีชาวอิสราเอล ซึ่งพยายามช่วยตัวประกันบางส่วน สามารถหลบหนีได้สำเร็จโดยนำผู้เสียชีวิตและบาดเจ็บไปด้วย

       อย่างไรก็ตาม จากหลักฐานวิดีโอที่บันทึกไว้โดยกองพันอัล-ก็อซซาม พวกเขายังได้ทิ้ง ซาอ์อา บารุค เชลยทหารอิสราเอลที่เสียชีวิตไว้เบื้องหลัง

       ร่างของบารุคเต็มไปด้วยกระสุน โดยมีรูกระสุนทะลุหน้าอกและแม้แต่ตาซ้าย ทำให้เกิดการคาดเดาเกี่ยวกับวิธีการที่เขาถูกสังหารโดยหน่วยปฏิบัติการช่วยเหลือเชลยชาวอิสราเอลของเขาเอง

       แม้ว่าสื่อปาเลสไตน์และอาหรับจะพูดคุยกันถึงข้อเท็จจริงนี้ในวงกว้าง แต่นักวิเคราะห์สื่อของอิสราเอลก็หลีกเลี่ยงข้อเท็จจริงนี้เป็นส่วนใหญ่

       แต่คำถามยังคงมีอยู่ และกลับมามีผลบังคับใช้อย่างเต็มที่ในวันศุกร์ เมื่อกองทัพอิสราเอลยอมรับการประหารชีวิต (พวกเขากล่าวว่าการสังหาร "อย่างเข้าใจผิด") ทหาร 3 นายของตนเองที่กำลังพยายามหลบหนีจากเชไจยา

       ตามรายงานของหนังสือพิมพ์ Haaretz ของอิสราเอล นักโทษโบกธงขาวขณะพวกเขาถูกสังหาร

       “ทหารที่ประจำการอยู่บนชั้นบนของอาคารแห่งหนึ่งในพื้นที่ได้ระบุบุคคลสามคนที่ถือไม้ยาวที่มีผ้าสีขาวติดอยู่ รายงานระบุว่าด้วยเหตุผลบางประการ ทหารรู้สึกว่าถูกคุกคามและเปิดฉากยิงใส่กลุ่มนี้” ฮาเรตซ์ รายงาน

       ฆ่าโดยเจตนาหรือไม่ เราสามารถเข้าใจถึงความตื่นตระหนกโดยรวมของทหารอิสราเอลในเมืองเชไจยา ซึ่งเป็นหนึ่งในจุดต่อต้านของชาวปาเลสไตน์ที่แข็งแกร่งที่สุด ซึ่งการสู้รบที่ดุเดือดได้คร่าชีวิตทหารอิสราเอลไปหลายสิบคนแล้ว 

       แต่สิ่งที่ยากจะเข้าใจก็คือความจริงที่ว่า ทหารที่พยายามหลบหนีได้คาดการณ์ไว้แล้วถึงปฏิกิริยาของเพื่อนร่วมงานของพวกเขาเอง นั่นคือการสุ่มฆ่าพลเรือนชาวปาเลสไตน์ ดังนั้นพวกเขาจึงถอดเสื้อผ้าล่วงหน้า ชูธงขาว และตะโกนเป็นภาษาฮีบรู

       อย่างหลังไม่ใช่คำกล่าวอ้างของกลุ่มต่อต้านของชาวปาเลสไตน์ แต่เป็นที่ยอมรับโดยชาวอิสราเอลเอง

       แต่เหตุใดเชลยทั้งสามคนนี้จึงถูกยิงเสียชีวิตในระยะประชิด พร้อมทั้งบอกทุกประการว่าพวกเขาไม่ใช่ชาวปาเลสไตน์?  

       ในตอนแรก กองทัพอิสราเอลกล่าวหาว่า เชลยศึกที่เสียชีวิตนั้นแต่งกายด้วย "ชุดอาหรับ" ไม่ว่าจะเป็นอะไรก็ตาม ต่อมา สื่ออิสราเอลซึ่งอ้างถึงแหล่งข่าวทางทหารของอิสราเอล ยอมรับ ว่าทหารได้ถอดเสื้อผ้าบางส่วนออก

      แล้วพวกเขาถูกฆ่าโดยเจตนาเหรอ? และถ้าใช่ เพราะเหตุใด?

      "คำสั่งของฮันนิบาล" เป็นชื่อของกระบวนการที่เป็นที่ถกเถียงซึ่งใช้โดยกองทัพอิสราเอลเพื่อป้องกันการจับกุมทหารโดยกองกำลังศัตรู ไม่ว่าจะต้องแลกมาด้วยราคาใดก็ตาม

       คำสั่ง ตามที่ Eyal Weizmann ผู้ก่อตั้ง Forensic Architecture กล่าวไว้ว่า “การลักพาตัวจะต้องยุติทุกวิถีทาง แม้กระทั่ง ในราคาของการโจมตีและทำร้ายกองกำลังของเราเอง”

      ตามคำให้การ ของผู้ตั้งถิ่นฐานชาวอิสราเอลในเขตชายแดนอิสราเอล-กาซา กองทัพอิสราเอลได้สังหารพลเมืองของตนไปจำนวนมากราวกับเป็นยุทธวิธีป้องกันไม่ให้ฝ่ายต่อต้านจับพวกเขาเป็นตัวประกัน

      รายงานเหล่านี้ยังเผยแพร่ไปยังสื่อของอิสราเอลด้วย Yasmin Porat ผู้รอดชีวิตจาก Kibbutz Be'eri ใกล้กับรั้วที่กั้นฉนวนกาซาชายแดนอิสราเอล กล่าวในการให้สัมภาษณ์กับวิทยุอิสราเอล กองกำลังอิสราเอล "ไม่ต้องสงสัยเลย" สังหารพลเรือนอิสราเอลจำนวนมากหลังปฏิบัติการของกลุ่มฮามาสเมื่อวันที่ 7 ตุลาคม

      “พวกเขากำจัดทุกคน รวมถึงตัวประกันด้วย” เธอบอกกับวิทยุอิสราเอล “มีการยิงปืนครกที่หนักมากและมีกระสุนรถถังด้วย”

      เมื่อพิจารณาว่า ตามคำโต้แย้งของฮัมดาน ตัวประกันและเชลยชาวอิสราเอลอย่างน้อยเก้าคนถูกทหารอิสราเอลสังหาร นอกเหนือจากทหารหญิงคนล่าสุด และความล้มเหลวของอิสราเอลในการช่วยเหลือตัวประกันเพียงคนเดียว คำถามเริ่มแรกก็เกิดขึ้นอีกครั้งคือ อิสราเอลสังหารตัวประกันของตนเองโดยเป็นส่วนหนึ่งของคำสั่งฮันนิบาล

      อาจมีคนแย้งว่า สงครามทั้งหมดในฉนวนกาซา แม้ว่าพลเรือนปาเลสไตน์จะมีค่าใช้จ่ายสูงเพียงใด แต่ก็ถือเป็นภารกิจฆ่าตัวตายสำหรับกองทัพอิสราเอลเช่นกัน เนื่องจากพวกเขาถูกสังหารและบาดเจ็บเป็นจำนวนมากอย่างที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน

      ไม่ว่าจะด้วยวิธีใด คำกล่าวของ อบู อุบัยดะฮ์ ที่ว่ากองทัพอิสราเอล “จงใจประหารชีวิต” เชลยศึกไม่ได้เกิดจากสุญญากาศ

      และในขณะที่เวลากำลังจะหมดลงสำหรับเชลยเหล่านั้นที่ถูกทหารของพวกเขาสังหาร ดูเหมือนว่า เนทันยาฮู จะไม่กังวลเกี่ยวกับการตั้งเวลาถ่ายวิดีโอของกลุ่มฮามาสหรือการแสดงภาพในจัตุรัสที่ใหญ่ที่สุดแห่งหนึ่งของเทลอาวีฟ เพราะนั่นก็กำลังดำเนินต่อไปเช่นกัน

เขียนโดย : แรมซี บารูด์ & โรมานา รูเบโอ

ที่มา : ปาเลสไตน์โครนิเคิล