อยาตุลลอฮ์ ซัยยิด อาลี คาเมเนอี ผู้นำการปฏิวัติอิสลามกล่าวว่า หลังจากเกือบ 100 วันของการโจมตีของอิสราเอลในฉนวนกาซา การคาดการณ์ความพ่ายแพ้ของระบอบไซออนิสต์ก็กำลังจะเป็นจริง เมื่อกลุ่มต่อต้านของชาวปาเลสไตน์จะเป็นผู้ชนะ
เนื่องในวันครบรอบการลุกฮือของประชาชนชาวเมืองกุมในประวัติศาสตร์ปี 1978 เพื่อต่อต้านระบอบปาห์ลาวีที่กดขี่ ผู้คนจำนวนหนึ่งจากจังหวัดกุม ได้เข้าพบกับท่านผู้นำสูงสุดของการปฏิวัติอิสลามแห่งอิหร่าน ที่ฮูซัยนียะห์อิมามโคมัยนี ในเมืองเตหะราน เมื่อวันที่ 9 มกราคม
ในระหว่างการประชุม อยาตุลลอฮ์ คาเมเนอีได้กล่าวถึงเหตุระเบิดอันน่าสลดใจในเมืองเคอร์มาน โดยกล่าวว่า เนื่องจากเหตุการณ์โศกนาฏกรรมที่น่าเศร้าสลดที่เกิดขึ้นในเมืองเคอร์มาน ประเทศอิหร่าน ได้กลายเป็นความโศกเศร้า ซึ่งความหมายที่แท้จริงของคำนี้ เรายืนหยัดที่จะไม่กล่าวหาผู้อื่น แต่เรายืนหยัดที่จะค้นหาและลงโทษผู้กระทำและผู้อยู่เบื้องหลังโศกนาฏกรรมครั้งนี้ เจ้าหน้าที่ผู้มีเกียรติของเรากำลังมุ่งมั่นอยู่กับเรื่องนี้ ซึ่งเราตระหนักดีว่าพวกเขาทำอะไรอยู่ พวกเขาทำงานได้ดีและพวกทำได้ดีมาก ด้วยความประสงค์ของอัลลอฮ์ (ซ.บ.) พวกเขา (เจ้าหน้าที่) จะสามารถลงโทษพวกเขา (ผู้กระทำผิด) สำหรับการกระทำของพวกเขา
ท่านผู้นำยังได้ดึงความสนใจไปที่ประเด็นเรื่องในฉนวนกาซา โดยชี้ไปที่การตระหนักรู้อย่างค่อยเป็นค่อยไปของคำทำนายโดยบุคคลที่ชาญฉลาดเกี่ยวกับเหตุการณ์ต่างๆ ในฉนวนกาซา
ท่านผู้นำกล่าวยืนยันว่า มีการคาดการณ์ว่า กลุ่มต่อต้านของชาวปาเลสไตน์จะเป็นผู้ชนะในด้านนี้ และฝ่ายที่จะพ่ายแพ้ก็คือระบอบไซออนนิสต์ที่ชั่วร้ายและถูกสาปแช่ง วันนี้ คำทำนายนี้กำลังเป็นจริง
ท่านผู้นำสูงสุดถือว่า ช่วงเวลาสามเดือนของอาชญากรรมการสังหารเด็กในฉนวนกาซาของไซออนนิสต์ เป็นเหตุการณ์ที่ไม่อาจลืมเลือนและจะถูกจารึกไว้ในประวัติศาสตร์ตลอดไป โดยเสริมกล่าวว่า แม้ว่าระบอบการปกครองนี้จะถูกทำลายและถูกกวาดล้างไปจากพื้นโลก อาชญากรรมเหล่านี้จะไม่ถูกลืม ซึ่งพวกเขาจะถูกบึนทึงลงไปในหน้าประวัติศาสตร์ว่า พวกเขาสังหารเด็กหลายพันคนในเวลาไม่กี่สัปดาห์ อย่างไรก็ตาม ด้วยกับความอดทนและการต่อต้านของชาวปาเลสไตน์ทำให้พวกเขาต้องล่าถอย
ท่านอยาตุลลอฮ์ คาเมเนอี เน้นย้ำถึงสัญญาณที่ชัดเจนของความพ่ายแพ้และความล้มเหลวของระบอบไซออนิสต์ ในช่วงระยะเวลาประมาณ 100 วันของการก่ออาชญากรรม
พวกไซออนิสต์ กล่าวว่า พวกเขาจะทำลายกลุ่มฮามาสและการต่อต้าน และขับไล่ผู้คนในฉนวนกาซา แต่พวกเขาล้มเหลวในการทำเช่นนั้น และในวันนี้ การต่อต้านยังคงเข้มแข็ง มั่นคง และเตรียมพร้อมอย่างเต็มที่ ในขณะที่ระบอบการปกครองของไซออนิสต์อ่อนล้า อับอาย และเต็มไปด้วยความเสียใจ ธรรมชาติที่แท้จริงของระบอบไซออนนิสต์ได้ถูกเปิดเผยแล้ว
ผู้นำการปฏิวัติกล่าวเสริมว่า กำหนดให้การแข่งขันนี้ เป็นบทเรียนอันมีค่า โดยเน้นย้ำถึงความสำคัญของการยืนหยัดต่อต้านการกดขี่ การบีบบังคับ ความเย่อหยิ่ง และการแย่งชิง เท่านอยาตุลลอฮ์ คาเมเนอีเน้นย้ำถึงความจำเป็นที่ฝ่ายต่อต้านจะต้องปรับปรุงและเตรียมพร้อมอยู่เสมอ โดยไม่ตกเป็นเหยื่อของกลยุทธวิธีที่หลอกลวงของศัตรู ด้วยความช่วยเหลือจากพระผู้เป็นเจ้า การต่อต้านควรกำหนดเป้าหมายและโจมตีศัตรูเมื่อใดก็ตามที่เป็นไปได้
อยาตุลลอฮ์ คาเมเนอี ได้ยกย่องความอดทนและความแน่วแน่ที่แสดงโดยชาวฉนวนกาซา โดยกล่าวว่า ด้วยความอดทนและความยืดหยุ่นของพวกเขา คนกลุ่มเล็กๆ ในดินแดนเล็กๆ ได้ทำลายสหรัฐฯ ผู้ความอวดดี และระบอบไซออนิสต์ ซึ่งยึดติดอยู่กับสหรัฐอเมริกา
ท่านอยาตุลลอฮ์ คาเมเนอี เน้นย้ำอีกว่า ด้วยความเต็มใจ สักวันหนึ่งจะมาถึงเมื่อประชาชาติอิหร่านและประชาชาติมุสลิมจะได้เห็นชัยชนะแห่งความอดทน ความแน่วแน่ และความศรัทธาในพระผู้เป็นเจ้าเหนือศัตรู และปีศาจที่แผ่ซ่านไปทั่วโลก
ท่านผู้นำยังได้กล่าวถึงเมืองกุม ซึ่งท่านอธิบายว่า เป็น "เมืองแห่งการลุกฮือ ความรู้ และญิฮาด" เขาได้ชี้ให้เห็นถึงบทเรียนอันยั่งยืนของการลุกฮือขึ้นเองของพลเมืองผู้เคร่งศาสนาในเมืองนี้ เมื่อวันที่ 9 มกราคม พ.ศ. 2521 โดยกล่าวว่า เหตุการณ์ใหญ่ครั้งนี้ ซึ่งเกิดขึ้นเพื่อประท้วงต่อต้านมาตรการที่ดำเนินการโดยระบอบการปกครอง (ปาห์ลาวี) ที่อยู่ภายใต้การอุปถัมภ์ในการเผยแพร่ข้อความดูหมิ่น บทความที่ต่อต้านอิมามโคมัยนี (ร.ฎ.) เป็นข้อพิสูจน์ถึงอำนาจของประชาชนในการมีอิทธิพลต่อเหตุการณ์สำคัญๆ
อยาตุลลอฮ์ คาเมเนอี ได้พิจารณาการโค่นล้มระบอบการปกครองของตะกุตที่ต้องพึ่งพาและกดขี่ ซึ่งเกิดขึ้นภายในหนึ่งปีของการลุกฮือของพลเมืองกุม อันเป็นผลที่เป็นรูปธรรมจากการที่ประชาชนอยู่ที่นั่น
นอกจากนี้ ท่านยังอธิบายรายละเอียดเกี่ยวกับกลยุทธ์ที่ใช้โดยแนวหน้าที่หยิ่งผยองในอิหร่าน โดยกล่าวว่า สหรัฐฯ และระบอบไซออนิสต์อยู่ตรงข้ามกับยุทธศาสตร์ของอิมามโคมัยนี ซึ่งก็คือ การนำผู้คนเข้ามาอยู่ในภาพจินตนาการและให้อำนาจพวกเขา ในความพยายามและการสู้รบของพวกเขา ซึ่งพวกเขากล่าวว่า พวกเขาได้นำยุทธศาสตร์อันยิ่งใหญ่ในการดึงชาวอิหร่านออกจากภาพนั้น ซึ่งพวกเขายังคงดำเนินนโยบายนี้ต่อไปจวบจนทุกวันนี้
ท่านอยาตุลลอฮ์ คาเมเนอีถือว่า ความพยายามที่จะมองข้ามการมีส่วนร่วมของผู้คนในโอกาสสำคัญๆ เป็นหนึ่งในกลอุบายของศัตรูที่จะกีดกันพวกเขา ท่านกล่าวว่า สาเหตุของความเป็นศัตรูกันก็คือ พวกเขาเข้าใจปัจจัยเบื้องหลังความก้าวหน้า ศักดิ์ศรี และการผงาดขึ้นมาของอิหร่าน ในฐานะมหาอำนาจที่สำคัญในภูมิภาค ซึ่งรวมถึงการสร้างความลึกทางยุทธศาสตร์ที่เป็นเอกลักษณ์สำหรับระบบ ผ่านกองกำลังต่อต้านทั่วทั้งภูมิภาค เช่นเดียวกับความล้มเหลวของการสมรู้ร่วมคิดต่างๆ เช่น การรัฐประหาร สงครามบังคับ และแผนการรักษาความปลอดภัย ท่านผู้นำเน้นย้ำว่า การมีส่วนร่วมอย่างแข็งขันของชาวอิหร่านในความพยายามต่างๆ ถือเป็นกุญแจสำคัญสู่ความสำเร็จเหล่านี้
ท่านอยาตุลลอฮ์ คาเมเนอี กล่าวเน้นย้ำว่า การใช้กลยุทธ์ความกลัวเพื่อทำให้ผู้คนในมหาอำนาจโลก สหรัฐฯ และระบอบไซออนิสต์หวาดกลัว เป็นอีกกลยุทธ์หนึ่งในการกีดกันประชาชน หากชาวอิหร่านยอมจำนนต่อความกลัวจากอำนาจใดโดยเฉพาะ สาธารณรัฐอิสลาม ก็คงหมดสิ้นไป นอกจากนี้ มหาอำนาจหลายแห่งที่อ้างว่า ครอบครองและปกครองภูมิภาคนี้ ต่างหวาดกลัวประชาชาติอิหร่าน
ผู้นำการปฏิวัติตั้งข้อสังเกตว่า มีการใช้กลยุทธ์ต่างๆ เพื่อลบบุคคลออกจากภาพ และหนึ่งในนั้นเกี่ยวข้องกับความพยายามของสื่อต่างประเทศเพื่อห้ามปรามผู้คน โดยเฉพาะคนรุ่นใหม่ จากการรอคอยอนาคตที่มีความหวัง
อยาตุลลอฮ์ คาเมเนอี ตั้งข้อสังเกตอีกกลวิธีหนึ่งที่ใช้ในการลบฉากจากการมีส่วนร่วมของผู้คนก็คือ “การสร้างความบาดหมางและความแตกแยกในหมู่ประชาชน” หลังจากชี้แจงกลยุทธ์นี้แล้ว ท่านเน้นย้ำว่า กุญแจสำคัญในการตอบโต้แผนการเหล่านี้ คือ การให้ประชาชนมีส่วนร่วมอย่างแข็งขันในเรื่องการเมือง เศรษฐกิจ การเลือกตั้ง และแม้กระทั่งความมั่นคง
ที่มา : สำนักข่าว ตัสนีม
Copyright © 2023 SAHIBZAMAN.NET- สื่อเรียนรู้สำหรับอิสระชนคนรุ่นใหม่