เสียงประณามหลั่งไหลเข้ามาจากประเทศต่างๆ ทั่วโลก หลังจากที่สหรัฐฯ วีโต้มติของคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติอีกครั้ง ซึ่งเรียกร้องให้มีการหยุดยิงทันทีในสงครามฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ที่กินเวลานานหลายเดือนของอิสราเอลในฉนวนกาซาที่ถูกปิดล้อม
มติที่ร่างโดยแอลจีเรีย เรียกร้องให้มีการหยุดยิงเพื่อมนุษยธรรมทันทีในฉนวนกาซา และการปล่อยตัวนักโทษ "โดยไม่มีเงื่อนไข" โดยมีตัวแทนจาก 13 ประเทศในคณะมนตรีความมั่นคง 15 ประเทศลงมติเห็นชอบมติดังกล่าว และอังกฤษงดออกเสียง
อิสราเอลสังหารผู้คนไปแล้วกว่า 29,000 ราย ส่วนใหญ่เป็นผู้หญิงและเด็ก และบาดเจ็บอีกราว 70,000 รายในฉนวนกาซา นับตั้งแต่รัฐบาลเริ่มโจมตีโดยมีสหรัฐฯ หนุนหลังเมื่อวันที่ 7 ตุลาคม พ.ศ.2566
การยับยั้งซึ่งเป็นครั้งที่สามที่วอชิงตันคัดค้านมติดังกล่าว ได้รับการวิพากษ์วิจารณ์จากหลายประเทศ รวมถึงจีน รัสเซีย ซาอุดีอาระเบีย และแม้แต่พันธมิตรที่ใกล้ชิดของสหรัฐฯ ฝรั่งเศส และสโลวีเนีย
‘สถานการณ์ที่อันตรายยิ่งขึ้น’
จีนเตือนเมื่อวันพุธ (21 ก.พ.) ว่า การตัดสินใจของวอชิงตันที่จะยับยั้งมติของ UNSC ได้ผลักดันสงครามในฉนวนกาซาให้ตกอยู่ในสถานการณ์ที่ “อันตรายยิ่งกว่านั้น”
“จีนลงมติเห็นชอบร่างมติดังกล่าว” เหมา หนิง โฆษกกระทรวงการต่างประเทศ กล่าวในการบรรยายสรุปในกรุงปักกิ่ง “สหรัฐฯ ได้วีโต้โดยลำพังอีกครั้งหนึ่งซึ่งจะผลักดันให้สถานการณ์ในฉนวนกาซาเข้าสู่สถานการณ์ที่อันตรายยิ่งกว่าเดิม โดยที่ทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้อง... ได้แสดงความผิดหวังและความไม่พอใจอย่างรุนแรง”
เจ้าหน้าที่จีนแสดงความกังวลอย่างจริงจังเกี่ยวกับสถานการณ์ในฉนวนกาซา โดยอธิบายว่าเป็น "พันธกรณีทางศีลธรรม" ในการหยุดยั้งการรุกรานของอิสราเอลในดินแดนปาเลสไตน์ที่ถูกปิดล้อม
เหมา หนิง กล่าวว่า “สถานการณ์ด้านมนุษยธรรมในฉนวนกาซากำลังร้ายแรงอย่างยิ่ง สันติภาพและเสถียรภาพในภูมิภาคได้รับผลกระทบอย่างรุนแรง” พร้อมกับเสริมว่า “คณะมนตรีความมั่นคงจะต้องดำเนินการโดยเร็วที่สุดเพื่อยุติสงคราม นี่เป็นพันธกรณีทางศีลธรรม ที่ไม่สามารถเลื่อนออกไปได้”
โฆษกกระทรวงการต่างประเทศจีนเน้นย้ำว่า "เราจะทำงานร่วมกับทุกฝ่ายในประชาคมระหว่างประเทศต่อไปเพื่อผลักดันคณะมนตรีความมั่นคงให้ดำเนินการอย่างมีความรับผิดชอบและมีความหมายต่อไป และพยายามอย่างไม่ลดละเพื่อปราบปรามสงครามในฉนวนกาซาโดยเร็วที่สุด"
บันทึกประวัติศาสตร์ หน้าดำอีกหน้า
วาซิลี เนเบนเซีย เอกอัครราชทูตรัสเซียประจำสหประชาชาติกล่าวว่า การยับยั้งของสหรัฐฯ ถือเป็นบันทึก “หน้าดำอีกหน้าหนึ่งในประวัติศาสตร์ของคณะมนตรีความมั่นคง”
เนเบนเซียกล่าวว่า สหรัฐฯ กำลังพยายามที่จะยื้อเวลาเพื่อให้อิสราเอลสามารถบรรลุ "แผนการที่ไร้มนุษยธรรม" สำหรับฉนวนกาซา กล่าวคือ บีบชาวปาเลสไตน์ออกจากดินแดนและ "ชำระล้าง" วงล้อมอย่างสมบูรณ์
ทูตรัสเซียกล่าวเสริมว่า ไม่ว่า “รสที่ค้างอยู่ในคอ” ของการลงคะแนนเสียงจะขมขื่นเพียงใด “เราก็ไม่อยู่ในอารมณ์ที่จะยอมแพ้”
'เสียใจ' ต่อมติไม่สามารถนำมาใช้ได้
นิโคลัส เดอ ริวิแยร์ ทูตสหประชาชาติของฝรั่งเศส แสดงความเสียใจที่มติ “ไม่สามารถนำมาใช้ได้ เนื่องจากสถานการณ์เลวร้าย” ในฉนวนกาซา
เดอ ริวิแยร์ เน้นย้ำว่า ฝรั่งเศสซึ่งลงคะแนนเสียงหั้บมติดังกล่าว จะยังคงดำเนินการต่อไปเพื่อช่วยเหลือเชลยศึกทุกคนจะถูกปล่อยตัวและให้การหยุดยิง “ดำเนินการทันที”
'ผลที่ตามมาอย่างลึกซึ้งต่อเอเชียตะวันตก'
อามาร์ เบนด์จามา ทูตสหประชาชาติของแอลจีเรีย กล่าวว่า UNSC “ล้มเหลวอีกครั้ง” และเตือนว่า ความเคลื่อนไหวนี้อาจส่งผลกระทบอย่างลึกซึ้งต่อภูมิภาคเอเชียตะวันตกโดยรวม
อามาร์ เบนด์จามา กล่าวว่า “ประชาคมระหว่างประเทศควรตอบสนองต่อข้อเรียกร้องให้ยุติการสังหารชาวปาเลสไตน์ด้วยการเรียกร้องให้มีการหยุดยิงทันที ผู้ที่ขัดขวางมติดังกล่าวควรทบทวนนโยบายและการสำรวจตนเอง เนื่องจากการตัดสินใจที่ผิดพลาดในวันนี้จะส่งผลเสียหายต่อภูมิภาคของเราและโลกของเราในวันหน้า และค่าใช้จ่ายนี้จะเป็นความรุนแรงและความไม่มั่นคง”
“ดังนั้นจงถามตัวเอง สำรวจมโนธรรมของคุณ การตัดสินใจของคุณในวันนี้จะทำให้เกิดอะไร? ประวัติศาสตร์จะตัดสินคุณอย่างไร”
อัลยา อาเหม็ด ซาอิฟ อัล ทานี เอกอัครราชทูตสหประชาชาติของกาตาร์ยังกล่าวอีกว่า รู้สึกเสียใจที่ UNSC ล้มเหลวในการยอมรับข้อมติที่แอลจีเรียร่างไว้ และให้คำมั่นที่จะดำเนินการอำนวยความสะดวกต่อไปเพื่อบรรลุข้อตกลงหยุดยิงในฉนวนกาซา
กระทรวงการต่างประเทศของซาอุดีอาระเบียแสดงความ “เสียใจ” ต่อการยับยั้ง และเน้นย้ำถึง “ความจำเป็นในปัจจุบันที่ต้องปฏิรูปคณะมนตรีความมั่นคงเพื่อดำเนินการตามความรับผิดชอบในการรักษาสันติภาพและความมั่นคงด้วยความน่าเชื่อถือ และไม่มีมาตรฐานสองมาตรฐาน”
ขณะเดียวกัน ภารกิจของนอร์เวย์ต่อสหประชาชาติกล่าวว่า "เสียใจ" ที่สภาไม่สามารถลงมติหยุดยิงเพื่อมนุษยธรรมในทันทีได้
รายงานระบุเสริมว่า “การยุติความน่าสะพรึงกลัวในฉนวนกาซาเป็นสิ่งจำเป็น”
ประธานาธิบดีมิเกล ดิแอซ-กาเนล เบอร์มูเดซ ของคิวบาก็โจมตีสหรัฐฯ เช่นกัน โดยกล่าวว่าการวีโต้ของสหรัฐฯ ทำให้วอชิงตันสมรู้ร่วมคิดในการก่ออาชญากรรมของอิสราเอลต่อชาวปาเลสไตน์
เบอร์มูเดซ กล่าวในโพสต์บนโซเชียลมีเดียว่า “สหรัฐฯ เพิ่งวีโต้อีกครั้งต่อมติของคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติที่เรียกร้องให้หยุดยิงทันทีในฉนวนกาซาและยุติการบังคับย้ายถิ่นฐานของประชากรปาเลสไตน์”
“พวกเขาเป็นผู้สมรู้ร่วมคิดในการฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ชาวปาเลสไตน์ของอิสราเอล”
ที่มา : สำนักข่าวเพรสทีวี
Copyright © 2024 SAHIBZAMAN.NET- สื่อเรียนรู้สำหรับอิสระชนคนรุ่นใหม่