ผู้เชี่ยวชาญด้านข่าวกรองของอิสราเอลกล่าวว่า ประวัติศาสตร์ได้พิสูจน์แล้วว่าการลอบสังหารผู้นำกลุ่มต่อต้านช่วยเพิ่มความเข้มแข็งและความมุ่งมั่นของกลุ่มเท่านั้น เป็นนโยบายที่ล้มเหลวในการกำจัดหรือเอาชนะกลุ่มของพวกเขา
บทความที่ตีพิมพ์โดยหนังสือพิมพ์ Haaretz ของอิสราเอล สรุปว่า การลอบสังหารผู้นำกลุ่มต่อต้านได้พิสูจน์แล้วว่า เป็นนโยบายที่ล้มเหลวในการกำจัดหรือเอาชนะกลุ่มของพวกเขา
ยอสซี เมลมาน นักวิเคราะห์ข่าวกรองอิสราเอล แสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับคำกล่าวอ้างของอิสราเอลเมื่อเร็ว ๆ นี้ว่า พวกเขาลอบสังหาร มาร์วาน อิสซา ผู้นำอาวุโสของกลุ่มฮามาส โดยกล่าวว่า แนวทางการดำเนินการนี้จะไม่ขจัดความเคลื่อนไหวดังกล่าว โดยเน้นว่า กลุ่มฮามาสหยั่งรากลึกในสังคมปาเลสไตน์ ในเขตเวสต์แบงก์ กาซา จอร์แดน เลบานอน ซีเรีย และแม้แต่นอกตะวันออกกลาง
เขาชี้ให้เห็นว่า ภาพลวงตาที่พบบ่อยที่สุดของอิสราเอลก็คือ "การตัดหัว" จะช่วย "ทำให้ปัญหาชาวปาเลสไตน์หายไป" ซึ่งเป็นความเชื่อที่หลายคนยึดถือ แม้แต่ในองค์กรด้านความมั่นคงและการทหาร
ผู้เขียนกล่าวเสริมว่า เนื่องจากสงครามอันโหดร้ายในฉนวนกาซาใกล้จะครบรอบ 6 เดือนแล้ว กองกำลังต่อต้านไม่แสดงท่าทีว่าพวกเขาจะ "ยกมือ" และยอมแพ้ แต่ยังคงต่อสู้ต่อไป
นอกจากนี้ ความมุ่งมั่นของขบวนการยังปรากฏชัดจากการที่นักรบของตนสามารถกลับไปยังพื้นที่ที่กองทัพอิสราเอลอ้างว่าได้ยึดครองในฉนวนกาซา โดยเฉพาะอย่างยิ่งทางตอนเหนือและตอนกลางของฉนวนกาซา
ในทางกลับกัน กองทัพอิสราเอลจงใจแสดงยศผู้นำกลุ่มต่อต้านที่ถูกลอบสังหารหรือตำแหน่งภายในกลุ่มของตนเกินความจริง โดยมีเป้าหมายที่จะตบหลังตัวเองและเพิ่มระดับความสำเร็จในการต่อสู้กับกลุ่มฮามาส
อย่างไรก็ตาม ความเป็นจริงภาคพื้นดินนั้นซับซ้อนกว่า ตามข้อมูลของเมลมาน เนื่องจากการต่อต้านสร้างความสูญเสียมากมายต่อกองทัพอิสราเอลในแง่ของทหารและเจ้าหน้าที่โดยมีผู้เสียชีวิตหลายร้อยคนนับตั้งแต่เริ่มบุกฉนวนกาซา และบาดเจ็บอีกหลายพันคนเช่นกัน
ตามรายงานในบทความเขียนว่า ยิ่งไปกว่านั้น ยังมีอาการบาดเจ็บที่ "มองไม่เห็น" อีกด้วย เนื่องจากกองทัพอิสราเอลจำนวนมากต้องทนทุกข์ทรมานจากความผิดปกติของความเครียดหลังเหตุการณ์สะเทือนใจ ซึ่งอาจปรากฏให้เห็นเป็นเดือนหรือหลายปีหลังจากการสิ้นสุดการต่อสู้
เมลมานกล่าวว่า นอกจากนี้ ได้รับการพิสูจน์แล้วว่า หนึ่งในสมมติฐานที่การยึดครองนี้ได้รับการส่งเสริม นั่นคือผู้นำอาวุโสของกลุ่มฮามาส "ซ่อนตัวกับนักโทษในอุโมงค์เพื่อใช้เป็นโล่มนุษย์" นั้น ไม่เป็นความจริง
รายงานของฮาเรตซ์กล่าวเสริมว่า เป็นเวลาหลายทศวรรษแล้วที่รัฐบาลอิสราเอล รวมถึงสถาบันความมั่นคงและการทหาร "ชอบใช้วิธีนี้" ในการลอบสังหาร อย่างไรก็ตาม กระทรวงชั้นนำขององค์กรจากหน่วยงานด้านความมั่นคง ทหาร และหน่วยข่าวกรองแล้ว “ล้มเหลวในการกำหนดหลักคำสอนเรื่องการลอบสังหาร”
เมลมาน ยืนยันว่า ต้องจำไว้ว่าการลอบสังหาร "มีผลกระทบในระยะสั้นและจำกัด" ในทุกกรณี ในบริบทนี้ ข้อความนี้อ้างถึงการลอบสังหารผู้นำกลุ่มฮิซบุลลอฮ์ อิมดด มูห์นิยะห์ ในปี 2551 ในเมืองดามัสกัส เมืองหลวงของซีเรีย โดยมอสสาดและซีไอเอปฏิบัติการร่วมกัน
นอกจากนี้ เขายังนึกถึงการลอบสังหารผู้บัญชาการกองกำลังอัลกุดส์ของ IRGC ซึ่งเป็น นายพลกอเซม สุไลมานี ที่ถูกสังหารในกรุงแบกแดดในปี 2020 ของสหรัฐฯ โดยชี้ให้เห็นว่า "ไม่ได้นำไปสู่การเปลี่ยนแปลงทางยุทธศาสตร์ ในขณะที่กลุ่มฮิซบุลลอฮ์และกองกำลังกุดส์ยังคงทำงานต่อไปอย่างเข้มแข็ง และความมุ่งมั่น"
ด้วยเหตุนี้ ผู้เชี่ยวชาญด้านข่าวกรองจึงสรุปว่า "อิสราเอลไม่ควรสนุกสนานกับการลอบสังหาร... ต้องเข้าใจว่า สิ่งเหล่านั้นไม่ใช่ทุกสิ่งทุกอย่าง และพวกเขาไม่สามารถทดแทนยุทธศาสตร์ได้"
เมลมานเน้นย้ำว่า สงครามในฉนวนกาซา “จะยุติลงหากไม่มีภาพแห่งชัยชนะของอิสราเอล และแม้แต่การลอบสังหารผู้นำกลุ่มฮามาสก็จะไม่เปลี่ยนแปลงความเป็นจริงนี้”
“วิธีเดียวที่จะดึงอิสราเอลออกจากหล่มฉนวนกาซาได้คือ การดำเนินการทางการเมืองเชิงยุทธศาสตร์ หลายเวที ” ในฉนวนกาซาและเวสต์แบงก์ภายในปาเลสไตน์ที่ถูกยึดครอง ทั้งในระดับภูมิภาคในตะวันออกกลาง และในระดับนานาชาติ
ที่มา : สำนักข่าวอัลมายาดีน
Copyright © 2024 SAHIBZAMAN.NET- สื่อเรียนรู้สำหรับอิสระชนคนรุ่นใหม่