สงครามยุคสุดท้ายในมุมมองของศาสนาอิสลาม ตอนที่ 1
Powered by OrdaSoft!
No result.

สงครามยุคสุดท้ายในมุมมองของศาสนาอิสลาม ตอนที่ 1

สงครามเดียวที่ถือว่าสามารถเทียบเคียงกับสงครามอาร์มาเก็ดดอน (Armgaldon) ได้ คือการปรากฏตัวของซุฟยานีและสงครามต่างๆ ของเขา เป็นที่รับรู้กันดีว่าชื่อของซุฟยานีนั้นคือ "อุสมาน" และชื่อบิดาของเขาคือ ''อันบะซะฮ์" ฉายาที่เป็นที่รับรู้กันมากที่สุดของเขาคือ ซุฟยานี......

สงครามต่างๆ ของซุฟนานี

     เนื่องด้วยในช่วงท้ายของบทความนี้เราจะอธิบายเกี่ยวกับสงครามอาร์มาเก็ดดอน (Armgaldon) ซึ่งถือว่าเป็นสงครามเดียวที่จะสามารถเทียบเคียงได้นั้นคือ การปรากฏตัวของซุฟยานีและสงครามต่างๆ ของเขา ดังนั้นเราจะขอละจากสงครามอื่นๆ ในช่วงยุคสุดท้าย (อาคิรุซซะมาน) และจะพูดถึงสงครามเหล่านี้เพียงเท่านั้น

บุคลิกภาพและแรงจูงใจทางด้านศาสนาของซุฟยานี

     เป็นที่รับรู้กันดีว่าชื่อของซุฟยานีนั้นคือ "อุสมาน" และชื่อบิดาของเขาคือ ''อันบะซะฮ์" (1) ฉายาที่เป็นที่รับรู้กันมากที่สุดของเขาคือ ซุฟยานี (สาเหตุที่เรียกเขาว่าซุฟยานี เนื่องสืบเชื้อสายมาจากอบูซุฟยาน) และอีกฉายาหนึ่งของเขา คือ "ศ็อครี" เนื่องจากสัมพันธ์ไปยัง "ศ็อคร์" พ่อของอยูซุฟยาน (2)

     ในริวายะฮ์ (คำรายงาน) จำนวนมากได้กล่าวว่า ซุฟยานีสืบเชื้อสายทางพ่อไปถึงบนีอุมัยยะฮ์ และสืบเชื้อสายทางแม่ไปถึงบนีกิลาบ (เผ่ากิลาบ) โดยที่ท่านอิมามอะลี (อ.) กล่าวว่า :

هُوَ مِنْ بَنِيْ أُمَيَّةَ وَ أَخَوَلُهُ كَلْبٌ

"เขามาจากบนีอุมัยยะฮ์ และทางฝ่ายแม่ของเขาคือ (บนี) กัลบ์" (3)

     ท่านอิมามซอดิก (อ.) ได้กล่าวในเรื่องนี้ว่า :

إنا و آل أبی سفیان أهل بیتین تعادینا فی الله: قلنا صدق الله و قالوا کذب الله، قاتل أبوسفیان رسول الله صلي‌الله‌عليه‌و‌آله و قاتل معاویۀ علی بن ابیطالب عليه‌السلام و قاتل یزید بن معاویۀ الحسین بن علی عليه‌السلام و السفیانی یقاتل القائم

“แท้จริงเราและวงศ์วานแห่งอบีซุฟยาน คือสองครอบครัวที่จะขัดแย้งกันตลอดไปในเรื่องของอัลลอฮ์ เราจะกล่าวว่า อัลลอฮ์ทรงตรัสจริง ในขณะที่พวกเขาจะกล่าวว่า อัลลอฮ์ทรงกล่าวเท็จ อบูซุฟยานจะต่อสู้กับท่านศาสนทูตแห่งอัลลอฮ์ (ซ็อลฯ) มุอาวียะฮ์จะต่อสู้กับท่านอะลี บินอะบีฏอลิบ (อ.) ยะซีดบุตรของมุอาวียะฮ์จะต่อสู้กับฮุเซน บุตรของท่านอะลี (อ.) และซุฟยานีจะต่อสู้กับกออิม (อ.)” (4)

     ท่านอิมามบากิร (อ.) กล่าวในริวายะฮ์ (คำรายงาน) บทหนึ่งว่า :

يأتي من بلاد الروم في عنقه صليب

"เขาจะมาจากดินแดนโรม (1) ในคอของเขาจะมีกางเขน" (5)

     จากฮะดีษบทนี้สามารถสรุปได้ว่า หลังจากการก่อวิกฤตการณ์ (ฟิตนะฮ์) ต่างๆ ของเขา เขาจะเดินทางไปยังตะวันตกและหลังจากการเดินทางกลับ เขาจะกลายเป็นตัวแทน (สมุนรับใช้) ของตะวันตก นอกจากนี้การแขวนกางเขนที่คอของเขาก็จะแสดงถึงความเกี่ยวข้องกับพวกกลุ่มอนุรักษ์นิยมชาวคริสต์ ซึ่งเป็นที่รู้จักกันดีในนามชาวไซออนิสต์ (คริสเตียนไซออนิสต์) ในขณะที่ก่อนหน้าเหตุการณ์นี้ในอิรัก เขาได้เอาสัตยาบัน (บัยอัต) จากประชาชนในนามของอิสลาม

การปรากฏตัว สถานที่และแนวทางของซุฟยานี

     การปรากฏตัวของซุฟยานี ซึ่งในหนังสืออ้างอิงต่างๆ ของอิสลามกล่าวถึงในนามของสัญญาณที่จะเกิดขึ้นอย่างแน่นอนในช่วงเวลาก่อนการปรากฏตัว (ซุฮูร) ของท่านอิมามมะฮ์ดี (อ.) นั้น จะเกิดขึ้นในดินแดนชามและตามบางริวายะฮ์ (คำรายงาน) คือใน "วาดี ยาบิซ" (หุบเขาที่แห้งแล้ง)

     ท่านศาสนทูตของอัลลอฮ์ (ซ็อลฯ) กล่าวว่า :

     "ในช่วงเวลาดังกล่าว ซุฟยานีจะออกมายังพวกเขาจากหุบเขาที่แห้งแล้ง (วาดี ยาบิซ) ในเวลาที่รวดเร็ว จนกระทั่งเข้าสู่ดามัสกัส" (6)

     หลังจากการปรากฏตัวของซุฟยานี ลูกหลานของท่านศาสดา (ซ็อลฯ) จะหลบหนีไปยังอิสตันบูล (คอนสแตนติโนเปิล) และดังที่เราได้กล่าวไว้ก่อนหน้านี้ เขามีการติดต่ออยู่กับตะวันตก เขาจะเรียกร้องให้ผู้ปกครองของบ้านเมืองนั้นส่งตัวบุคคลเหล่านี้กลับไป และจะสังหารพวกเขาทั้งหมด

     ท่านอิมามบากิร (อ.) กล่าวว่า :

     "หลังจากที่เขาเข้าสู่ดามัสกัส ลูกหลานของท่านศาสนทูตของอัลลอฮ์ (ซ็อลฯ) ก็จะหลบหนีไปยังอิสตันบูล (คอนสแตนติโนเปิล) ซุฟยานีจะร้องขอให้ส่งตัวพวกเขา และผู้ปกครองโรมก็จะส่งตัวพวกเขากลับไป และซุฟยานีก็จะตัดคอพวกเขาในบริเวณบันไดทางตะวันออกของมัสยิดญามิอ์ของดามัสกัส และจะไม่มีใครกล่าวคัดค้านเขาในเรื่องนี้เลย" (7)

     ท่านศาสดา (ซ็อลฯ) กล่าวว่า :

     "ซุฟยานีจะออกมาพร้อมกับม้าศึก 360 ตัว จนกระทั่งมาถึงดามัสกัส และเดือนรอมฎอนจะยังไม่มาถึงจนกระทั้งจำนวนสามหมื่นคนจากเผ่ากัลบ์จะให้สัตยาบันต่อเขา เมื่อนั้นเขาจะส่งกองทัพหนึ่งไปยังอิรักและจะสังหาร (ประชาชน) ในเซารออ์ (แบกแดด) นับแสนคน" (8)

     ในช่วงเวลานี้เองที่ซุฟานีจะแยกทางของตนออกจากชาวมุสลิม แต่มิใช่เป็นการเปิดเผยอย่างชัดแจ้ง เขาจะเผชิญกับการต่อสู้ต่างๆ ซึ่งในความเป็นจริงแล้วสามารถกล่าวได้ว่า มันจะทำให้กองทัพของเขาแข็งแกร่งมากขึ้นและมีประสบการณ์มากยิ่งขึ้น หนึ่งในการต่อสู้เหล่านั้นก็คือการยืนหยัดต่อสู้ของเผ่าเกซจากดินแดนอียิปต์ในการต่อต้านซุฟยานี

     ท่านศาสนทูตของอัลลอฮ์ (ซ็อลฯ) กล่าวว่า :

    "เมื่อซุฟยานีหันเหออกจากสัจธรรมและเบี่ยงเบนออกจากทางหลักของศาสนา เผ่าเกซจากอียิปต์จะยืนหยัดขึ้นต่อต้านเขา" (9)

     ซุฟยานีจะได้รับชัยชนะเหนือกองทัพ (เกซ) นี้ และอียิปต์จะตกอยู่ภายใต้อำนาจการปกครองของเขา

แผนการต่างๆ ของซุฟยานีสำหรับสงครามทั้งหลาย

     ซุฟยานีมีความตั้งใจที่จะกวาดล้างลูกหลานของท่านศาสดา (ซ็อลฯ) ให้หมดไปจากหน้าแผ่นดิน ด้วยเหตุนี้เองทุกสถานที่ที่เขาบุกโจมตีนั้น เหยื่อ (ผู้ถูกเข่นฆ่า) กลุ่มแรกของสถานที่ดังกล่าวจะเป็นบรรดาซัยยิด (ซาดาต) และผู้ร่วมทางของพวกเขา

     แต่ในซีเรียนั้นซุฟยานีจะไม่หยุดอยู่แค่เพียงดามัสกัส ทว่าเมืองฮ็อมส์, อาเลปโปและอัร ร็อกเกาะฮ์ในซีเรีย และเราะซุลอัยน์ในปาเลสไตน์ ซึ่งหลังจากนั้นคือการเข้าสู่อิรักก็อยู่ในเป้าหมายของซุฟยานีด้วยเช่นกัน เพื่อที่ว่าเขาจะสามารถควบคุมอาณาเขตทางภูมิรัฐศาสตร์ที่มีความสำคัญยิ่งเหล่านี้ในแง่ของการทหารและการเมือง ฯลฯ ได้มากยิ่งขึ้นกว่าเดิม

     ท่านอิมามอะลี (อ.) ได้กล่าวในส่วนหนึ่งจากคุฏบะฮ์ (คำเทศนา) ของท่านที่เป็นที่รู้จักในนาม "คุฏบะฮ์ อัลบะยาน" ว่า :

     "โอ้หมู่ชนเอ๋ย! พึงรู้เถิดว่า เมื่อซุฟยานีปรากฏตัว จะเกิดสงครามใหญ่ขึ้นหลายครั้งสำหรับเขา สงครามแรกคือ ในเมืองฮ็อมส์ ต่อจากนั้นคือในอาเลปโป ต่อจากนั้นคือในอัร ร็อกเกาะฮ์ ต่อจากนั้นคือในหมู่บ้านซะบะอ์ ต่อจากนั้นคือในเราะซุลอัยน์ ต่อจากนั้นคือในนะซีบัยน์ ต่อจากนั้นคือในโมซุล และมันคือสงครามใหญ่ ... และซุฟยานีจะเข่นฆ่าหกหมื่นคนจากพวกเขา" (10)

การยึดครองดินแดนชาม

     ในสถานการณ์ที่ดามัสกัสได้ตกอยู่ในมือของซุฟยานีนั้น เขาคิดที่จะยึดครองดินแดนชามทั้งหมด แต่ประชาชนอาหรับกลุ่มต่างๆ จากดินแดนชามจะลุกฮือและยืนหยัดต่อต้านเขา ก่อนที่ซุฟยานีจะเคลื่อนทัพมุ่งสู่อิรัก เขาจะทำลายกองทัพทั้งหลายที่ต่อต้านเขา โดยเฉพาะอย่างยิ่งกองทัพของอับเกาะอ์และอัศฮับ และจะยึดครองดินแดนต่างๆ คือ ฮ๊อมส์ อาเลปโป จอร์แดนและปาเลสไตน์

    ท่านอิมามซอดิก (อ.) กล่าวว่า :

    "เมื่อซุฟยานีเข้ามาใกล้ดามัสกัส ผู้ปกครองดามัสกัสจะหลบหนี และเผ่าต่างๆ ของอาหรับจะมารวมตัวที่เขา และร่อบีอี, ญัรฮะมี, อัศฮับและคนอื่นๆ จากพวกก่อจลาจลและความวุ่นวายก็จะก่อกบฏต่อเขา แต่ซุฟยานีจะเอาชนะทุกคนที่ทำสงครามกับเขา และซุฟยานีก็จะครอบครองเหนือดินแดนชาม" (11)

     หลังจากการยึดครองดินแดนชาม ตามริวายะฮ์ (คำรายงาน) ต่างๆ ได้กล่าวว่า การปกครองของเขาจะอยู่ได้ไม่เกิน 9 เดือน และท่านทั้งหลายจะได้เห็นว่า ในช่วงเวลา 9 เดือนดังกล่าวนี้อาชญากรรมอะไรบ้างที่จะเกิดขึ้นจากเขา

สงครามก็อรกีซียา

     ซุฟยานีซึ่งมีเป้าหมายอยู่ที่อิรัก ในระหว่างเส้นทางของตนจำเป็นจะต้องผ่านเมืองก็อรกีซียา ก็อรกีซียาคือเมืองทางภาคเหนือของซีเรีย ซึ่งตั้งอยู่ระหว่างแม่น้ำยูเฟรติสและต้นกำเนิดของแม่น้ำที่มีชื่อว่าคอบูร (Khabour) เมืองนี้อยู่ห่างจากชายแดนอิรักประมาณ 100 กิโลเมตรและอยู่ห่างจากชายแดนตุรกีประมาณ 200 กิโลเมตร และอยู่ใกล้กับเมืองดัยรุซซูร (12)

     สงครามนี้จะเกิดขึ้นในระหว่างสองฝ่าย ตามริวายะฮ์ (คำรายงาน) ทั้งหลายนั้น ซุฟยานีคือหนึ่งในฝ่ายคู่สงคราม เขาจะทำการสังหารฝ่ายตรงข้ามจำนวนนับแสนคน และความมากมายของจำนวนผู้ถูกสังหารนั้นถึงขั้นที่ตามรายงานต่างๆ ในหนังสือของอิสลามและแแม้แต่ในคัมภีร์ไบเบิล พระผู้เป็นเจ้าจะดลใจไปยังเหล่านกทั้งหลายให้กินเนื้อของบรรดาผู้ถูกสังหารซึ่งตามริวายะฮ์ (คำรายงาน) ต่างๆ ทั้งสองฝ่ายคือพวกหลงผิด

     หุซัยฟะฮ์ บินมันซูร อัลค่อซาอี ได้รายงานจากท่านอิมามซอดิก (อ.) ซึ่งท่านกล่าวว่า :

ان لله مائدة [مأدبة] بقرقیسیاء یطلع مطلع من السماء فینادی: یا طیر السماء و یا سباع الارض، هلموا الی الشبع من لحوم الجبارین

     “แท้จริงสำหรับอัลลอฮ์ จะมีสำรับอาหารอยู่ในเมืองก็อรกีซียา ผู้ประกาศจะปรากฏขึ้นจากฟากฟ้า โดยที่เขาจะประกาศว่า โอ้หมู่นกแห่งฟากฟ้า! โอ้เหล่าสัตว์ร้ายแห่งแผ่นดิน! จงรีบมาเถิด เพื่อที่จะอิ่มเอมจากเนื้อของบรรดาผู้อธรรม” (13)

     ทำนองเดียวกันนี้ในคัมภีร์ไบเบิล, บทวิวรณ์ของโยฮันนา ได้กล่าวว่า :

    "แล้วข้าพเจ้าเห็นทูตสวรรค์องค์หนึ่งยืนอยู่บนดวงอาทิตย์ ท่านร้องประกาศเสียงดังแก่นกทั้งหมดที่บินอยู่ในท้องฟ้าว่า “มาเถิด มาชุมนุมกันในงานเลี้ยงใหญ่ของพระเจ้า

เพื่อจะกินเนื้อกษัตริย์ เนื้อนายทหาร เนื้อคนที่มีกำลังมาก เนื้อม้า เนื้อของคนทั้งหลายที่นั่งบนหลังของมัน และเนื้อของทุกคน ทั้งคนที่เป็นเสรีชนและเป็นทาส ทั้งคนเล็กน้อยและคนใหญ่โต” (วิวรณ์ 19 : 17-18)

การโจมตีแบกแดด

     หลังจากการต่อสู้และชัยชนะของซุฟยานีในก็อรกีซียา เขาต้องการที่จะยึดครองแบกแดด และจะส่งกองกำลังทหารจำนวน 130,000 คนไปยังแบกแดด และในระยะเวลาเพียง 3 วัน ซุฟยานีจะเข่นฆ่าผู้คน 70,000 คน เคียงข้างแม่น้ำไทกริส โดยที่เนื่องจากปริมาณมากของเลือดจะทำให้น้ำในแม่น้ำไทกริสแดงเป็นสีเลือด และศพทั้งหลายก็จะส่งกลิ่นเหม็นตลบไปทั่วเมือง

     อะลี บินมะฮ์ซิยาร ได้รายงานคำพูดของท่านอิมามมะฮ์ดี (อ.) ซึ่งท่านกล่าวว่า :

     "...ซุฟยานีวางแผนที่ยึดครองเซารออ์ (มะดีนะฮ์) หลังจากที่เขาส่งนักรบ 130,000 คน ไปที่นั่น ในบริเวณรอบๆ สะพานแห่งนั้น 70,000 คน จะถูกสังหารในช่วงเวลาสามวัน น้ำในแม่น้ำไทกริสจะเป็นสีแดงเนื่องจากปริมาณมากของเลือด และกลิ่นเหม็นของศพทั้งหลายก็จะตลบไปทั่ว..." (14)

การโจมตีกูฟะฮ์

    ตามฮะดีษบทนี้เป้าหมายต่อไปของซุฟยานีคือเมืองกูฟะฮ์ ซุฟยานีจะส่งทหารจำนวน 70,000 คนไปยังกูฟะฮ์ และจะทำการเข่นฆ่าหรือแขวนตรึงประชาชนในที่นั้น เกี่ยวกับเรื่องนี้มีรายงานจากท่านอิมามบากิร (อ.) ซึ่งท่านกล่าวว่า :

    "ซุฟยานีจะส่งกองทัพจำนวนเจ็ดหมื่นคนไปยังกูฟะฮ์และประชาชนของเมืองนั้นจะเผชิญกับการถูกเข่นฆ่า การถูกแขวนตรึงและการถูกจับเป็นเชลย" (15)

     ในริวายะฮ์ (คำรายงาน) อีกบทหนึ่งจากท่านศาสดา (ซ็อลฯ) เกี่ยวกับการกระทำต่างๆ ที่โหดร้ายของซุฟยานี ท่านได้กล่าวว่า :

يَخْرُجُ رَجُلٌ يُقَالُ لَهُ: السُّفْيَانِيُّ فِي عُمْقِ دِمَشْقَ، وَعَامَّةُ مَنْ يَتْبَعُهُ مِنْ كَلْبِ، فَيَقْتُلُ حَتَّى يَبْقَرَ بُطُونَ النِّسَاءِ، وَيَقْتُلُ الصِّبْيَانَ

    "ชายผู้หนึ่งที่ถูกเรียกว่าซุฟยานีจะออกมาจากดามัสกัสและทุกคนที่ปฏิบัติตามเขาจะมาจากเผ่ากัลบ์ เขาจะทำการเข่นฆ่าสังหาร กระทั่งว่าจะทลวงท้องบรรดาสตรีและฆ่าเด็กทารก" (16)

     ฮากิม นัยซาบูรี หลังจากการบันทึกริวายะฮ์ (คำรายงาน) บทนี้ เขากล่าวว่าฮะดีษบทนี้เป็นฮะดีษซอเฮี๊ยะฮ์ตามบันทัศฐานของบุคคอรีและมุสลิม (17)

     ในบางริวายะฮ์จากฮะดีษของอะฮ์ลิซซุนนะฮ์ได้พูดถึงการเข่นฆ่าประชาชนในเมืองอัยนุตตัมร์ (3) จำนวน 70,000 คน และการถูกละเมิดทางเพศของสตรีจำนวน 30,000 คน (18)

การโจมตีมะดีนะฮ์

     ในช่วงเวลาที่ซุฟยานีทำการปกครองอยู่ในดินแดนชาม เขาจะส่งกองทัพหนึ่งไปยังนครมะดีนะฮ์ในช่วงเวลาเดียวกับที่โจมตียังเมืองกูฟะฮ์ พวกเขาจะทำการปล้นสะดมมะดีนะฮ์เป็นเวลา 3 วัน และจะสังหารหมู่ประชาชน จะทำลายมิมบัรของมัสยิดินนะบี และจะละเมิดเกียรติมะกอม (หลุมฝังศพ) ของท่านศาสดา (ซ็อลฯ)

و يبعث السفيانيّ عسكرا إلى المدينة، فيخربونها، و يهدمون القبر الشريف، و تروث بغالهم في مسجد رسول اللّه

"และซุฟยานีจะส่งกองทัพหนึ่งไปยังมะดีนะฮ์ พวกเขาจะทำลายเมืองมะดีนะฮ์ ทำลายหลุมศพของท่านศาสดาและล่อของพวกเขาจะถ่ายมูลในมัสยิดของท่านศาสนทูตของอัลลอฮ์" (19)


เชิงอรรถ :

1. อัลคอรออิจ วัลญะรออิห์, กุฏบุดดีน รอวันดี, เล่ม 3, หน้า 1150

2. อัลฟิตัน, นะอีม บินหิมาด, หน้า 267

3. อัลตัชรีฟ บิลมินัน ฟิตตะอ์รีฟ บิลฟิตัน, อิบนุฏอวูซ, หน้า 95

4. มะอานิลอัคบาร, เชคซอดูก, หน้า 346

5. รูซกอเร่ ระฮออี (แปล - เยามุลค่อลาศ), กามิล สุไลมานี, เล่ม 2, หน้า 1108

6. รูซกอเร่ ระฮออี (แปล - เยามุลค่อลาศ), กามิล สุไลมานี, เล่ม 2, หน้า 1083

7. รูซกอเร่ ระฮออี (แปล - เยามุลค่อลาศ), กามิล สุไลมานี, เล่ม 2, หน้า 1108

8. รูซกอเร่ ระฮออี (แปล - เยามุลค่อลาศ), กามิล สุไลมานี, เล่ม 2, หน้า 1083

9. รูซกอเร่ ระฮออี (แปล - เยามุลค่อลาศ), กามิล สุไลมานี, เล่ม 2, หน้า 1083

10. อิมามมะฮ์ดี อาซ วิลาดัต ทอ ซุฮูร, ซัยยิดมุฮัมมัดกาซิม ก็อซวีนี, หน้า 452

11. รูซกอเร่ ระฮออี (แปล - เยามุลค่อลาศ), กามิล สุไลมานี, เล่ม 2, หน้า 1116

12. ชิชมอเฮ่ พอยอนี, มุจญ์ตะบา อัซซาดะฮ์, หน้า 127

13. อัลฆ็อยบะฮ์, นุอ์มานี, หน้า 389, ฮะดีษที่ 63; อัศรุซซุฮูร, อะลี อัลกูรอนี, หน้า 127

14. นิกะเรชี บัร อัคบาร วะอะลาอิม ซุฮูร อิมามมะฮ์ดี, อะลีอักบัร อาริฟ, หน้า 162

15. อัศรุซซุฮูร, อะลี อัลกูรอนี, หน้า 133

16. อัดดุรรุลมันซูร, ซะยูฏี, เล่ม 5, หน้า 241

17. อัลมุสตัดร็อก อะลัซซอฮีฮัยน์, ฮากิม นัยซาบูรี, เล่ม 4, หน้า 520

18. ฟะรออิดุ ฟะวาอิดิลฟิกร์ ฟิลอิมามิลมะฮ์ดี อัลมุนตะซ็อร, มุก็อดะซี ฮันบะลี, หน้า 310; อักดุดดุร่อริ ฟี อัคบาริรมุนตะซ็อร, มุก็อดดัซ ชาฟิอี, หน้า 77

19. รูซกอเร่ ระฮออี (แปล - เยามุลค่อลาศ), กามิล สุไลมานี, เล่ม 2, หน้า 1123


คลิกอ่านต่อ สงครามยุคสุดท้ายในมุมมองของศาสนาอิสลาม ตอนที่ 2

หมายเหตุ : ส่วนหนึ่งจากบทความของนิตยสาร “มัชริก เมาอูด” ฉบับที่ 44

แปลและเรียบเรียงโดย : เชคมุฮัมมัดนาอีม ประดับญาติ

Copyright © 2018 SAHIBZAMAN.NET- สื่อเรียนรู้สำหรับอิสระชนคนรุ่นใหม่

ผู้เยี่ยมชมอยู่ขณะนี้

มี 958 ผู้มาเยือน และ ไม่มีสมาชิกออนไลน์ ออนไลน์

10521492
Today
Yesterday
This Week
Last Week
This Month
Last Month
All days
44680
55742
44680
9979155
327672
2045354
10521492

อ 05 พ.ค. 2024 :: 17:44:48