จากการพิจารณาดุอาอ์บางบทและอัลกุรอานบางโองการ สามารถที่จะพิสูจน์ได้เป็นอย่างดีถึงบทบาทของชาวยิวในโศกนาฏกรรมแห่งกัรบาลาและอาชูรอ และการเป็นชะฮีด (มรณะสักขี) ของท่านอิมามฮุเซน (อ.) ดังที่ได้มีกล่าวไว้ในบท “ซิยารัตมุฏละเกาะฮ์” บทหนึ่งของท่านอิมามฮุเซน (อ.) เช่นนี้ว่า :
وَ اَشْهَدُ اَنَّ الَّذینَ سَفَکُوا دَمَكَ، وَ اسْتَحَلُّوا حُرْمَتَكَ، مَلْعُونُونَ مُعَذَّبُونَ عَلى لِسانِ داوُدَ وَ عیسَى بْنِ مَرْیَمَ، ذلِكَ بِما عَصَوْا وَ کانُوا یَعْتَدُونَ
"และข้าพเจ้าขอเป็นพยานว่าแท้จริงบรรดาผู้ที่หลั่งเลือดของท่านและทำลายเกียรติของท่านนั้นถูกสาปแช่งและถูกลงโทษตามถ้อยคำของดาวูดและอีซา บุตรมัรยัม (อ.) นั่นเป็นเพราะบาปที่พวกเขากระทำและพวกเขาได้ก่อการละเมิด" (1)
คำถาม : ใครคือผู้ที่ถูกสาปแช่งโดยท่านศาสดาดาวูดและศาสดาอีซา บุตรมัรยัม (อ.)?
คำตอบสำหรับคำถามนี้ระบุไว้อย่างชัดเจนในโองการอัลกุรอานที่ 78 ของบท (ซูเราะฮ์) อัลมาอิดะฮ์ว่า :
لُعِنَ الَّذِینَ کفَرُوا مِنْ بَنِی إِسْرَائِیلَ عَلَى لِسَانِ دَاوُودَ وَ عِیسَى ابْنِ مَرْیمَ ذَلِكَ بِمَا عَصَوْا وَ کانُواْ یعْتَدُونَ
"บรรดาผู้ปฏิเสธศรัทธาจากวงศ์วานของอิสรออีลได้ถูกสาปแช่งด้วยคำพูดของดาวูดและอีซา บุตรมัรยัม นั่นเป็นเพราะว่าพวกเขาฝ่าฝืน (พระบัญชาของพระผู้เป็นเจ้าและบรรดาศาสดา) และพวกเขาก็ละเมิด (บทบัญญัติแห่งพระเจ้า) อยู่เสมอ"
ทำนองเดียวกันนี้เราจะอ่านในบทซิยารัตอาชูรอด้วยเช่นกันว่า :
اللَّهُمَّ اِنَّ هذا یَوْمٌ تَبَرَّکَتْ بِهِ بَنُو اُمَیَّةَ وَ ابْنُ آکِلَةِ الْاَکْبادِ اللَّعینُ ابْنُ اللَّعینِ عَلى لِسانِكَ وَ لِسانِ نَبِیِّكَ صَلَّى اللهُ عَلَیْهِ وَ آلِهِ…
"ข้าแต่พระผู้เป็นเจ้า! แท้จริงวันนี้ (วันอาชูรอ) เป็นวันที่บนูอุมัยยะฮ์ และลูกของหญิงผู้กินตับ ผู้ถูกสาป ลูกของผู้ถูกสาปด้วยประกาศิตของพระองค์ และด้วยคำพูดของศาสดาของพระองค์ (ซ็อลฯ) ที่ได้ถือเอาวันนี้เป็นวันที่มีสิริมงคล (บะรอกัต)"
คำถาม : ใครคือผู้ที่ถูกสาปแช่งโดยพระผู้เป็นเจ้าผู้ทรงสูงส่ง?
เราจะพบคำตอบของคำถามนี้ในสิบสองโองการของคัมภีร์อัลกุรอานต่อไปนี้ ซึ่งทั้งหมดได้ถูกประทานลงมาเกี่ยวกับลูกหลานของอิสราเอลและชาวยิว :
فَبِمَا نَقْضِهِمْ مِيثَاقَهُمْ لَعَنَّاهُمْ وَجَعَلْنَا قُلُوبَهُمْ قَاسِيَةً يُحَرِّفُونَ الْكَلِمَ عَنْ مَوَاضِعِهِ وَنَسُوا حَظًّا مِمَّا ذُكِّرُوا بِهِ وَلَا تَزَالُ تَطَّلِعُ عَلَى خَائِنَةٍ مِنْهُمْ إِلَّا قَلِيلًا مِنْهُمْ فَاعْفُ عَنْهُمْ وَاصْفَحْ إِنَّ اللَّهَ يُحِبُّ الْمُحْسِنِينَ
"แต่เนื่องจากการที่พวกเขาละเมิดสัญญาของพวกเขา เราจึงได้สาปแช่งให้พวกเขาห่างไกลจากความเมตตาของเราและเราได้ทำให้หัวใจของพวกเขาแข็งกระด้าง พวกเขากระทำการบิดเบือนบรรดาถ้อยคำ (ของพระผู้เป็นเจ้า) ให้เฉออกจากตำแหน่งของมัน และพวกเขาลืมส่วนหนึ่งจากสิ่งที่พวกเขาถูกเตือนไว้ และทุกครั้งเจ้าก็จะคงล่วงรู้ถึงการทรยศ (ครั้งใหม่) จากพวกเขา นอกจากเพียงเล็กน้อยในหมู่พวกเขาเท่านั้น จงให้อภัยและจงเมินหน้าพวกเขาเถิด แท้จริงอัลลอฮ์นั้นทรงรักผู้ทำดีทั้งหลาย"
(ซูเราะฮ์อัลมาอิดะฮ์ / อายะฮ์ที่ 13)
مِنَ الَّذِينَ هَادُوا يُحَرِّفُونَ الْكَلِمَ عَنْ مَوَاضِعِهِ وَيَقُولُونَ سَمِعْنَا وَعَصَيْنَا وَاسْمَعْ غَيْرَ مُسْمَعٍ وَرَاعِنَا لَيًّا بِأَلْسِنَتِهِمْ وَطَعْنًا فِي الدِّينِ وَلَوْ أَنَّهُمْ قَالُوا سَمِعْنَا وَأَطَعْنَا وَاسْمَعْ وَانْظُرْنَا لَكَانَ خَيْرًا لَهُمْ وَأَقْوَمَ وَلَكِنْ لَعَنَهُمُ اللَّهُ بِكُفْرِهِمْ فَلَا يُؤْمِنُونَ إِلَّا قَلِيلاً
"จากบางคนในหมู่ผู้เป็นชาวยิวนั้น พวกเขาบิดเบือนบรรดาถ้อยคำให้เหออกจากที่ของมัน และ (แทนที่จะพูดว่า : "เราได้ยินและเชื่อฟัง") พวกเขา (กลับ) กล่าวว่า เราได้ยินกันแล้วและเราก็ได้ฝ่าฝืนกันแล้ว และ (พวกเขายังพูดว่า :) ท่านจงฟังโดยที่ท่านจะไม่ได้ยินอย่างแน่นอน และ(พวกเขาพูดเยาะเย้ย :) จงสดับฟังเรา โดยบิดลิ้นของพวกเขา (บิดเบือนข้อเท็จจริงของศาสนา) และใส่ร้ายในศาสนา และหากว่าพวกเขากล่าวว่า เราได้ยินกันแล้ว และได้เชื่อฟังกันแล้ว และท่านจงฟัง และมองดูเราเถิด ก็จะเป็นสิ่งดีกว่าแก่พวกเขา และเที่ยงตรงกว่า แต่ทว่าอัลลอฮ์ได้ทรงสาปแช่งพวกเขาเสียแล้ว เนื่องด้วยการปฏิเสธศรัทธาของพวกเขา ดังนั้นพวกเขาจึงไม่ศรัทธา นอกจากเพียงเล็กน้อยเท่านั้น"
(ซูเราะฮ์อันนิซาอ์ / อายะฮ์ที่ 46)
يَا أَيُّهَا الَّذِينَ أُوتُوا الْكِتَابَ آمِنُوا بِمَا نَزَّلْنَا مُصَدِّقًا لِمَا مَعَكُمْ مِنْ قَبْلِ أَنْ نَطْمِسَ وُجُوهًا فَنَرُدَّهَا عَلَى أَدْبَارِهَا أَوْ نَلْعَنَهُمْ كَمَا لَعَنَّا أَصْحَابَ السَّبْتِ وَكَانَ أَمْرُ اللَّهِ مَفْعُولاً
"โอ้บรรดาผู้ที่ได้รับคัมภีร์ทั้งหลาย! จงศรัทธาต่อสิ่งที่เราได้ประทานลงมา (แก่ศาสดาของเรา) เพื่อยืนยันสิ่งที่มีอยู่กับพวกเจ้าเถิด ก่อนจากที่เราจะลบใบหน้าของพวกเขา แล้วให้มันกลับไปอยู่ข้างหลังของมัน หรือไม่ก็จะสาปแช่งพวกเขา เช่นเดียวกับที่เราได้สาปบรรดาผู้ที่ทำการละเมิดในวันสับบะโต และพระบัญชาของอัลลอฮ์นั้นย่อมถูกปฏิบัติตามเสมอ"
(ซูเราะฮ์อันนิซาอ์ / โองการที่ 47)
أَلَمْ تَرَ إِلَى الَّذِينَ أُوتُوا نَصِيبًا مِنَ الْكِتَابِ يُؤْمِنُونَ بِالْجِبْتِ وَالطَّاغُوتِ وَيَقُولُونَ لِلَّذِينَ كَفَرُوا هَؤُلَاءِ أَهْدَى مِنَ الَّذِينَ آمَنُوا سَبِيلاً أُولَئِكَ الَّذِينَ لَعَنَهُمُ اللَّهُ وَمَنْ يَلْعَنِ اللَّهُ فَلَنْ تَجِدَ لَهُ نَصِيراً
"เจ้าไม่เห็นดอกหรือว่าบรรดาผู้ที่ได้โชคผลจากคัมภีร์ โดยที่พวกเขาศรัทธาต่ออัลญิบติ และอัฏ-ฏอฆูต (รูปเจว็ดและพวกบูชาเจว็ด) และกล่าวแก่บรรดาผู้ปฏิเสธศรัทธาว่า พวกเขาเหล่านี้แหละเป็นผู้อยู่ในทางที่เที่ยงตรงกว่าบรรดาผู้ศรัทธาทั้งหลาย ชนเหล่านี้คือผู้ที่อัลลอฮ์ได้ทรงสาปแช่งพวกเขา และผู้ใดที่อัลลอฮ์ทรงสาปแช่งพวกเขาแล้ว เจ้าจะไม่พบว่ามีผู้ช่วยเหลือใดๆ สำหรับเขาเลย"
(ซูเราะฮ์อันนิซาอ์ / อายะฮ์ที่ 51 และ 52)
قُلْ هَلْ أُنَبِّئُكُمْ بِشَرٍّ مِنْ ذَلِكَ مَثُوبَةً عِنْدَ اللَّهِ مَنْ لَعَنَهُ اللَّهُ وَغَضِبَ عَلَيْهِ وَجَعَلَ مِنْهُمُ الْقِرَدَةَ وَالْخَنَازِيرَ وَعَبَدَ الطَّاغُوتَ أُولَئِكَ شَرٌّ مَكَانًا وَأَضَلُّ عَنْ سَوَاءِ السَّبِيلِ
"จงกล่าวเถิด (มุฮัมมัด) ว่าจะให้ฉันบอกแก่พวกท่านไหม ถึงการตอบแทนที่เลวร้ายยิ่งกว่านั้น ณ ที่อัลลอฮ์ คือผู้ที่อัลลอฮ์ได้ทรงสาปแช่งเขาและกริ้วโกรธเขา และบันดาลให้ส่วนหนึ่งจากพวกเขาเป็นลิง และเป็นสุกร และเป็นผู้สักการะชัยฎอน ชนเหล่านี้แหละคือผู้ที่มีตำแหน่งอันชั่วร้ายและเป็นผู้ที่หลงไปจากทางอันเที่ยงตรง"
(ซูเราะฮ์อัลมาอิดะฮ์ / อายะฮ์ที่ 60)
وَقَالُوا قُلُوبُنَا غُلْفٌ بَلْ لَعَنَهُمُ اللَّهُ بِكُفْرِهِمْ فَقَلِيلاً مَا يُؤْمِنُونَ
"และพวกเขากล่าว (เยาะเย้ย) ว่า หัวใจของพวกเรามีเปลือกหุ้มอยู่ มิใช่เช่นนั้นดอก อัลลอฮ์ทรงสาปแช่งพวกเขาต่างหาก เนื่องจากการปฏิเสธศรัทธาของพวกเขา (ด้วยเหตุนี้ พวกเขาจึงไม่เข้าใจสิ่งใดเลย) ดังนั้นช่างน้อยเหลือเกินที่พวกเขาศรัทธา"
(ซูเราะฮ์อัลบะกอเราะฮ์ / อายะฮ์ที่ 88)
أُولَئِكَ جَزَاؤُهُمْ أَنَّ عَلَيْهِمْ لَعْنَةَ اللَّهِ وَالْمَلَائِكَةِ وَالنَّاسِ أَجْمَعِينَ
"ชนเหล่านี้แหละการตอบแทนแก่พวกเขาก็คือ การสาปแช่งจากอัลลอฮ์ จากมะลาอิกะฮ์ และจากมนุษย์ทั้งมวลนั้นจะตกอยู่แก่พวกเขา"
(ซูเราะฮ์อาลิอิมรอน / อายะฮ์ที่ 87)
إِنَّ الَّذِينَ يَكْتُمُونَ مَا أَنْزَلْنَا مِنَ الْبَيِّنَاتِ وَالْهُدَى مِنْ بَعْدِ مَا بَيَّنَّاهُ لِلنَّاسِ فِي الْكِتَابِ أُولَئِكَ يَلْعَنُهُمُ اللَّهُ وَيَلْعَنُهُمُ اللَّاعِنُونَ
"แท้จริงบรรดาผู้ที่ปิดบังหลักฐานอันชัดเจนและข้อแนะนำที่เราได้ให้ลงมาหลังจากที่เราได้ชี้แจงมันไว้แล้วในคัมภีร์สำหรับมนุษย์นั้น ชนเหล่านี้แหละอัลลอฮ์จะทรงสาปแช่งพวกเขา และผู้สาปแช่งทั้งหลายก็จะสาปแช่งพวกเขาด้วย"
(ซูเราะฮ์อัลบากอเราะฮ์ / อายะฮ์ที่ 159)
إِنَّ الَّذِينَ كَفَرُوا وَمَاتُوا وَهُمْ كُفَّارٌ أُولَئِكَ عَلَيْهِمْ لَعْنَةُ اللَّهِ وَالْمَلَائِكَةِ وَالنَّاسِ أَجْمَعِينَ
"แท้จริงบรรดาผู้ปฏิเสธศรัทธาและได้สิ้นชีพลง ขณะที่พวกเขาเป็นผู้ปฏิเสธศรัทธานั้น ชนเหล่านี้จะได้รับการสาปแช่งจากอัลลอฮ์ และจากมะลาอิกะฮ์ และมนุษย์ทั้งมวล"
(ซูเราะฮ์อัลบากอเราะฮ์ / อายะฮ์ที่ 161)
وَالَّذِينَ يَنْقُضُونَ عَهْدَ اللَّهِ مِنْ بَعْدِ مِيثَاقِهِ وَيَقْطَعُونَ مَا أَمَرَ اللَّهُ بِهِ أَنْ يُوصَلَ وَيُفْسِدُونَ فِي الْأَرْضِ أُولَئِكَ لَهُمُ اللَّعْنَةُ وَلَهُمْ سُوءُ الدَّارِ
"และบรรดาผู้ทำลายพันธะสัญญาของอัลลอฮ์ หลังจากที่ได้ให้คำมั่นสัญญาแก่พระองค์ และพวกเขาตัดขาดสิ่งที่อัลลอฮ์ทรงใช้ให้เขาผูกสัมพันธ์ และบ่อนทำลายในแผ่นดิน ชนเหล่านี้แหละพวกเขาจะได้รับการสาปแช่ง และจะได้ที่พำนักอันเลวร้าย"
(ซูเราะฮ์อัรเราะอ์ดุ / อายะฮ์ที่ 25)
وَقَالَتِ الْيَهُودُ يَدُ اللَّهِ مَغْلُولَةٌ غُلَّتْ أَيْدِيهِمْ وَلُعِنُوا بِمَا قَالُوا بَلْ يَدَاهُ مَبْسُوطَتَانِ يُنْفِقُ كَيْفَ يَشَاءُ وَلَيَزِيدَنَّ كَثِيرًا مِنْهُمْ مَا أُنْزِلَ إِلَيْكَ مِنْ رَبِّكَ طُغْيَانًا وَكُفْرًا وَأَلْقَيْنَا بَيْنَهُمُ الْعَدَاوَةَ وَالْبَغْضَاءَ إِلَى يَوْمِ الْقِيَامَةِ كُلَّمَا أَوْقَدُوا نَارًا لِلْحَرْبِ أَطْفَأَهَا اللَّهُ وَيَسْعَوْنَ فِي الْأَرْضِ فَسَادًا وَاللَّهُ لَا يُحِبُّ الْمُفْسِدِينَ
"และชาวยิวนั้นได้กล่าวว่า พระหัตถ์ (อำนาจ) ของอัลลอฮ์นั้นถูกล่ามตรวน มือของพวกเขาต่างหากที่ถูกล่ามตรวน และพวกเขาได้ถูกสาปแช่ง เนื่องจากสิ่งที่พวกเขาพูด ทว่าพระหัตถ์ทั้งสองของพระองค์ถูกแบออกต่างหาก ซึ่งพระองค์จะทรงแจกจ่ายอย่างไรก็ได้ที่พระองค์ทรงประสงค์ และแน่นอนสิ่งที่ถูกประทานลงมาแก่เจ้าจากพรผู้อภิบาลของเจ้านั้นจะเพิ่มการละเมิด และการปฏิเสธศรัทธาแก่จำนวนมากมายในหมู่พวกเขา และเราได้ก่อให้เกิดการเป็นศัตรูกันและการเกลียดชังกันในระหว่างพวกเขา จนถึงวันกิยามะฮ์ ทุกครั้งที่พวกเขาจุดไฟขึ้น เพื่อทำสงคราม อัลลอฮ์ก็ทรงดับไฟนั้นเสีย และพวกเขาเพียรพยายามบ่อนทำลายในผืนแผ่นดิน และอัลลอฮ์นั้นไม่ทรงรักผู้บ่อนทำลายทั้งหลาย"
(ซูเราะฮ์อัลมาอิดะฮ์ / อายะฮ์ที่ 64)
وَلَمَّا جَاءَهُمْ كِتَابٌ مِنْ عِنْدِ اللَّهِ مُصَدِّقٌ لِمَا مَعَهُمْ وَكَانُوا مِنْ قَبْلُ يَسْتَفْتِحُونَ عَلَى الَّذِينَ كَفَرُوا فَلَمَّا جَاءَهُمْ مَا عَرَفُوا كَفَرُوا بِهِ فَلَعْنَةُ اللَّهِ عَلَى الْكَافِرِينَ
"และเมื่อได้มีคัมภีร์ฉบับหนึ่งจากที่อัลลอฮ์มายังพวกเขา ซึ่งยืนยันในสิ่งที่มีอยู่กับพวกเขา ทั้งๆ ที่พวกเขาเคยขอให้มีชัยชนะเหนือบรรดาผุูที่ปฏิเสธศรัทธามาก่อน ครั้นเมื่อสิ่งที่พวกเขารู้จักดี (ว่านั่นคือศาสดาที่ถูกสัญญาไว้) ได้มายังพวกเขาแล้ว พวกเขากลับปฏิเสธเขานั้น ดังนั้นการสาปแช่งของอัลลอฮ์จึงตกอยู่กับบรรดาผู้ปฏิเสธศรัทธาเหล่านั้น"
(ซูเราะฮ์อัลบะกอเราะฮ์ / โองการที่ 89)
อย่างไรก็ตาม การรู้จักวงศ์ตระกูลของศัตรูของอะฮ์ลุลบัยต์ (อ.) ในบทซิยารัตอาชูรอ ซึ่งมีเครื่องหมายคำว่า "การสาปแช่ง" (ละอ์นัต) กำกับไว้ และมีการจำแนกระดับชั้นและการจัดกลุ่มต่างๆ ไว้
ในการจัดลำดับกลุ่มนี้ บรรดาผู้สังหารท่านอิมามฮุเซน (อ.) จะถูกจัดให้อยู่ในอันดับสุดท้าย และกลุ่มที่ปฏิบัติการอยู่เบื้องหลังจะได้รับความสำคัญเป็นลำดับแรก และนั่นก็คือกลุ่มเดียวกัที่สร้างความเบี่ยงเบนให้เกิดขึ้นในระบบการเมืองหลังจากท่านศาสดา (ซ็อลฯ) จนถึงจุดที่ทำให้ชาวมุสลิมได้ฆ่าบุตรชายของศาสดาของพวกเขาเองและและแสดงความภาคภูมิใจและโอ้อวดกันในเรื่องนี้
กลุ่มเหล่านี้ได้โหมโรงและปูทางสู่เหตุการณ์แห่งอาชูรอ และกลุ่มคนอย่างเช่น ชิมร์ อิบนุ ซิลเญาชันและอุมัร บิน ซะอัด ฯลฯ เป็นผู้ปฏิบัติการทางทหารและเป็นเครื่องมือของระบบที่เบี่ยงเบนแห่งซาตาน (ชัยฏอน) ดังนั้นในบทซิยารัตอาชูรอคนสี่กลุ่มได้ถูกสาปแช่ง คือ :
1. กลุ่มผู้วางรากฐานความอธรรมต่ออะฮ์ลุลบัยต์ (อ.) :
فَلَعَنَ اللَّهُ اُمَّةً اَسَّسَتْ اَساسَ الظُّلْمِ وَ الْجَوْرِ عَلَیْکُمْ اَهْلَ الْبَیْتِ
“ดังนั้นขออัลลอฮ์ทรงสาปแช่งประชาชาติที่วางรากฐานของการกดขี่และความอยุติธรรมแก่พวกท่าน โอ้ อะฮ์ลุลบัยต์”
2. กลุ่มผู้ฉกชิงตำแหน่งและทำลายสถานภาพของอะฮ์ลุลบัยต์ (อ.) :
وَ لَعَنَ اللَّهُ اُمَّةً دَفَعَتْکُمْ عَنْ مَقامِکُمْ وَاَزالَتْکُمْ عَنْ مَراتِبِکُمُ الَّتی رَتَّبَکُمُ اللَّهُ فیها
“และขออัลลอฮ์ทรงสาปแช่งประชาชาติที่ขัดขวางท่านจากตำแหน่งของท่าน และถอดทอนท่านออกจากฐานะของท่านซึ่งอัลลอฮ์ทรงจัดฐานะของพวกท่านไว้”
3. กลุ่มที่ลงมือสังหารอะฮ์ลุลบัยต์ (อ.) โดยตรง :
وَ لَعَنَ اللَّهُ اُمَّةً قَتَلَتْکُمْ
"และขออัลลอฮ์ทรงสาปแช่งประชาชาติที่สังหารพวกท่าน"
4. กลุ่มที่อำนวยความสะดวกเปิดโอกาศให้เกิดการสังหารอะฮ์ลุลบัยต์ (อ.) :
وَ لَعَنَ اللَّهُ الْمُمَهِّدینَ لَهُمْ بِالتَّمْکینِ مِنْ قِتالِکُمْ
“และขออัลลอฮ์ทรงสาปแช่งบรรดาผู้ที่จัดเตรียมให้เกิดความเป็นไปได้ในการทำสงครามกับพวกท่าน”
คำว่า "อุมมะฮ์" (ประชาชาติ) ในคำภาษาอาหรับนั้น หมายถึง องค์กรที่มีอิมามและผู้นำ ในที่นี้นั้นคือ กลุ่มคนที่ถูกจัดตั้งขึ้นเพื่อพยายามสร้างการกดขี่นี้ซึ่งบนีอุมัยยะฮ์เป็นผู้รับผิดชอบในการดำเนินการมัน
ในอีกด้านหนึ่ง ตามโองการต่างๆ ของคัมภีร์อัลกุรอานและบรรดาริวายะฮ์ (คำรายงาน) ของบรรดามะอ์ซูม (อ.) กลุ่มชนชาวยิวมีการก่อความเสียในแผ่นดินหายครั้งใหญ่สองครั้ง และการเป็นชะฮีดอย่างอธรรมของท่านอิมามฮุเซน (อ.) เป็นการตีความ (ตะอ์วีล) หนึ่งจากการก่อความเสียหาย (ฟะซาด) ทั้งสองครั้งดังกล่าว
เกี่ยวกับการตีความโองการนี้ :
وَقَضَيْنَا إِلَى بَنِي إِسْرَائِيلَ فِي الْكِتَابِ لَتُفْسِدُنَّ فِي الْأَرْضِ مَرَّتَيْنِ وَلَتَعْلُنَّ عُلُوّاً كَبِيراً فَإِذَا جَاءَ وَعْدُ أُولَاهُمَا بَعَثْنَا عَلَيْكُمْ عِبَاداً لَنَا أُولِي بَأْسٍ شَدِيدٍ فَجَاسُوا خِلَالَ الدِّيَارِ وَكَانَ وَعْداً مَفْعُولاً ثُمَّ رَدَدْنَا لَكُمُ الْكَرَّةَ عَلَيْهِمْ وَأَمْدَدْنَاكُمْ بِأَمْوَالٍ وَبَنِينَ وَجَعَلْنَاكُمْ أَكْثَرَ نَفِيراً
"และเราได้แจ้งแก่วงศ์วานของอิสรออีลไว้ในคัมภีร์ว่า พวกเจ้าจะก่อการเสียหายในแผ่นดินสองครั้ง และแน่นอน พวกเจ้าจะโอหังยโสยิ่ง ดังนั้น เมื่อสัญญาหนึ่งในสองครั้งได้มาถึง เราจะส่งบรรดาบ่าวของเราผู้มีอำนาจเข้มแข็งเข้าครอบครอง พวกเจ้า แล้ว (พวกเขาจะบดขยี้พวกเจ้าและกระทั่งว่าเพื่อค้นหาตัวบรรดาอาชญากร) พวกเขาจะบุกเข้าค้นตามบ้านเรือน และมันเป็นสัญญาที่จะต้องเกิดขึ้นอย่างแน่นอน และเราจะให้พวกเจ้ากลับมีอำนาจเหนือพวกเขา และเราจะช่วยเหลือพวกเจ้าด้วยการมีทรัพย์สินและบุตรหลาน และเราจะทำให้พวกเจ้ามีรี้พลมากกว่า (ศัตรู)"
(ซูเราะฮ์อัลอิสรออ์ / อายะฮ์ที่ 4-6)
อับดุลลอฮ์ บิน กอซิม บะฏ็อล ได้รายงานจากท่านอิมามซอดิก (อ.) ซึ่งท่านกล่าวว่า :
ถ้อยความที่ว่า « .... وَقَضَيْنَا إِلَى بَنِي إِسْرَائِيلَ فِي الْكِتَابِ » หมายถึง การสังหารอิมามอะลี บิน อบีฏอลิบ (อ.) และการแทงอิมามฮะซัน (อ.) ด้วยหอก และถ้อยความที่ว่า «…وَلَتَعْلُنَّ عُلُوّاً كَبِيراً» ถ้อยความนี้ชี้ถึงการถูกสังหารของท่านอิมามฮุเซน (อ.) และถ้อยความที่ว่า «فَإِذَا جَاءَ وَعْدُ أُولَاهُمَا…» ชี้ถึงการหลั่งเลือดของท่านอิมามฮุเซน (อ) และถ้อยความที่ว่า «بَعَثْنَا عَلَيْكُمْ عِبَاداً لَنَا أُولِي بَأْسٍ شَدِيدٍ فَجَاسُوا خِلَالَ الدِّيَارِ…» ชี้ถึงกลุ่มชนที่พระผู้เป็นเจ้าจะส่งมาก่อนการปรากฏตัว (ซุฮูร) ของท่านอิมามกออิม (อ.) และพวกเขาจะไม่ปล่อยใครที่มีส่วนรับผิดชอบต่อเลือดของครอบครัวของท่านศาสดามุฮัมมัด (ซ็อลฯ) เว้นแต่พวกเขาจะฆ่าเขาผู้นั้น และถ้อยความที่ว่า «وَكَانَ وَعْداً مَفْعُولاً» หมายถึงการปรากฏตัวของอิมามกออิม (อ.) และจุดประสงค์จากถ้อยความ «ثُمَّ رَدَدْنَا لَكُمُ الْكَرَّةَ عَلَيْهِمْ…» หมายถึง ร็อจอะฮ์ (การกลับมา) ของท่านอิมามฮุเซน (อ.) พร้อมสหายที่ซื่อสัตย์ของเขาเจ็ดสิบคน ...." (2)
ในหะดีษอีกบทหนึ่งก็ได้กล่าวว่า เมื่อโองการนี้ :
وَ إِذْ أَخَذْنا ميثاقَكُمْ لا تَسْفِكُونَ دِماءَكُمْ وَ لا تُخْرِجُونَ أَنْفُسَكُمْ مِنْ دِيارِكُمْ ثُمَّ أَقْرَرْتُمْ وَ أَنْتُمْ تَشْهَدُونَ
“และจงรำลึกถึงขณะที่เราได้อาคำมั่นสัญญาแก่พวกเจ้าว่า พวกเจ้าจะต้องไม่หลั่งเลือดของพวกเจ้า และจะต้องไม่ขับไล่ตัวของพวกเจ้าเอง ออกจากหมู่บ้านของพวกเจ้า แล้วพวกเจ้าก็ได้ให้ในการรับรอง และทั้งพวกเจ้าก็ยังยืนอยู่”
(ซูเราะฮ์อัลบะกอเราะฮ์ / อายะฮ์ที่ 84-85) ได้ถูกประทานลงมาในการประณามชาวยิว (เนื่องจากพวกเขาละเมิดพันธสัญญาต่างๆ ของพระเจ้าและหันเหไปจากพระบัญชาของพระเจ้าและปฏิเสธบรรดาศาสนทูตของพระเจ้า อีกทั้งพวกเขาได้สังหารบรรดาศาสนทูตของพระเจ้า) ท่านศาสนทูตแห่งอัลลอฮ์ (ซ็อลฯ) กล่าวว่า :
“จะให้ฉันบอกแก่พวกท่านไหมเล่าเกี่ยวกับบรรดาผู้ที่เป็นเหมือนชาวยิวที่ละเมิดพันธสัญญาและถือเป็นชาวยิวแห่งประชาชาติของฉัน?” พวกเขากล่าวว่า : “ใช่แล้ว! โอ้ท่านศาสนทูตแห่งอัลลอฮ์!” ท่านกล่าวว่า : “กลุ่มชนจากอุมมะฮ์ (ประชาชาติ) ของฉัน (บนีอุมัยยะฮ์) ซึ่งแสดงตนเป็นผู้นับถือศาสนาของฉัน แต่พวกเขาจะเข่นฆ่าลูกหลานของฉัน ฆ่าเชื้อสายที่บริสุทธิ์ของฉันและลูกๆ ของลูกสาวของฉัน และเปลี่ยนแปลงศาสนาของฉัน และเปลี่ยนซุนนะฮ์ (แบบฉบับ) ของฉัน และฮะซันและฮุเซน (อ.) หลานของฉัน เช่นเดียวกับที่บรรพบุรุษของชาวยิวกลุ่มนี้ที่ได้สังหารซะกะรียาและยะห์ยา (อ.) จงรู้เถิดว่า พระผู้เป็นเจ้าจะทรงสาปแช่งพวกเขาเหมือนที่พระองค์ทรงสาปแช่งกลุ่มชนก่อนหน้าพวกเขา..." (3)
ในดุอาอ์นุดบะฮ์ เราก็จะอ่านเกี่ยวกับท่านอิมามซะมาน (อ.) ว่า :
أَيْنَ الطّالِبُ بِذُحُولِ الْأَنْبِياءِ وَ أَبْناءِ الأَنْبِياءِ؟ أَيْنَ الطّالِبُ بِدَمِ الْمَقْتُولِ بِكَرْبَلاءَ؟
"อยู่ที่ไหนผู้ที่จะทวงหนี้เลือดของปวงศาสดาและลูกหลานของปวงศาสดา? อยู่ไหนเล่าผู้ที่จะทวงหนี้เลือดของผู้ที่ถูกสังหารในแผ่นดินกัรบาลา?" (4)
ในส่วนนี้ของบทดุอาอ์ ก่อนที่จะกล่าวถึงการเป็นชะฮีดของท่านซัยยิดุชชุฮะดาอ์ (อ.) ได้กล่าวถึงบรรดาศาสดาและลูกหลานของบรรดาศาสดา
คำถาม : ใครคือผู้สังหารท่านอิมามฮุเซน (อ)? สงครามหลักของท่านอิมามซะมาน (อ.) จะกระทำกับใคร?
ประโยคที่ว่า :
أَلا یا أهْلَ الْعالَمِ اَنَّ جَدِّیَ الْحُسَیْن قَتَلُوهُ عَطْشَاناً
“โอ้้ชาวโลกเอ๋ย! พึงรู้เถิดว่าแท้จริงฮุเซนปู่ของฉัน พวกเขาได้ฆ่าท่านในสภาพที่กระหายน้ำ” (5)
ประโยคนี้หมายถึงใคร? คำตอบสำหรับคำถามเหล่านี้ทั้งหมดย้อนกลับไปสู่ "วงศ์ตระกูลที่ต้องคำสาป" (ชะญะร่อตุล มัลอูนะฮ์) ของชาวยิวแห่งบะนีอุมัยยะฮ์
ใช่แล้ว! ชาวยิวกลุ่มเดียวกันนี้เองที่สังหารบรรดาศาสดาและลูกหลานของบรรดาศาสดา อย่างเช่น ศาสดาซะกะรียา (อ.) และยะห์ยา (อ.) บุตรของท่าน จากนั้นด้วยการสังหารท่านศาสดา (ซ็อลฯ) พวกเขาก็สังหารลูกหลานของท่านด้วย โดยเฉพาะอย่างยิ่งท่านอิมามฮุเซน (อ.)
พยานหลักฐานของเราตามที่กล่าวไว้ก่อนหน้านี้คือโองการที่พระผู้เป็นเจ้าผู้ทรงสูงส่งทรงตรัสว่า : พวกเจ้า (ชาวยิว) ที่ได้ฆ่าบรรดาศาสดา ดังที่ได้กล่าวไว้ในซูเราะฮ์อัลบะกอเราะฮ์ โองการที่ 61ว่า :
ذَلِكَ بِأَنَّهُمْ كَانُوا يَكْفُرُونَ بِآيَاتِ اللهِ وَيَقْتُلُونَ النَّبِيِّينَ بِغَيْرِ الْحَقِّ ذَلِكَ بِمَا عَصَوْا وَكَانُوا يَعْتَدُونَ
"นั่นเป็นเพราะว่าพวกเขาเคยปฏิเสธสัญญาณต่างๆ ของอัลลอฮ์ และฆ่าบรรดาศาสดาโดยไร้ความชอบธรรม นั่นก็เนื่องจากความดื้อดันของพวกเขา และพวกเขาได้ล่วงละเมิดขอบเขตอยู่เสมอ"
เชิงอรรถ :
(1). กามิลุซซิยารอต, บทที่ 79, หน้า 209, หะดีษที่ 6
(2). อัลกาฟี, เชคกุลัยนี, เล่มที่ 8, หน้า 206
(3). บิฮารุลอันวาร, อัลลามะฮ์มัจญ์ลิซี, เล่มที่ 44, หน้า 304
(4). อิกบาลุลอะอ์มาล, ซัยยิดอิบนุฏอวูซ, เล่มที่ 1, หน้า 297
(5). อิลซามุลนาซิบ ฟี อิษาตุลฮุจญะติลฆออิบ, อะลี อัลยัซดี อัลฮาอิรี, เล่มที่ 2, หน้า 233
แปลและเรียบเรียงโดย : เชคมุฮัมมัดนาอีม ประดับญาติ
Copyright © 2024 SAHIBZAMAN.NET- สื่อเรียนรู้สำหรับอิสระชนคนรุ่นใหม่