ในคืนที่สามของมุฮัรรอมเราจะมาเป็นแขกของ "ฮุร บินยาซีด ริยาฮี" ผู้เป็นสัญลักษณ์ของเสรีภาพและความเป็นอิสระชน
เรื่องราวของ "ฮุร บินยาซีด ริยาฮี" เป็นหนึ่งในเหตุการณ์ที่แปลกประหลาดที่สุดและเป็นบทเรียนสอนใจมากที่สุดในกัรบะลา เขาเป็นนักรบที่กล้าหาญและเป็นผู้บัญชาการที่แข็งแกร่ง บางคนถือว่าเขาเป็น "บุรุษผู้กล้าหาญที่สุดแห่งกูฟะฮ์" ความสำคัญของฉายานามนี้จะเป็นที่ชัดเจนยิ่งขึ้นเมื่อเรารับรู้ว่ากูฟะฮ์เป็นเมืองทหารที่สร้างขึ้นในฐานะฐานที่มั่นแห่งแรกของอิสลามเพื่อเผชิญหน้ากับมหาอำนาจแรกของช่วงเวลานั้น (หมายถึงจักรวรรดิเปอร์เซีย) ดังนั้นผู้อยู่อาศัยส่วนใหญ่ของเมืองนี้จะประกอบไปด้วยทหารและผู้บัญชาการเรืองนามทั้งที่เป็นชาวอาหรับและไม่ใช่อาหรับ (อาญัม)
เมื่อพวกเขาได้แจ้งข่าวแก่ “อุบัยดิลลาฮ์ อิบนิซิยาด” ว่า ท่านอิมามฮุเซน (อ.) มาถึงอิรักแล้ว เขาได้ส่ง “ฮุร” ไปพร้อมกับทหารประมาณ 1,000 นาย เพื่อปิดกั้นเส้นทางท่านหรือควบคุมตัวท่านไปที่ “ดารุลอิมาเราะฮ์”
ในขณะที่ฮุรออกจากวังของอุบัยดิลลาฮ์ เขาก็ได้ยินเสียงจากเบื้องหลังของตนซึ่งกล่าวว่า : "โอ้ฮุรเอ๋ย! ขอแสดงความยินดีด้วยที่เจ้ากำลังย่างก้าวไปสู่ความดีงาม” ฮุรหันไปทางเสียงแต่ไม่เห็นใครเลย เขาถามตัวเองด้วยความประหลาดใจว่า : "นี่เป็นการแจ้งข่าวดีอะไรกระนั้นหรือ? และการที่ฉันจะไปทำสงครามกับฮุเซน (อ.) นั้นมีความดีงามอะไรแฝงอยู่กระนั้นหรือ?!"
ภายใต้ความร้อนระอุในยามเที่ยงวัน กองทัพของฮุรก็ได้มาถึงยังคาราวานของท่านอิมามฮุเซน (อ.) เมื่อท่านอิมามเห็นความกระหายของพวกเขา ก็ได้บอกกับบรรดาผู้ช่วยเหลือว่า : "จงให้น้ำแก่คนกลุ่มนี้และม้าของพวกเขา" ... และกระทั่งว่าเมื่อท่านเห็นทหารคนหนึ่งของกองทัพแห่งกูฟะฮ์ไม่สามารถดื่มน้ำได้อย่างสะดวกและน้ำได้ไหลออกจากถุงหนังใส่น้ำ ท่านจึงป้อนน้ำแก่เขาด้วยมือของท่านเอง ...
ท่านทั้งหลายจงดูความเมตตาและความเอื้ออาทรของท่านอิมาม (อ.) และจงเปรียบเทียบกับสิ่งที่กองทัพของกูฟะฮ์ได้กระทำกับท่าน ท่านอิมามฮุเซน (อ.) ได้ให้น้ำดื่มแม้แต่แก่ม้าของพวกเขา แต่พวกเขาปิดกั้นน้ำจากลูกหลานของท่านอิมามฮุเซน (อ.) ...
เมื่อทหารทั้งหมดได้ดื่มน้ำแล้ว เวลานมาซก็มาถึง ท่านอิมาม (อ.) ได้ออกมาจากกระโจมค่ายพักของท่าน กล่าวคำปราศรัยสั้นๆ และกล่าวว่า : "โอ้ประชาชนเอ๋ย! เราไม่ได้ตัดสินใจที่มายังพวกท่านจนกระทั่งเมื่อจดหมายของพวกท่านได้มาถึง และบรรดาผู้นำจดหมายของพวกท่านก็มาและกล่าวว่า จงมายังพวกเราเถิด พวกเราไม่มีผู้นำ และหากพวกท่านยังคงรักษาคำมั่นสัญญา ก็จงบอกมาเถิด และหากพวกท่านไม่ได้ยืนหยัดอยู่กับคำมั่นสัญญาและไม่รู้สึกพอใจต่อการมาของฉันแล้ว ฉันก็จะกลับไปจากที่นี่"
จากนั้นท่านก็ถามฮุรว่า : "เจ้าต้องการที่จะทำนมาซกับบรรดาทหารของเจ้าใช่ไหม?" เขาตอบว่า: "ไม่! เราทั้งหมดจะนมาซตามหลังท่าน"
หลังจากเสร์จสิ้นการนมาซท่านอิมาม (อ.) ได้กลับไปยังกระโจมที่พักของท่านและฮุรก็กลับไปยังกองทหารของตน เมื่อถึงเวลานมาซอัศรี่ ท่านอิมาม (อ.) ก็ออกมานำนมาซอีกครั้งหนึ่ง จากนั้นได้หันไปยังกองทหารชาวกูฟะฮ์และกล่าวว่า : “โอ้ประชาชนเอ๋ย! หากพวกท่านมีความยำเกรงอัลลอฮ์ และยอมรับว่าสัจธรรมเป็นของผู้ที่คู่ควรต่อมันแล้ว อัลลอฮ์จะทรงพึงพอพระทัยพวกท่านมากยิ่งขึ้น และเราคืออะฮ์ลุลบัยต์ของมุฮัมมัด (ซ็อลฯ) เป็นผู้ที่เหมาะสมต่ออำนาจการปกครองและการเป็นผู้นำประชาชนยิ่งกว่าบรรดาผู้นำเหล่านั้น ผู้ที่แอบอ้างตนเองในสิ่งที่มิใช่สิทธิของพวกเขา และเป็นผู้ที่ดำเนินไปบนหนทางแห่งการกดขี่และการเป็นศัตรูกับพระผู้เป็นเจ้า แต่หากพวกท่านทั้งหลายมีความรังเกียจเรา และไม่รู้ซึ้งถึงสิทธิอันชอบธรรมของเรา และหากทัศนคติของพวกท่านในขณะนี้เป็นอื่นไป จากจดหมายทั้งหลายของพวกท่านที่มีมายังฉัน ฉันก็จะหันกลับออกไปจากพวกท่าน”
ฮุรได้กล่าวว่า : “เราไม่ทราบเรื่องเกี่ยวกับจดหมายเชื้อเชิญเหล่านั้นเลย” ท่านอิมาม (อ.) ออกคำสั่งให้ “อุกบะฮ์ บินซัมอาน” นำถุงย่ามสองใบที่บรรจุจดหมายของชาวกูฟะฮ์อยู่จนเต็มมาให้ท่าน ท่านได้แสดงจดหมายเหล่านั้นต่อฮุร ฮุรกล่าวว่า : "ฉันไม่ใช่คนที่เขียนจดหมายเหล่านี้ พวกเขาออกคำสั่งแก่ข้าพเจ้าว่า เมื่อข้าพเจ้าพบเห็นท่านอย่าได้แยกตัวออกไปจากท่านจนกว่าเราจะไปถึงกูฟะฮ์ ณ ที่อุบัยดิลลาฮ์"
ท่านอิมาม (อ.) สั่งให้บรรดาสหายรวมทั้งบรรดาสตรีในกองคาราวานขึ้นหลังสัตว์พาหนะแล้วกล่าวว่า : "จงเดินกลับกันเถิด" แต่กองทัพของฮุรก็ได้ปิดขวางทางกลับไว้เช่นกัน
การเจรจาระหว่างท่านอิมามกับกองกำลังกูฟะฮ์ไม่บรรลุผลและในที่สุดกองคาราวานของอะฮ์ลุลบัยติ์ (อ.) ก็ถูกบังคับให้หยุดพักในแผ่นดินกัรบาลา
เมื่อวันอาชูรอมาถึงและเป็นช่วงเวลาการเผชิญหน้ากันระหว่างสองกองทัพฝ่ายธรรมะและฝ่ายอธรรม ท่านอิมามฮุเซน (อ.) ได้ตะโกนก้องไปยังชาวกูฟะฮ์ ท่านได้ชี้ถึงการบิดพลิ้วคำมั่นสัญญาของพวกเขาและพูดถึงความสัมพันธ์ของตนที่มีต่อท่านศาสดา (ซ็อลฯ) และกล่าวว่า :
أَمَا مِنْ مُغِيثٍ يُغِيثُنا لوجه الله؟ أَمَا مِنْ ذابٍّ يَذُبّ عَن حَرَمِ رسولِ الله؟
"ไม่มีเลยหรือผู้ที่จะให้การช่วยเหลือเราเพื่ออัลลอฮ์? ไม่มีเลยหรือผู้ที่จะให้การปกป้องครอบครัวของท่านศาสนทูตของอัลลอฮ์"...
ฮุรผู้ซึ่งมีจิตสำนึกที่ตื่นตัวและมีจิตวิญญาณที่เป็นอิสระ เขาได้พบ “อุมัร อิบนุซะอัด” และกล่าวว่า : "ท่านต้องการจะทำสงครามกับบุรุษผู้นี้จริงหรือ?" อุมัรตอบว่า : "ใช่!" ฮุรถามว่า : "ทำไมท่านจึงไม่ยอมรับข้อเสนอที่เขาต้องการจะเดินทางกลับ?" อุมัรกล่าวว่า : "หากอำนาจการตัดสินใจอยู่กับฉันฉันจะยอมรับมัน แต่อุบัยดิลลาฮ์จะไม่พอใจเรื่องนี้"
ตรงจุดนี้เองที่ทำให้ฮุรเข้าใจได้ว่า พวกยาซีดมีความตั้งใจมุ่งมั่นที่จะสังหารท่านอิมามฮุเซน (อ.) จากความคิดนี้เองทำให้เรือนร่างของเขาต้องสั่นเทา ...
ในด้านหนึ่งเขามองเห็นบุตรชายของท่านศาสดา (ซ็อลฯ) และครอบครัวแห่งวะหฺยู (วิวรณ์) และในอีกด้านหนึ่งเขาก็เห็นศัตรูของท่านศาสนทูตของอัลลอฮ์ (ซ็อลฯ) ในแนวรบหนึ่งเขาเห็นบ่าวผู้ทรงธรรม (อับดุซซอและห์) ของพระเจ้าและในอีกแนวรบหนึ่งเขาเห็นคอลีฟะฮ์ (ผู้ปกครอง) ที่แย่งชิงอำนาจผู้ซึ่งดื่มสุราเมไรอย่างเปิดเผย ทำสิ่งต้องห้าม (ฮะรอม) ของอัลลอฮ์ให้เป็นสิ่งอนุมัติ (ฮะลาล) และทำสิ่งฮะลาลของพระองค์ให้เป็นสิ่งต้องห้าม ในแนวรบหนึ่งเขาเห็นสนามความรักและการเป็นชะฮีด และในอีกด้านหนึ่งเขาเห็นความชั่วร้ายและการทรยศหักหลัง ในด้านหนึ่งเขาเห็นความสำเร็จและความผาสุกไพบูลย์ (ซะอาดะฮ์) ในขณะที่อีกด้านหนึ่งนั้นคือความอัปยศอดสู (ชะกอวะฮ์)...
ฮุรได้ครุ่นคิดอย่างลึกซึ้งและในที่สุดก็ได้ทำการตัดสินใจที่จะส่องแสงสว่างแก่ความมืดของประวัติศาสตร์ตลอดไป ... ในขณะที่เขาเป็นผู้บัญชาการทหารม้าจำนวนนับพันคน เขาได้หันหลังให้กับโลกและเลือกที่จะเป็นชะฮีด ...
ฮุร บินยาซีด ด้วยข้ออ้างว่าจะนำสัตว์พาหนะของตนไปดื่มน้ำ ค่อยๆ ออกห่างจากกองทัพของยาซีดไปทีละน้อยและค่อยๆ เข้าใกล้กระโจมค่ายพักของกองคาราวานของท่านอิมามฮุเซน (อ.) “มุฮาญิร บินเอาซ์” ซึ่งร่วมทางไปกับฮุรได้ถามเขาว่า : “ท่านคิดอะไรอยู่หรือ? ท่านต้องการโจมตีฮุเซนอย่างนั้นหรือ?" ฮุรไม่ตอบ และเขาได้สั่นเทาไปทั้งเรือนร่าง มุฮาญิรได้กล่าวขึ้นว่า : “ขอสาบานต่ออัลลอฮ์! ฉันไม่เคยเห็นท่านในสภาพเช่นนี้มาก่อนเลย หากมีผู้ถามฉันถึงชื่อของผู้กล้าหาญที่สุดของชาวกูฟะฮ์ ฉันจะไม่ข้ามผ่านชื่อของท่านไป" ฮุรตอบว่า :
وَ اللَّهِ إِنِّی أُخَیِّرُ نَفْسِی بَیْنَ الْجَنَّةِ وَ النَّارِ فَوَ اللَّهِ لَا أَخْتَارُ عَلَى الْجَنَّةِ شَیْئاً وَ لَوْ قُطِّعْتُ وَ أُحْرِقْتُ
"ขอสาบานต่ออัลลอฮ์! ฉันกำลังมองเห็นตัวเองต้องเลือกระหว่างสวรรค์กับนรก และขอสาบานต่ออัลลอฮ์ว่า ฉันจะไม่เลือกสิ่งใดเหนือสวรรค์ มาตรว่าฉันจะถูกฟันเป็นชิ้นๆ และถูกเผาก็ตาม”
จากนั้นเขาก็ควบม้าของตนและรีบรุดไปยังกองคาราวานของท่านอิมาม (อ.)
เมื่อฮุรได้มาถึงท่านอิมาม (อ.) เขาได้วางมือบนศีรษะด้วยความสำนึกผิด พร้อมกับกล่าวว่า :
اللَّهُمَّ إِلَيْكَ أَنَبْتُ فَتُبْ عَلَيَّ فَقَدْ أَرْعَبْتُ قُلُوبَ أَوْلِيَائِكَ وَ أَوْلاَدِ بِنْتِ نَبِيِّكَ
“โอ้อัลลอฮ์! ข้าพระองค์ขอสารภาพผิดต่อพระองค์ ดังนั้นโปรดทรงอภัยโทษแก่ข้าพระองค์ด้วยเถิด แท้จริงข้าพระองค์ได้ทำให้หัวใจของหมู่มิตรของพระองค์และลูกๆ ของบุตรีของศาสดาของพระองค์หวาดกลัว "
จากนั้นเขาได้กล่าวกลับท่านอิมาม (อ.) ด้วยความละอายว่า : "ข้าพเจ้าขอพลีเพื่อท่าน ข้าพเจ้าคือผู้ร่วมทางของท่านที่กักขังหน่วงเหนี่ยวท่านจากการเดินทางกลับ ข้าพเจ้าไม่คิดว่า กลุ่มชนเหล่านี้จะกระทำกับท่านถึงขั้นนี้ โดยทำสงครามกับท่านจริงๆ และบัดนี้ข้าพเจ้าได้มาเพื่อขอสารภาพผิดในสิ่งที่ปฏิบัติต่อท่าน มิเช่นนั้นแล้วข้าพเจ้าจะไม่ปิดเส้นทางต่อท่านอย่างแน่นอน บัดนี้ข้าพเจ้าสำนึกผิดแล้ว และข้าพเจ้าขอสารภาพผิดจากการกระทำของตนแล้ว การสารภาพผิดของข้าพเจ้าจะถูกตอบรับหรือไม่?"
ท่านอิมาม (อ.) กล่าวว่า : "ใช่แล้ว! อัลลอฮ์จะทรงยอมรับการสารภาพผิดของเจ้า และจะทรงอภัยโทษแก่เจ้า! จงลงมาจากม้าเถิด" ฮุรได้กล่าวว่า : “เนื่องจากข้าพเจ้าเป็นคนแรกที่ได้มาเผชิญหน้ากับท่าน ข้าพเจ้าปรารถนาที่จะถูกสังหารก่อนทุกคน ณ เบื้องหน้าท่าน โดยหวังว่าในวันกิยามะฮ์ข้าพเจ้าจะได้เป็นผู้หนึ่งที่ได้สัมผัสมือกับมุฮัมมัด (ซ็อลฯ)ตาของท่าน”
ท่านอิมามฮุเซน (อ.) ได้อนุญาตให้ฮุรออกทำการต่อสู้ (ญิฮาด) ดังนั้นเขาจึงยืนขึ้นเบื้องหน้าท่านอิมาม (อ.) และตะโกนกล่าวกับกองทัพของกูฟะฮ์ว่า : "โอ้ชาวกูฟะฮ์เอ๋ย! พวกเจ้าเชื้อเชิญบ่าวผู้ทรงธรรมของพระเจ้าผู้นี้และเมื่อท่านมายังพวกเจ้าแล้ว พวกเจ้าก็จะทอดทิ้งท่านกระนั้นหรือ? พวกเจ้ากล่าวกับท่านว่า เราจะพลีชีวิตในทางของท่าน แต่เมื่อท่านมาพวกเจ้าก็จะชักดาบประหัตประหารท่านและไม่ปล่อยให้ท่านเดินทางไปที่ใดในแผ่นดินอันกว้างใหญ่ของพระผู้เป็นเจ้ากระนั้นหรือ?! ในขณะที่พวกเจ้าอนุญาตให้ชาวยะฮูดี ชาวนัศรอนีและชาวมะญูซีดื่มน้ำในแม่น้ำฟุร๊อตได้ แต่พวกเจ้ากลับปิดกั้นท่าน บรรดาสตรีและครอบครัวของท่านจากมันกระนั้นหรือ?! ขออัลลอฮ์อย่าทรงให้พวกเจ้าได้ดื่มด่ำในวันแห่งความหิวกระหายที่ยิ่งใหญ่ เนื่องจากพวกเจ้าไม่ได้รักษาเกียรติของมุฮัมมัด (ซ็อลฯ) เลย"...
กองทหารของฝ่ายศัตรูซึ่งไม่สามารถอดทนต่อพูดคำของฮุรได้ พวกเขาจึงระดมยิงธนูใส่เขา ดังนั้นฮุรจึงเริ่มรำพันบทโคลงปลุกใจและบุกโจมตีกองทัพศัตรูพร้อมกับ "ซุเฮร" และได้ทำการต่อสู้อย่างหนักหน่วงและได้สังหารศัตรูจำนวนมากลงได้ ... จนกระทั่งพวกเขาได้ผนึกกำลังกันโจมตีเขาและจนกระทั่งเขาถูกฟันเข้าไปที่ศรีษะจนเป็นเหตุทำให้เขาเป็นชะฮีด
ท่านอิมามฮุเซน (อ.) เมื่อเห็นเช่นนั้น ท่านได้นำพาตัวเองออกไปยังร่างอันบริสุทธิ์ของฮุรและกล่าวกับเขาว่า :
أَنْتَ الحُرُّ كَما سَمَّتْكَ أُمُّكَ حُرَّاً في الدُّنْيا وَالاْخِرَة
"เจ้าคือ ฮุร (เสรีชน) สมดั่งที่มารดาของเจ้าได้เรียกขานเจ้า (เจ้า) เป็นเสรีชนทั้งในโลกนี้และในปรโลก"
จากนั้นท่านได้ใช้ผ้าพันศีรษะของเขาที่เลือดไหลอาบไปทั่วศรีษะ
แน่นอนยิ่ง! ท่านอิมามฮุเซน (อ.) จะนำตัวเองออกไปหาสหายทุกคนของท่านที่เป็นชะฮีดและจะโอบกอดเรือนร่างอันบริสุทธิ์ของพวกเขา แต่หัวใจทั้งหลายต้องถูกเผาไหม้และดวงตาทั้งหลายต้องร่ำไห้แก่ท่านอบาอับดิลลาฮ์ (อ.) เพราะเรือนร่างของท่านจะถูกทิ้งให้ล้มฟุบอยู่อย่างเดียวดายในท้องทุ่งกัรบะลา โดยที่ศัตรูได้นั่งบนหน้าอกของท่านและบั่นคอท่านจากทางด้านหลังของต้นคอของท่าน ...
الا لعنة الله علی القوم الظالمين؛
و سيعلم الذين ظلموا أي منقلب ينقلبون.
แหล่งที่มา
1.กามิลุซซิยาร๊อต , อิบนุเกาละวัยฮ์, หน้า 110
2.นะฟะซุลมะฮ์มูม, เชคอับบาซกุมมี
บทความ : เชคมุฮัมมัดนาอีม ประดับญาติ
Copyright © 2018 SAHIBZAMAN.NET- สื่อเรียนรู้สำหรับอิสระชนคนรุ่นใหม่