อีกมิติหนึ่งของความสัมพันธ์ระหว่างท่านอิมามฮุเซน (อ.) และท่านอิมามมะฮ์ดี (อ.) ผู้เป็นบุตรและเชื้อสายของท่านหญิงฟาฏิมะฮ์ อัซซะฮ์รอ (อ.) นั่นก็คือ “วันอาชูรอ” ซึ่งดวงใจของผู้ที่ไว้อาลัยแด่ท่านอิมามฮุเซน (อ.) ทั้งหลายนั้นจะต้องแสดงออกซึ่งความรักต่อท่านอิมามมะฮ์ดี (อ.) และจะต้องรำลึกถึงการยืนหยัดต่อสู้ของท่านอบาอับดิลลาฮ์ (อ.) พร้อมกับการรำลึกถึงท่านอิมามซะมาน (อ.) ผู้นำแห่งยุคสมัย
ซอและห์ บินอุกบะฮ์ อ้างจากบิดาของตนว่า : ท่านอิมามมุฮัมมัด บากิร (อ.) ได้กล่าวว่า
“ใครก็ตามที่ไปทำการซิยาเราะฮ์ (เยือน) ท่านฮุเซน บุตรของท่านอะลี (อ.) ในวันที่ 10 ของเดือนมุฮัรรอม โดยที่เขาจะร่ำไห้เคียงข้างหลุมฝังศพของท่าน พระผู้เป็นเจ้าผู้ทรงจำเริญ ผู้ทรงสูงส่ง จะทรงประทานผลรางวัลของการทำฮัจญ์สองพันครั้ง การทำอุมเราะฮ์สองพันครั้ง และการญิฮาดสองพันครั้งให้แก่เขา โดยที่ผลรางวัลเหล่านั้นจะเหมือนกับผลรางวัลของผู้ที่ทำฮัจญ์ อุมเราะฮ์และญิฮาดเคียงข้างท่านศาสนทูตแห่งอัลลอฮ์ (ซ็อลฯ) และบรรดาอิมามผู้บริสุทธิ์ (อ.)”
ผู้รายงานได้เล่าว่า ฉันได้กล่าวว่า “ข้าพเจ้าขอพลีเพื่อท่าน! บุคคลที่อยู่ในเมืองต่างๆ ที่ห่างไกลและไม่สามารถที่จะไปยังหลุมฝังศพของท่านอิมามฮุเซน (อ.) ในวันเช่นนี้ได้ สำหรับเขาจะมีผลรางวัลใดๆ หรือไม่”
ท่านอิมาม (อ.) กล่าวว่า “หากเป็นเช่นนั้นจงออกไปยังทะเลทรายหรือบนดาดฟ้าของหลังคาบ้านของท่าน แล้วจงชี้มือไปยังท่าน ให้สลามต่อท่าน และจงกล่าวสาปแช่งบรรดาผู้ที่สังหารท่าน หลังจากนั้นให้ทำนมาซ 2 ร่อกาอัต จงทำสิ่งนี้ในช่วงแรกๆ ของกลางวัน จงร้องไห้แด่ท่านอิมามฮุเซน (อ.) และจงทำให้ผู้ที่อยู่ในบ้านของท่านร้องให้แด่ท่านด้วยเช่นกัน และพวกเขาจงกล่าวแสดงความเสียใจต่อกันในความทุกข์โศกจากการเป็นชะฮีดของท่านอิมามฮุเซน (อ.) และหากพวกเขาทำเช่นนี้ ฉันจะให้หลักประกันผลรางวัลทั้งหมดเหล่านั้นแก่พวกเขา”
ฉันถามว่า “พวกเขาจะแสดงความเสียใจต่อกันและกันอย่างไร” ท่านตอบว่า “พวกเขาจงกล่าวเช่นนี้ว่า
اَعْظَمَ اللهُ اُجُورَنا بِمُصابِنا بِالْحُسَيْنِ عَلَيْهِ السَّلامُ وَجَعَلَنا وَاِيّاكُمْ مِنَ الطّالِبينَ بِثارِهِ مَعَ وَلِيِّهِ الاِْمامِ الْمَهْدِيِّ مِنْ آلِ مُحَمَّد عَلَيْهِمُ السَّلام ُ
“ขออัลลอฮ์ทรงประทานรางวัลอันยิ่งใหญ่แก่เราด้วยกับความทุกข์โศกต่างๆ ของเราที่มีต่อท่านฮุเซน (อ.) และทรงทำให้เราและท่านทั้งหลายเป็นส่วนหนึ่งจากบรรดาผู้ทวงแค้นเลือดของท่านร่วมกับทายาทของท่าน คืออิมามมะฮ์ดี (อ.ญ.) จากวงศ์วานของมุฮัมมัด (ซ็อลฯ)” (1)
“กออิม” กับ “อาชูรอ”
"กออิม" คือฉายานามเฉพาะของท่านอิมามมะฮ์ดี (อ.) ซึ่งมีปรากฏในส่วนใหญ่ของคำรายงาน (ริวายะฮ์) ของชีอะฮ์ และคำนี้จะไม่ถูกใช้กับอิมามมะอ์ซูม (อ.) ท่านอื่นๆ
อบูฮัมซะฮ์ ษุมาลี เล่าว่า : ฉันถามท่านอิมามมุฮัมมัดบากิร (อ.) ว่า “โอ้ท่านอบาญะอ์ฟัร! โอ้บุตรของท่านศาสนทูตแห่งอัลลอฮ์! พวกท่านทั้งหมดไม่ใช่กออิม (ผู้ยืนหยัด) และผู้ธำรงสัจธรรมดอกหรือ! แล้วทำไมจึงเรียก (อิมามมะฮ์ดี) เพียงบุคคลเดียวจากพวกท่านว่า “กออิม” ท่านกล่าวว่า
لمّا قتل الحسین جدّی ضجّت الملائکه إلی الله عزّوجلّ بالبکاء و النحیب، و قالوا: إلهنا و سیّدنا! اتغفل عمّن قتل صفوتك، و ابن صفوتك و خیرتك من خلقك؟
فاوحی الله عزّوجلّ إلیهم: قروّا ملائکتی فو عزّتی و جلالی، لا نتقمن منهم و لو بعد حین. ثم کشف الله عزّوجلّ عن الائمة من ولد الحسین للملائکة، فسّرت الملائکة بذلك، فاذا احدهم قائم یصلیّ فقال الله عزّوجلّ بذلك القائم: انتقم منهم
“เมื่อท่านฮุเซนปู่ของฉันถูกสังหาร บรรดาทวยเทพส่งเสียงคร่ำครวญด้วยการร่ำให้และความเศร้าโศกเสียใจต่ออัลลอฮ์ ผู้ทรงเกริกเกียรติผู้ทรงเกรียงไกร และพวกเขากล่าวว่า “โอ้พระผู้เป็นเจ้าของเรา โอ้นายของเรา! พระองค์จะไม่จัดการใดๆ กับผู้ถูกฆ่าที่ถูกคัดสรรของพระองค์และบุตรของผู้ที่ถูกคัดสรรของพระองค์ และบรรดาผู้ที่ถูกคัดเลือกจากสิ่งถูกสร้างของพระองค์เลยกระนั้นหรือ”
ดังนั้นอัลลอฮ์ ผู้ทรงเกริกเกียรติผู้ทรงเกรียงไกร จึงตรัสต่อพวกเขาว่า “โอ้บรรดาทวยเทพของข้า! จงสงบนิ่งเถิด ขอสาบานด้วยเกียรติและความเกรียงไกรของข้าว่า ข้าจะต้องล้างแค้นพวกเขาอย่างแน่นอน แม้ว่าเวลาจะล่วงเลยผ่านไปอย่างยาวนานก็ตาม” จากนั้นอัลลอฮ์ทรงเปิดม่านให้บรรดาทวยเทพได้เห็นบรรดาอิมามจากลูกหลานของอิมามฮุเซน (อ.) บรรดาทวยเทพจึงรู้สึกพอใจต่อสิ่งนั้น แต่ทันใดนั้นเอง มีผู้หนึ่งจาก (อิมาม) เหล่านั้นได้ยืนขึ้นนมาซ อัลลอฮ์จึงทรงตรัสว่า “ด้วยกับผู้ที่กำลังยืนนมาซนั้น ที่ข้าจะล้างแค้นจากพวกเขา” (2)
มุฮัมมัด บินฮัมรอน เล่าว่า : ท่านอิมามซอดิก (อ.) กล่าวว่า
لما کان من أمر الحسین بن علی ما کان ضجّت الملائکة إلی الله تعالی، و قالت: یا ربّ، یفعل هذا بالحسین صفیّك و ابن صفیّك و ابن نبیّك؟
قال: فاقام الله لهم ظل القائم و قال: بهذا إنتقم له من ظالمیه
“เมื่อเหตุการณ์การเป็นชะฮีดของท่านอิมามฮุเซน (อ.) เกิดขึ้น บรรดาทวยเทพได้ร่ำไห้คร่ำครวญต่ออัลลอฮ์ผู้ทรงสูงส่ง และกล่าวว่า “โอ้พระผู้อภิบาลของข้าพระองค์! พวกเขาได้กระทำกับฮุเซน ผู้ถูกเลือกสรรของพระองค์ บุตรของผู้ถูกเลือกสรรของพระองค์ และบุตรของศาสดาของพระองค์เช่นนี้เลยหรือ”
ท่านอิมาม (อ.) ได้กล่าวต่อว่า “แล้วอัลลอฮ์ก็ทรงทำให้เงาของกออิมปรากฏแก่พวกเขาในสภาพที่กำลังยืนอยู่ และพระองค์ทรงตรัสกับพวกเขาว่า “ด้วยสื่อของ (กออิม) ผู้นี้ ข้าจะท้วงแค้นให้แก่ฮุเซน จากบรรดาผู้ที่อธรรมต่อเขา” (3)
ความรักและความผูกพันของท่านอิมามมะฮ์ดี (อ.) ที่มีต่ออิมามฮุเซน (อ.)
การรับใช้ท่านอิมามฮุเซน (อ.) การมีโอกาสช่วยเหลือท่านและจับดาบต่อสู้เคียงข้างท่านถือเป็นเตาฟีก (การประทานความสำเร็จ) จากพระผู้เป็นเจ้าที่เป็นโชคผลอันยิ่งใหญ่เฉพาะสำหรับบุคคลกลุ่มหนึ่งในยุคสมัยของท่านอิมามฮุเซน (อ.) เช่นเดียวกับที่การจัดเตรียมสภาวะเงื่อนไขต่างๆ และความพร้อมสำหรับการปรากฏตัว (ซุฮูร) ของท่านอิมามมะฮ์ดี (อ.) และการได้รับเตาฟีก (การประทานความสำเร็จและโอกาส) ในการทำสงครามเคียงบ่าเคียงไหล่กับท่านนั้น ก็เป็นโชคผลอีกประการหนึ่งจากพระผู้เป็นเจ้าที่จะเกิดขึ้นกับบุคคลเฉพาะกลุ่มหนึ่ง
เกี่ยวกับความยิ่งใหญ่และเกียรติของการรับใช้บริการและการช่วยเหลือท่านอิมามฮุเซน (อ.) นี้ เพียงพอแล้วที่เราจะรับรู้ว่า ท่านอิมามมะฮ์ดี (อ.) เองก็มีความรักความผูกพันต่อปู่ทวดของท่าน และมีความปรารถนาอย่างแรงกล้าที่จะรับใช้บริการและให้การช่วยเหลือแก่ท่าน ท่านอิมามมะฮ์ดี (อ.) ได้กล่าวไว้ในบทซิยาเราะฮ์ “อันนาฮิยะตุ้ลมุก็อดดะซะฮ์” ว่า
و لئن اخرتني الدهور و عاقني عن نصرك المقدور لأُندّبنّك صباحاً و مساءً و لأبکِين لك [عليك] بدل الدموع دماً
“และแน่นอนยิ่งหากยุคสมัยถูกประวิงออกไปจากข้าฯ และทำให้ข้าฯ ต้องล่าช้าออกไปจากการช่วยเหลือท่านตามที่ถูกกำหนดไว้ แน่นอนยิ่งข้าฯ จะโอดครวญทั้งยามเช้าและยามพลบค่ำ และข้าฯ จะร่ำไห้จนน้ำตาเป็นสายเลือด”
ใช่แล้ว! การช่วยเหลือท่านอิมามมะฮ์ดี (อ.ญ.) นั้นคืออิบาดะฮ์ (การเคารพภักดีพระผู้เป็นเจ้า) ที่ยิ่งใหญ่ประการหนึ่ง เพราะว่าในความเป็นจริงแล้ว มันคือการรับใช้บรรดาศาสดา บรรดาตัวแทน (วะซีย์) ของปวงศาสดา และบรรดาอิมามมะอ์ซูม (อ.) ทั้งนี้เนื่องจากท่านอิมามมะฮ์ดี (อ.) นั้นคือข้อพิสูจน์ (ฮุจญะฮ์) ท่านสุดท้ายของพระผู้เป็นเจ้า พระผู้เป็นเจ้าทรงประสงค์ที่จะให้ความเหนื่อยยากต่างๆ ของบรรดาศาสดาทั้งมวลบรรลุผลด้วยกับข้อพิสูจน์ (ฮุจญะฮ์) ท่านสุดท้ายของพระองค์ หากขบวนการยืนหยัดต่อสู้อันยิ่งใหญ่ของท่านอิมามมะฮ์ดี (อ.) ถูกลบออกไปจากแผนงานในโลกนี้แล้ว แผนงานและภารกิจของปวงศาสดาทั้งมวลก็จะกลายเป็นความล้มเหลว เป้าหมายสูงสุดของการแต่งตั้งบรรดาศาสนทูตผู้ถือสาส์นและการบัญญัติศาสนาทั้งหลาย ก็จะไร้ผลและเกิดความเสียหาย (5)
การรับใช้ท่านอิมามมะฮ์ดี (อ.) ก็เป็นสิ่งที่ท่านอิมามซอดิก (อ.) มีความปรารถนาเช่นเดียวกัน ค็อลลาด อิบนิก็อซซ๊อรได้เล่าว่า : ฉันได้ถามท่านอิมามซอดิก (อ.) ว่า هل ولد القائم عليه السلام؟ “ท่านกออิม (อ.) ถือกำเนิดแล้วหรือยัง” ท่านตอบว่า لا، ولو ادرکته لخدمته ايام حياتي “ยังไม่ได้ถือกำเนิด! และมาตรว่าฉันได้อยู่พบเขา ฉันจะใช้ช่วงเวลาของชีวิตทั้งหมดของฉันในการรับใช้เขา” (6)
เมื่อท่านอิมามมะอ์ซูม (อ.) ได้ใช้สำนวนคำพูดเช่นนี้ในเรื่องของท่านอิมามมะฮ์ดี (อ.) ทำให้เราได้ประจักษ์ถึงสถานภาพอันสูงส่งของบรรดาผู้ช่วยเหลือท่านและคุณค่าของการรับใช้ในแนวทางแห่งการรอคอย (อินติซ๊อร) ท่านได้อย่างชัดเจน
แหล่งที่มา :
(1) มิศบาฮุ้ลมุตะฮัจญิด, เชคฏูซี, หน้าที่ 713 และ 714 ; มะฟาตีฮุลญินาน, ซิยาเราะฮ์อาชูรอ
(2) ดะลาอิลุ้ลอะอิมมะฮ์, ฏ็อบรี, หน้าที่ 239
(3) อัลอะมาลี, เชคฏูซี, หน้าที่ 233
(4) บิฮารุ้ลอันวาร, เล่มที่ 98, หน้าที่ 320
(5) ยอเด มะฮ์ดี, หน้าที่ 199
(6) บิฮารุ้ลอันวาร, เล่มที่ 51, หน้าที่ 148
บทความโดย : เชคมุฮัมมัดนาอีม ประดับญาติ
Copyright © 2018 SAHIBZAMAN.NET- สื่อเรียนรู้สำหรับอิสระชนคนรุ่นใหม่