การอธิบายเรื่องราวเกี่ยวกับอิมามมะฮ์ดี (อ.) สุนทโรวาทสุดท้ายของอิมามฮุเซน (อ.) ก่อนการเป็นชะฮีด
Powered by OrdaSoft!
No result.
การอธิบายเรื่องราวเกี่ยวกับอิมามมะฮ์ดี (อ.) สุนทโรวาทสุดท้ายของอิมามฮุเซน (อ.) ก่อนการเป็นชะฮีด

เมื่อพิจารณาถึงความสำคัญของประเด็นมะฮ์ดะวียะฮ์ และเมื่อพิจารณาถึงช่วงวันต่าง ๆ ของการรำลึกถึงการเป็นชะอีด (มรณะสักขี) ของท่านอิมามฮุเซน (อ.) จำเป็นที่จะต้องให้ความสนใจต่อชีวประวัติและวิถีชีวิตในมิตินี้ของท่านอิมาม (อ.) และทำการวิเคราะห์ตรวจสอบบทบาทของท่านอิมาม (อ.) ในประเด็นมะฮ์ดะวียะฮ์นี้ให้มากยิ่งขึ้น พร้อมกับนำเอาประเด็นต่างๆ ที่เป็นประโยชน์เชิงปฏิบัติ

    ประเด็นสุดท้ายที่ท่านอิมามฮุเซน (อ.) ได้นำเสนอในวันอาชูรอในฐานะเป้าหมายอันสูงส่งคือประเด็นเกี่ยวกับมะฮ์ดะวียะฮ์ (1) และการกลับมา (ร็อจอะฮ์) (2) ของท่านในยุคสุดท้าย (อาคิรุซซะมาน) ซึ่งผลของการนำเสนอประเด็นนี้จะทำให้เกิดการเติบโตและการขับเคลื่อนของสังคมชีอะฮ์

    ตามความเชื่อของชีอะฮ์ มะฮ์ดะวียะฮ์ เป็นหนึ่งในหลักคำสอนที่สำคัญที่สุดของอิสลาม ซึ่งพระผู้เป็นเจ้า ผู้ทรงสูงส่งได้ทรงสัญญาถึงการเกิดขึ้นของมันไว้ในคัมภีร์อัลกุรอานหลายครั้งด้วยความหมายและสิ่งที่ถูกบ่งชี้ (มัฟฮูม) ต่างๆ และพระองค์ได้ทรงกำหนดบรรดาบุคคลที่ดีที่สุดของมวลมนุษยชาติ หมายถึง บรรดาศาสดาและศาสนทูต (อ.) และเหนือกว่าบรรดาศาสนทูต (อ.) ทั่วไป ก็คือบรรดาศาสทูต “อุลุลอัศม์” (บรรดาศาสนทูตที่มีความมุ่งมั่นในการเผยแพร่ศาสนา) ไว้ในเส้นทางสู่การบรรลุความจริงของมัน  ท่านอายะตุลลอฮ์คอเมเนอี ผู้นำสูงสุดของการปฏิวัติอิสลามได้กล่าวในเรื่องนี้ว่า : “ประเด็นมะฮ์ดะวียัตเป็นประเด็นหลัก เป็นคำสอน (มะอาริฟ) แห่งพระผู้เป็นเจ้าที่สำคัญที่สุดข้อหนึ่ง...นั่นก็คือสิ่งที่ปวงศาสดาทั้งหมดถูกแต่งตั้งมาก็เพื่อสิ่งนี้” (3)

อะฮ์ลุลบัยต์ (อ.) มีความมุ่งมั่นมากที่สุดต่อประเด็นมะฮ์ดะวียะฮ์

    เมื่อพิจารณาถึงความสำคัญของประเด็นมะฮ์ดะวียะฮ์ และเมื่อพิจารณาถึงช่วงวันทั้งหลายของการรำลึกถึงการเป็นชะอีด (มรณะสักขี) ของท่านอิมามฮุเซน (อ.) จำเป็นที่จะต้องให้ความสนใจต่อชีวประวัติและวิถีชีวิตในมิตินี้ของท่านอิมาม (อ.) และทำการวิเคราะห์ตรวจสอบบทบาทของท่านอิมาม (อ.) ในประเด็นมะฮ์ดะวียะฮ์นี้ให้มากยิ่งขึ้น พร้อมกับนำเอาประเด็นต่างๆ ที่เป็นประโยชน์เชิงปฏิบัติจากมันออกมา เนื่องจากว่าในเมื่อประเด็นมะฮ์ดะวียะฮ์เป็นหนึ่งในคำสอนหลักที่สำคัญที่สุด บรรดาอะฮ์ลุลบัยต์ (อ.) ในฐานะที่เป็นครูของมนุษยชาติย่อมต้องแสดงความมุ่งมั่นและให้ความรู้ (มะอ์ริฟะฮ์) อย่างเต็มที่ต่อประเด็นนี้ไว้ และตั้งเป้าหมายชีวิตของพวกท่านไปในทิศทางนี้  และพวกเราเองก็เช่นกันจำเป็นจะต้องพยายามค้นหาแนวคิดและความเข้าใจเกี่ยวกับเรื่องเหล่านั้นจากชีวิตของอะฮ์ลุลบัยต์ (อ.) ทั้งนี้เนื่องจากจนถึงขณะนี้เราได้ให้ความสนใจในด้านต่าง ๆ ของชีวิตของบรรดาอิมาม (อ.) ไม่ว่าจะเป็นด้านความรู้ นิติศาสตร์ จริยธรรม ฯลฯ แต่น่าเสียดายที่บทบาทที่มีสำคัญของท่านเหล่านั้นในทิศทางของมะฮ์ดะวียะฮ์และซุฮูร (การปรากฏตัวของอิมามมะฮ์ดี) นั้นยังไม่ได้รับการศึกษาและตรวจสอบอย่างจริงจังโดยละเอียด จะมีก็แต่เพียงการกล่าวถึงหะดีษเกี่ยวกับท่านอิมามมะฮ์ดี (อ.) อย่างเดียวเท่านั้น หลักฐานที่ชี้ถึงในเรื่องนี้ก็คือว่าจนถึงขณะนี้ยังไม่มีการเขียนที่เป็นการอธิบาย (ตัฟซีร) เกี่ยวกับแนวคิดภาพรวมเกี่ยวกับมะฮ์ดะวียะฮ์เลยแม้แต่เล่มเดียว และ "ในสถาบันสอนศาสนาและมหาวิทยาลัย ยังไม่มีการแนะนำแนวคิดภายใต้หัวข้อมะฮ์ดะวียะฮ์เลย” (4)

    ระหว่างเส้นทางจากมะดีนะฮ์ไปยังมักกะฮ์ และจากมักกะฮ์ไปยังกูฟะฮ์ ท่านอิมามฮุเซน (อ.) ได้ชี้ถึงยุคแห่งการปรากฏตัว (ซุฮูร) ของท่านอิมามมะฮ์ดี (อ.) และการปกครองอันชอบธรรมของอะฮ์ลุลบัยต์ (อ.) ซึ่งสามารถที่จะตรวจสอบแง่มุมต่างๆ ของการยืนหยัดต่อสู้ของท่านได้ ด้วยการพิจารณาถึงรหัสลับและสัญลักษณ์บ่งชี้เหล่านี้ ตัวอย่างเช่น ในขณะที่ท่านอยู่ต่อหน้าวะลิด บิน อุตบะฮ์ ผู้ปกครองหัวเมืองของยะซีด ในเมืองมะดีนะฮ์ ท่านกล่าวประโยคคำพูดที่น่าความคิดและลึกซึ้งนี้กับวะลีดว่า :

                                                         وَ بِنَا فَتَحَ اللَّهُ وَ بِنَا خَتَمَ اللَّهُ         

          "อัลลอฮ์ทรงเริ่มต้นด้วยสื่อพวกเรา และจะทรงทำให้สิ้นสุดด้วยสื่อพวกเรา"

      จำเป็นต้องถามว่า พวกท่านเริ่มต้นอะไรและจะทำให้อะไรสิ้นสุดลง? ท่านอิมามฮุเซน (อ.) ได้กล่าวต่อไปว่า :

              وَ لَکِنْ نُصْبِحُ وَ تُصْبِحُونَ وَ نَنْظُرُ وَ تَنْظُرُونَ أَیُّنَا أَحَقُ‏ بِالْبَیْعَةِ و بِالْخِلَافَة

          "แต่ทว่าพวกเราและพวกท่านจะรอคอยยามเช้า และพวกเราและพวกท่านจะได้เห็นว่าฝ่ายใดจะคู่ควรยิ่งต่อการได้รับสัตยาบัน (บัยอัต) และต่อตำแหน่งผู้ปกครอง (คิลาฟะฮ์)?" (5)

    ในประโยคคำพูดนี้ ท่านอิมามฮุเซน (อ.) ได้ชี้ถึงยุคที่ประชาชนทั่วไปจะให้สัตยาบัน (บัยอัต) ต่อท่าน และจะแสดงให้ชาวโลกได้เห็นถึงสิทธิอันชอบธรรมและความคู่ควรของตนที่มีต่ออำนาจปกครอง (คิลาฟะฮ์) แห่งพระเจ้า ในที่นี้จำเป็นต้องถามว่า ทำไมสิ่งที่ท่านอิมามฮุเซน (อ.) กล่าวไว้นั้น จนถึงขณะนี้ยังไม่เกิดขึ้น แล้วมันจะเกิดขึ้นเมื่อใด? คำพูดประโยคนี้ของท่านอิมาม (อ.) มีความเกี่ยวข้องกับประโยคข้อความหนึ่งจากโองการที่ 102 ของอัลกุรอานซูเราะฮ์ยูนุสหรือไม่? ที่พระผู้เป็นเจ้าทรงตรัสว่า :

                                  فَانْتَظِرُوا إِنِّی مَعَکُمْ مِنَ الْمُنْتَظِرِینَ

          "ดังนั้นพวกท่านจงรอคอยเถิด แท้จริงฉันก็เป็นหนึ่งในผู้รอคอย พร้อมกับพวกท่าน” (6)

    ในริวายะฮ์บทหนึ่งจากท่านอิมามซอดิก (อ.) ได้มีการกล่าวถึงการอรรถาธิบายโองการต่างๆ ช่วงต้นของซูเราะฮ์ อัลบะกอเราะฮ์ คือ :

                  الم؛ ذلِكَ الْکِتابُ لا رَیْبَ فِیهِ هُدىً لِلْمُتَّقِینَ؛ الَّذِینَ یُؤْمِنُونَ بِالْغَیْبِ

          "อะลิฟ ลาม มีม คัมภีร์นี้ ไม่มีข้อสงสัยใดๆ ในนั้น เป็นทางนำสำหรับบรรดาผู้ยำเกรง คือบรรดาผู้ศรัทธาต่อสิ่งเร้นลับ" (7)

    ท่านอิมามซอดิก (อ.) กล่าวว่า :

المتقون: شیعة علی (علیه السلام)، و الغیب فهو الحجة الغائب، و شاهد ذلك قوله تعالى: وَ یَقُولُونَ‏ لَوْ لا أُنْزِلَ‏ عَلَیْهِ‏ آیَةٌ مِنْ‏ رَبِّهِ‏ فَقُلْ‏ إِنَّمَا الْغَیْبُ‏ لِلَّهِ‏ فَانْتَظِرُوا إِنِّی‏ مَعَکُمْ‏ مِنَ‏ الْمُنْتَظِرِینَ‏

          “บรรดาผู้ยำเกรง คือ ชีอะห์ของอะลี (อ.) และสิ่งเร้นลับ (อัล ฆ็อยบ์) นั้น คือ ฮุจญะฮ์ (ข้อพิสูจน์ของอัลลอฮ์) ผู้เร้นกาย และพยานหลักฐานในสิ่งนี้คือพระดำรัสของพระผู้เป็นเจ้าผู้ทรงสูงส่ง ที่พระองค์ทรงตรัสว่า : “และพวกเขากล่าวว่า ทำไมจึงไม่มีสัญญาณ (ปาฏิหาริย์) จากพระผู้อภิบาลของเขาถูกประทานลงมายังเขา จงกล่าวเถิด (มุฮัมมัด) แท้จริงสิ่งเร้นลับนั้นเป็นของอัลลอฮ์ พวกท่านจงรอคอยเถิด แท้จริงฉันนั้นอยู่กับพวกท่านในหมู่ผู้รอคอยกับพวกท่านด้วย" (อัลกุรอานบท(ซูเราะฮ์) ยูนุส โองการ (อายะฮ์) ที่ 20) (8)

ประเด็นมะฮ์ดะวียะฮ์ คำเทศนาครั้งสุดท้ายของอิมามฮุเซน (อ.) ในกัรบาลา

    ประเด็น “มะฮ์ดะวียะฮ์” (เรื่องราวเกี่ยวกับอิมามมะฮ์ดี (อ.) และยุคสุดท้าย),  “ซุฮูร” (การปรากฏตัวของอิมามมะฮ์ดี) และ “ร็อจอะฮ์” (การกลับมาของคนกลุ่มหนึ่งก่อนวันสิ้นโลก) นั้นมีความสำคัญมากถึงขั้นที่คำเทศนา (คุฏบะฮ์) ครั้งสุดท้ายของท่านอิมามฮุเซน (อ.) ได้พูดถึงประเด็นนี้เป็นการเฉพาะ ซึ่งน่าเสียดายที่ยังได้รับความสนใจน้อยมากจากชาวชีอะฮ์ ท่านอิมามบากิร (อ.) ได้กล่าวในเรื่องนี้ว่า :

قَالَ الْحُسَیْنُ (علیه السلام) لِأَصْحَابِهِ قَبْلَ أَنْ یُقْتَلَ إِنَّ رَسُولَ اللَّهِ (صلی الله علیه و آله) قَالَ لِی یَا بُنَیَّ إِنَّكَ سَتُسَاقُ إِلَی الْعِرَاقِ وَ هِیَ أَرْضٌ قَدِ الْتَقَی بِهَا النَّبِیُّونَ وَ أَوْصِیَاءُ النَّبِیِّینَ (علیهم السلام) وَ هِیَ أَرْضٌ تُدْعَی عَمُورَا وَ إِنَّكَ تُسْتَشْهَدُ بِهَا وَ یُسْتَشْهَدُ مَعَكَ جَمَاعَةً مِنْ أَصْحَابِكَ لَا یَجِدُونَ أَلَمَ مَسِّ الْحَدِیدِ وَ تَلَا قُلْنا یا نارُ کُونِی بَرْداً وَ سَلاماً عَلی إِبْراهِیمَ یَکُونُ الْحَرْبُ بَرْداً وَ سَلَاماً عَلَیْكَ وَ عَلَیْهِمْ فَأَبْشِرُوا فَوَ اللَّهِ لَئِنْ قَتَلُونَا فَإِنَّا نَرِدُ عَلَی نَبِیِّنَا قَالَ ثُمَّ أَمْکُثُ مَا شَاءَ اللَّهُ فَأَکُونُ أَوَّلَ مَنْ یَنْشَقُّ الْأَرْضُ عَنْهُ فَأَخْرُجُ

          “ท่านอิมามฮุเซน (อ.) กล่าวกับบรรดาสหายของท่านก่อนที่ท่านจะถูกสังหารว่า แท้จริง ท่านศาสนทูตของอัลลอฮ์ (ซ็อลฯ) ได้กล่าวกับฉันว่า : "โอ้ลูกน้อยของฉัน! แท้จริงในไม่ช้าเจ้าจะถูกไล่ต้อนไปยังอิรัก มันคือดินแดนที่บรรดาศาสดาและบรรดาผู้สืบทอด (วะซีย์) ของปวงศาสดา (อ.) ไปพบกับมัน และมันคือดินแดนที่ถูกเรียกว่า "อะมูรอ" แท้จริงเจ้าจะเป็นชะฮีดในที่แห่งนั้น และสหายกลุ่มหนึ่งของเจ้าก็จะเป็นชะฮีดพร้อมกับเจ้า พวกเขาจะไม่รู้สึกเจ็บปวดกับคมหอกคมดาบ"

    แล้วท่านก็อ่านโองการ :

                                قُلْنا یا نارُ کُونِی بَرْداً وَ سَلاماً عَلی إِبْراهِیمَ

          "เรา (อัลลอฮ์) กล่าวว่า ไฟเอ๋ย จงเย็นลง และจงให้ความปลอดภัยแก่อิบรอฮีมเถิด"  (และท่านศาสนทูตกล่าวต่อว่า) สงครามจะเย็นลงและเป็นสันติสุข (ไม่สร้างควาเจ็บปวดใดๆ) แก่เจ้าและแก่พวกเขา " (ท่านอิมามฮุเซน (อ.) กล่าวต่อว่า) ดังนั้นจงยินดีต่อข่าวดีเถิด ขอสาบานต่ออัลลอฮ์ หากพวกเขาฆ่าเรา เราจะไปยังศาสดาของเรา ท่านกล่าวว่า : แล้วฉันจะพำนักอยู่ที่นั้นตราบชั่วเวลาที่อัลลอฮ์ทรงประสงค์ แล้วฉันจะเป็นคนแรกที่แผ่นดินจะแยกออก แล้วฉันจะออกมา "

    จากนั้นท่านอิมามฮุเซน (อ.) ก็ได้อธิบายให้บรรดาสหายฟังถึงขั้นตอนต่างๆ ที่พวกท่านจะต้องดำเนินการไปจนถึงดินแดนแห่งการปรากฏตัว (ซุฮูร) ของท่านอิมามมะฮ์ดี (อ.) (9)

การเติบโตและขับเคลื่อนของสังคม ผลของการให้ความสำคัญต่อประเด็นอิมามฮุเซน (อ.) และมะฮ์ดะวียะฮ์

    เป็นที่ชัดเจนว่า ประเด็นสุดท้ายที่ท่านอิมามฮุเซน (อ.) กล่าวถึงในวันอาชูรอ ในฐานะเป้าหมายที่สูงส่งประการหนึ่ง คือประเด็น “มะฮ์ดะวียะฮ์” ในขณะที่ในเรื่องราวเกี่ยวกับกัรบาลานั้น เราจะนำเสนอเฉพาะหมวดของการเป็นชะฮีดแก่ผู้ฟังเพียงเท่านั้น หากมีการนำเสนอและพูดคุยเรื่องราวของอาชูรอในส่วนนี้ นอกเหนือจากการร้องไห้และไว้อาลัยต่อการเป็นชะฮีดของท่านอิมามฮุเซน (อ.) แล้ว ชาวชีอะฮ์ยังจะได้ใช้เวลาของพวกเขาเพื่อความหวังในรอคอยการกลับมา (ร็อจอะฮ์) ของท่านอิมามฮุเซน (อ.) อีกด้วย และในทิศทางนี้ วัฒนธรรมของสังคมชีอะห์ จะเป็นวัฒนธรรมที่มีความเคลื่อนไหว (พลวัต) และพัฒนาเติบโต ประเด็นที่น่าคิดก็คือว่า เราจะอ่านในบทซิยารัตว่า  «مُنْتَظِرٌ لِرَجْعَتِکُم‏» "ผู้รอการร็อจอะฮ์ของพวกท่าน" ซึ่งนั่นก็หมายถึงประเด็นนี้

    ในอีกด้านหนึ่ง ในริวายะฮ์อื่น ๆ เกี่ยวกับยุคสุดท้าย (อาคิรุซซะมาน) และช่วงเวลาแห่งการปรกฏตัว (ซุฮูร) นั้น ท่านอิมามฮุเซน (อ.) ได้รับการแนะนำในฐานะเป็นผู้ฟื้นคืนชีพ (ร็อจอะฮ์) กลับมาคนแรก ซึ่งช่วงเวลานั้นท่านจะปกครองยาวนานจนแก่ชรา จนกระทั่งคิ้วทั้งสองของท่านหย่อนยานลงมาปิดตาของท่าน ในเรื่องนี้ ท่านอิมามซอดิก (อ.) กล่าวว่า :

أَوَّلُ مَنْ يُكِرُّ فِیْ رَجْعَتِهِ الْحُسَیْنُ بْنُ عَلِي علیه السَّلام یَمْکَثُ فِی الْأَرْضِ حَتّی یَسْقُطَ حَاجِبَاهُ عَلَی عَیْنَیْهِ

           "บุคคลแรกที่จะกลับมายังโลกนี้คือท่านอิมามฮุเซน (อ.) ซึ่งจะมีชีวิตอยู่ในโลกนี้จนกระทั่งคิ้วทั้งสองของท่านจะตกมาปิดดวงตาของท่าน (เนื่องจากวัยชรา)" (10)

    ดังนั้นจึงจำเป็นต้องอ่านทบทวนชีวประวัติและวิถีชีวิตของอะฮ์ลุลบัยต์ (อ.) อีกครั้งจากมุมมองของมะฮ์ดะวียะฮ์ และขยับจากเรียนรู้แค่ชีวประวัติไปสู่การรับรู้แนวความคิดในคำพูดและพฤติกรรมของอะฮ์ลุลบัยต์ (อ.) ในทิศทางที่สอดคล้องกับประเด็นมะฮ์ดะวียะฮ์และซุฮูร นี่เป็นประเด็นที่พระผู้เป็นเจ้าเน้นย้ำในโองการต่างๆ ของคัมภีร์อัลกุรอาน


เชิงอรรถ :

(1). “มะฮ์ดะวียะฮ์” คือหลักความเชื่อ (อะกีดะฮ์) ที่เชื่อมั่นในการปรากฏตัว (ซุฮูร) ของนักปฏิรูป (มุศลิห์) หรือผู้ช่วยให้รอด (มุนญี) จากอะฮ์ลุลบัยต์ (ครอบครัว) ของท่านศาสดา (ซ็อลฯ) ในยุคสุดท้ายก่อนการอวสานของโลก ที่รู้จักกันในหมู่ชาวมุสลิมในนาม "อิมามมะฮ์ดี (อ.)" และเชื่อว่าท่านจะเติมเต็มโลกด้วยความเสมอภาคและความยุติธรรม และท่านจะปรากฏตัวขึ้นเพื่อดำรงศาสนาของอัลลอฮ์และแผ่ขยายสัจธรรมไปทั่วโลก

(2). "ร็อจอะฮ์" คือการฟื้นคืนชีพของคนตายกลุ่มหนึ่งก่อนวันสิ้นโลก และการกลับมาสู่โลกของพวกเขาในช่วงการปรากฏตัว (ซุฮูร) ของท่านอิมามมะฮ์ดี (อ.)  "ร็อจอะฮ์" เป็นหนึ่งในหลักความเชื่อ (อิอ์ติกอด) ของชีอะฮ์  และได้อ้างอิงหลักฐานจากโองการอัลกุรอานและริวายะฮ์ต่างๆ เพื่อพิสูจน์ถึงประเด็นนี้ นักวิชาการชาวชีอะฮ์เชื่อว่า "ร็อจอะฮ์" นี้จะเกิดขึ้นพร้อมกับการปรากฏตัว (ซุฮูร) ของท่านอิมามมะฮ์ดี (อ.)

(3). สุนทโรวาท วันที่ 4/18/90 (ปีเปอร์เซีย)

(4). ฮุจญะตุลอิสลาม มีร กาโตลี, ผู้อำนวยการมัจญ์มะอ์ อาลี ตัฟซีร กุรอาน

(5). บิฮารุลอันวาร, อัลลามะฮ์มัจญ์ลิซี, เล่ม 44, หน้า 325

(6). อัลกุรอานบทยูนุส โองการที่ 102

(7). อัลกุรอานบทอัลบะกอเราะฮ์ โองการที่ 1-3

(8). อัล บุรฮาน ฟี ตัฟซีร อัลกุรอาน, ซัยยิดฮาชิม บะห์รอนี, เล่ม 1, หน้า 124

(9). อัล-คอรออิจ วัล-ญะรออิห์, เล่ม 2, หน้า 848

(10). อัล-อีกอซ มินัล-ฮัจอะฮ์ บิล-บุรฮาน อะลัล-รอจอะฮ์, หน้า 358


บทความ : เชคมุฮัมมัดนาอีม ประดับญาติ

Copyright © 2024 SAHIBZAMAN.NET- สื่อเรียนรู้สำหรับอิสระชนคนรุ่นใหม่

ผู้เยี่ยมชมอยู่ขณะนี้

มี 646 ผู้มาเยือน และ ไม่มีสมาชิกออนไลน์ ออนไลน์

24777480
Today
Yesterday
This Week
Last Week
This Month
Last Month
All days
27388
52431
204862
24215661
1043145
1618812
24777480

พฤ 21 พ.ย. 2024 :: 15:30:05