ท่านอัลลามะฮ์มัจญ์ลิซี (ร.ฮ.) ได้บันทึกคำรายงานจากท่านหญิงอุมุกุลซูม บุตรีของท่านอิมามอะลี (อ.) ซึ่งได้เล่าว่า : เมื่อค่ำคืนที่ 19 ของเดือนรอมฎอนมาถึง ในช่วงเวลาของการละศีลอดของบิดา ฉันได้นำถาดซึ่งมีขนมปังที่ทำจากข้าวบาร์เลย์สองแผ่น และภาชนะที่ใส่นมสดและเกลือป่นมาวางไว้ข้างหน้าท่าน เมื่อเสร็จสิ้นจากการนมาซ ท่านหันมายังอาหารที่จะละศีลอด เมื่อท่านมองมันอย่างถี่ถ้วนแล้ว ท่านส่ายหน้าและร้องไห้อย่างรุนแรง พร้อมกับกล่าวว่า “โอ้ลูกสาวของพ่อ! พ่อไม่คิดเลยว่าจะมีลูกสาวคนใดจะทำไม่ดีกับพ่อของตน เหมือนดังที่เจ้าได้ทำกับพ่อเช่นนี้!”
ฉันกล่าวว่า “หนูทำไม่ดีอย่างไรหรือพ่อ!” ท่านกล่าวว่า “ลูกสาวของพ่อ! เจ้านำอาหารสองชนิดในถาดมาวางลงเบื้องหน้าพ่อไม่ใช่หรือ? เจ้าต้องการให้พ่อหยุดยืนอย่างยาวนานเบื้องพระพักตร์ของอัลลอฮ์ (เพื่อการสอบสวน) ในวันกิยามะฮ์กระนั้นหรือ! พ่อปรารถนาที่จะปฏิบัติตามท่านศาสนทูตแห่งอัลลอฮ์ พี่ชายของพ่อและบุตรชายของอาของพ่อ ผู้ซึ่งตลอดการมีชีวิตอยู่นั้น ไม่เคยมีใครนำเอาอาหารสองชนิดมาวางในถาดเบื้องหน้าท่านเลย ลูกสาวของพ่อ! ไม่มีใครที่อาหาร เครื่องดื่มและเครื่องนุ่งห่มของเขาจะดีและน่าประทับใจ เว้นแต่ในกิยามะฮ์ (ปรโลก) เขาจะต้องไปหยุดยืนอย่างยาวนานมากกว่า ณ เบื้องพระพักตร์ของอัลลอฮ์ (เพื่อการสอบสวน) ลูกสาวของพ่อ! สิ่งที่เป็นที่อนุมัติ (ฮะลาล) ของโลกนี้ก็จะต้องถูกสอบสวน และสิ่งที่ต้องห้าม (ฮะรอม) ของมันก็จะต้องได้รับโทษทัณฑ์... ลูกสาวของพ่อ! ขอสาบานต่อพระผู้เป็นเจ้า พ่อจะไม่รับประทานสิ่งใด จนกว่าเจ้าจะเอาอาหารหนึ่งจากสองชนิดนี้ออกไป”
ทันทีที่ฉันยกนมสดออกไป ท่านจึงหันไปยังอาหาร และท่านก็รับประทานขนมปังชิ้นหนึ่งพร้อมกับเกลือป่น ต่อจากนั้นท่านได้กล่าวขอบคุณและสรรเสริญสดุดีต่อพระผู้เป็นเจ้า ต่อจากนั้นท่านได้ทำนมาซและอยู่ในสภาพของการรุกูอ์ (โค้งคารวะ) ซุหญูด (ก้มกราบ) ภาวนาขอพรและรำพึงรำพันต่อพระผู้เป็นเจ้าผู้ทรงมหาบริสุทธิ์
ในค่ำคืนนั้นท่านอยู่ในสภาพของการยืน การนั่ง การรุกูอ์ (โค้งคารวะ) และการซุหญูด (ก้มกราบ) ตลอดเวลา ครั้งแล้วครั้งเล่าที่ท่านออกไปนอกบ้านและเงยหน้าขึ้นไปยังท้องฟ้าและมองดูดวงดาวทั้งหลาย พร้อมกับกล่าวว่า :
و الله ما کذبت و ما کذبت؛ و إنها اللیلة التی وعدت
ขอสาบานต่ออัลลอฮ์! ฉันไม่ได้พูดโกหกและฉันก็ไม่ได้ถูกโกหก นี่คือค่ำคืนแห่งสัญญา
จากนั้นท่านก็กลับไปยังสถานที่ทำอิบาดะฮ์ของท่านอีกครั้ง และท่านกล่าวว่า “โอ้อัลลอฮ์ โปรดทำให้ความตายเป็นความจำเริญแก่ข้าพระองค์ด้วยเถิด” และท่านจะกล่าว (สองประโยคนี้) อย่างมากว่า :
إِنَّا للّه وإِنّا إِلَیهِ رَاجِعُونَ
“แท้จริงเราเป็นสิทธิ์ของอัลลอฮ์ และแท้จริงเราต้องกลับคืนไปยังพระองค์”
และ لا حَوْلَ وَلا قُوَّةَ اِلاّ بِاللَّهِ الْعَلِىِّ الْعَظيمِ
“ไม่มีอานุภาพและพลังอำนาจใด เว้นแต่ด้วย (การอนุมัติของ) อัลลอฮ์ ผู้ทรงสูงส่งผู้ทรงยิ่งใหญ่”
และท่านจะกล่าวซอละวาต (ขอพร) ให้แก่ท่านศาสนทูตแห่งอัลลอฮ์ (ซ็อลฯ) และวงศ์วานของท่าน และการอิสติฆฟาร (ขออภัยโทษ) ต่ออัลลอฮ์อย่างมากมาย
เมื่อฉันเห็นท่านอยู่ในสภาพกระวนกระวายใจและรำพึงรำพัน กล่าวซิกรุลลอฮ์และอิสติฆฟารอย่างมากมาย ทำให้คืนนั้นฉันเองก็ไม่ได้นอนหลับไปพร้อมกับท่านด้วย ฉันกล่าวว่า “พ่อจ๋า! คืนนี้มีสิ่งใดเกิดขึ้นกับท่านหรือ ที่ทำให้ท่านนอนไม่หลับ” ท่านกล่าวว่า “โอ้ลูกสาวของพ่อ! พ่อของเจ้าเคยสังหารเหล่าผู้หาญกล้าและเข้าสู่สนามศึกที่อันตรายมาแล้ว และไม่เคยรู้สึกหวาดกลัวใด ๆ และไม่เคยมีค่ำคืนใดที่ความหวาดหวั่นและความหวาดกลัวได้เกิดขึ้นในหัวใจของพ่อเช่นคืนนี้มาก่อนเลย”
จากนั้นท่านได้กล่าวว่า إِنَّا للّه وإِنّا إِلَیهِ رَاجِعُونَ แท้จริงเราเป็นสิทธิ์ของอัลลอฮ์และแท้จริงเราต้องกลับคืนไปยังพระองค์” ฉันกล่าวว่า “โอ้พ่อจ๋า! ในช่วงแรกของค่ำคืนเช่นนี้ ทำไมท่านพูดถึงเรื่องของความตาย” ท่านกล่าวว่า “ลูกสาวของพ่อ! กำหนดเวลาแห่งความตายใกล้เข้ามาแล้ว และความหวังได้สิ้นสุดลงแล้ว” ท่านหญิงอุมุกุลซูม กล่าวว่า “(ด้วยการได้ยินคำพูดเหล่านี้) ฉันจึงร้องไห้” ท่านกล่าวว่า “โอ้ลูกสาวของพ่อ! อย่าร้องไห้ไปเลย พ่อไม่ได้พูดถ้อยคำเหล่านี้ นอกเสียจากด้วยเหตุผลของพันธสัญญาและคำพูดที่ท่านศาสดา (ซ็อลฯ) ได้บอกกับพ่อไว้”
จากนั้นท่านก็วางศีรษะลงบนเข่าและงีบหลับไปชั่วครู่หนึ่ง เมื่อท่านลืมตาขึ้น ท่านกล่าวว่า “ลูกสาวของพ่อ! เมื่อใกล้ถึงเวลาอาซาน ช่วยบอกพ่อด้วย” และท่านก็เข้าสู่การนมาซ การภาวนาขอพรต่อพระผู้เป็นเจ้าผู้ทรงสูงส่งอีกครั้งหนึ่ง ซึ่งนับจากช่วงแรกของค่ำคืน ท่านอยู่ในสภาพเช่นนี้ ฉันคอยเฝ้าระวังเวลาอาซาน เมื่อเวลามาถึง ฉันไปหาท่านพร้อมกับภาชนะใส่น้ำใบหนึ่ง ฉันปลุกท่านให้ตื่น เมื่อท่านทำวุฎูอ์เสร็จแล้วท่านก็ยืนขึ้นสวมใส่เสื้อคลุมของท่าน แล้วเปิดประตูเดินออกไปยังสนามหน้าบ้าน ฝูงห่านซึ่งก่อนหน้าคืนนั้นไม่เคยส่งเสียงร้องมาก่อน แต่ค่ำคืนนี้มันได้กระพือปีกและส่งเสียงร้องเดินตามหลังท่านไป ท่านกล่าวว่า “ลาอิลาฮะฮิลลัลลอฮ์! (ไม่มีพระเจ้าอื่นใดนอกจากอัลลอฮ์) นี่คือเสียงร้องซึ่งจะติดตามมาด้วยการร่ำไห้อาลัย และในยามเช้าของวันพรุ่งนี้กำหนดการ (กอฎออ์) ของพระผู้เป็นเจ้าจะเป็นที่เปิดเผย” และต่อจากนั้น ท่านก็มุ่งหน้าสู่มัสยิด (1)
จากช่วงนี้เป็นต้นไป มีทัศนะที่ขัดแย้งกันเล็กน้อยระหว่างคำรายงาน (ริวายะฮ์) ต่าง ๆ นักรายงานบางส่วนรายงานว่า อิบนิมุลญัม ได้ฟันศีรษะของท่านอิมามอะลี (อ.) ก่อนที่จะเริ่มต้นการนมาซ ส่วนนักรายงานอีกบางส่วนกล่าวว่า เหตุการณ์การฟันศีรษะของท่านอิมาม (อ.) เกิดขึ้นในช่วงเวลาที่ท่านอิมาม (อ.) กำลังทำนมาซ ในกลุ่มที่สองนี้ก็ยังมีทัศนะต่าง ๆ ที่ถกเถียงกันอีกว่า ภายหลังจากการถูกฟัน การนมาซญะมาอัตได้หยุดลง หรือว่าท่านอิมาม (อ.) ได้กำหนดให้ใครนำนมาซแทนท่าน และท่านก็ทำนมาซร่วมกับประชาชนหรือไม่ ?
ตัวอย่างของคำรายงานที่ชี้ให้เห็นว่าการฟันนั้นเกิดขึ้นก่อนการนมาซ
นักประวัติศาสตร์บางคน อย่างเช่น มัสอูดี และอิบนิซะอัด ได้บันทึกไว้ว่า : เมื่อท่านอมีรุ้ลมุอ์มินีน (อ.) เดินเข้าไปในมัสยิด อิบนุมุลญัม และเพื่อนร่วมงานของเขา (2) ได้จู่โจมเข้าไปฟันท่านในสภาพที่พวกเขากล่าวว่า “อำนาจการปกครองเป็นของอัลลอฮ์ ไม่ใช่เป็นของท่าน โอ้อะลี!” อิบนุมุลญัม ฟันดาบลงบนศีรษะของท่าน และการฟันของชะบีบได้ไปโดนกรอบประตู ส่วนวัรดานนั้นได้หลบหนีไป
อิมามอะลี (อ.) ได้กล่าว (โดยชี้ไปที่อิบนุมุลญัม) ว่า “อย่าปล่อยให้บุรุษผู้นี้หนีไปได้” ประชาชนได้วิ่งกรูไปยังอิบนิมุลญัม และขว้างปาเขาด้วยก้อนหิน พวกเขาตระโกนและกล่าวประณามเขา ชายผู้หนึ่งจากเมืองฮัมดานได้ยื่นเท้ามาขัดขาของเขา และมุฆีเราะฮ์ บินนูฟิล บินฮาริษ ก็ตบเข้าไปที่ใบหน้าของเขาจนทำให้เขาล้มฟุบลงกับพื้น และนำตัวเขาไปยังท่านอิมามฮะซัน (อ.) (3)
ขอสาบานต่อพระผู้อภิบาลแห่งกะอ์บะฮ์ ฉันประสบความสำเร็จแล้ว
เจ้าของหนังสือ “อัลอิมามมะฮ์ วัซซิยาซะฮ์” ได้เขียนโดยอ้างรายงานจากมะดาอินีว่า : วันที่พวกเขาตกลงสัญญากันไว้ได้มาถึง ศัตรูของอัลลอฮ์ผู้นั้น (อิบนุมุลญัม) ได้ออกมาและนั่งซุ่มรอท่านอิมามอะลี (อ.) ในช่วงเวลาที่ท่านจะออกมาเพื่อทำนมาซซุบฮิ์ในเช้าตรู่ของวันศุกร์ ซึ่งเหลืออีกสิบคืนก่อนจะสิ้นสุดเดือนรอมฎอน ของปีฮิจเราะฮ์ศักราชที่ 40 เมื่อท่านออกมาเพื่อที่จะทำนมาซ เขาได้กระโจนเข้าไปยังท่าน พร้อมกับกล่าวว่า “อำนาจการปกครองเป็นของอัลลอฮ์ ไม่ใช่เป็นของท่าน โอ้อะลี!” และเขาได้ฟันลงบนศีรษะของท่านด้วยดาบ ท่านอิมามอะลี (อ.) ได้กล่าวว่า « فُزتُ ورَبِّ الكَعبَةِ» “ขอสาบานต่อพระผู้อภิบาลแห่งกะอ์บะฮ์ ฉันประสบความสำเร็จแล้ว” (7)
ตัวอย่างของคำรายงานที่กล่าวว่าการฟันดังกล่าวเกิดขึ้นในระหว่างการทำนมาซ
มีรายงานจากท่านอิมามซัจญาด (อ.) ซึ่งท่านกล่าวว่า : ในขณะที่อิบนุมุลญัม ผู้ถูกสาปแช่งได้ฟันท่านอมีรุ้ลมุอ์มินีน อะลี บินอะบีฏอลิบ (อ.) นั้น ในช่วงเวลานั้นเองมีบุคคลอีกคนหนึ่งซึ่งอยู่ร่วมกับเขาด้วย โดยที่การฟันของเขา (ผู้ที่อยู่ร่วมด้วย) นั้นพลาดไปโดนฝาผนัง อิบนิมุลญัมจึงได้ฟัน และเขาได้ฟันลงบนศีรษะของท่านในขณะที่ท่านกำลังซุหญูด ในบริเวณเดียวกันกับที่เคยถูกฟันมาแล้วก่อนหน้านี้
وأمَّا ابنُ مُلجَمٍ فَضَرَبَهُ فَوَقَعَتِ الضَّربَةُ وهُوَ ساجِدٌ عَلى رَأسِهِ عَلَى الضَّربَةِ الَّتی كانَت
“ส่วนอิบนุมุลญัมนั้นก็ได้ฟันท่าน โดยที่การฟันดังกล่าวนั้นเกิดขึ้นในขณะที่ท่านกำลังซุหญูด บนบริเวณที่ท่านเคยถูกฟันมาแล้วก่อนหน้านั้น” (4)
ผู้ที่เชื่อมั่นว่าท่านอิมามอะลี (อ.) ถูกฟันด้วยดาบของอิบนุมุลญัมผู้ถูกสาปแช่งในขณะที่ท่านกำลังทำนมาซ ในที่นี้มีทัศนะต่าง ๆ ที่ถกเถียงกัน นั่นก็คือ ท่านอิมามอะลี (อ.) ได้มอบหมายให้ผู้ใดนำนมาซแทนท่านจนกระทั่งเสร็จสิ้นหรือไม่? นักรายงานส่วนใหญ่เชื่อว่าท่านอิมามอะลี (อ.) ได้มอบหมายให้ญุอ์ดะฮ์ บินฮุบัยเราะฮ์ ทำหน้าที่แทนท่าน และนำนมาซประชาชนจนเสร็จสิ้น ในหนังสือ “มักตัลอะมีริ้ลมุอ์มินีน” ซึ่งอ้างรายงานมาจากอุมัร บินอับดิรเราะห์มาน โดยกล่าวว่า : เมื่ออิบนุมุลญัมฟันท่านอิมามอะลี (อ.) ในขณะนมาซแล้ว ท่านได้ถอยออกมาด้านหลัง และท่านได้แตะไปที่หลังของญุอ์ดะฮ์ บินฮุบัยเราะฮ์ เพื่อให้เขาก้าวขึ้นไปข้างหน้าและทำหน้าที่นำนมาซแก่ประชาชน (5)
ภายหลังจากการถูกฟัน
อัลลามะฮ์มัจญ์ลิซี (ร.ฮ.) ได้อ้างรายงานจาก ลูฏ บินยะห์ยา และเขาได้อ้างร้ายงานนี้มาจากบรรดาอาจารย์ของเขาโดยกล่าวว่า : เมื่อท่านอิมาม (อ.) รู้ตัวว่าถูกฟัน ท่านไม่ได้ร้องแต่อย่างใด ท่านอดทนและมอบการคิดบัญชีและผลรางวัลของท่านไว้ ณ พระผู้เป็นเจ้า ท่านได้ฟุบหน้าลงกับพื้นในสภาพที่ไม่มีผู้ใดอยู่กับท่านเลย และท่านได้กล่าวว่า :
بِسم اللّه وباللّهِ وَعلى ملّةِ رسولِ اللّه
“ด้วยพระนามของอัลลอฮ์ และด้วยการอนุมัติของอัลลอฮ์ และบนศาสนาของท่านศาสดามุฮัมมัด”
เมื่อได้ยินเสียงพร่ำภาวนาดังกล่าว ทุกคนที่อยู่ในมัสยิดต่างกระวีกระวาดมายังท่าน ทุกคนต่างหันมองไปรอบ ๆ ตัวเอง จากความรุนแรงและความตื่นตระหนกต่อโศกนาฏกรรมที่เกิดขึ้น พวกเขาไม่รู้ว่าจะไปทางไหน ประชาชนได้มารายล้อมอยู่รอบท่านอิมามอะลี (อ.) ในสภาพที่ท่านปิดศีรษะของท่านไว้ด้วยผ้า เลือดที่ไหลอาบใบหน้าและเคราของท่าน ในสภาพที่เคราของท่านถูกย้อมสีไปด้วยเลือดจากศีรษะของท่านนั้น ท่านได้กล่าวว่า “นี่คือสิ่งที่อัลลอฮ์และศาสนทูตของพระองค์ได้ให้สัญญาไว้ อัลลอฮ์และศาสนทูตของพระองค์ได้กล่าวไว้สมจริงแล้ว”
ประชาชนต่างเข้ามาในมัสยิดญาเมี๊ยะอ์ของเมืองกะฮ์ พวกเขาเห็นท่านอิมามฮะซัน (อ.) อยู่ในสภาพที่ศีรษะของบิดาของท่านวางอยู่บนตักของท่าน ท่านได้เช็ดเลือดและพันแผลบริเวณที่ถูกฟัน แต่เลือดก็ยังคงไหลออกมาจากบริเวณดังกล่าว ใบหน้าของท่านก็ค่อย ๆ ซีดเผือดแทบจะกลายเป็นสีเหลือง ท่านชำเลืองสายตาขึ้นสู่ฟากฟ้า และปากของท่านได้กล่าวสดุดีพระมหาบริสุทธิคุณของอัลลอฮ์และเอกานุภาพของพระองค์ และกล่าวว่า “ข้าพระองค์ขอวิงวอนต่อพระองค์ โอ้อัลลอฮ์ผู้ทรงสูงส่ง”
ท่านอิมามฮะซัน (อ.) วางศีรษะของท่านอิมามอะลี (อ.) ลงบนตัก เมื่อพบว่าท่านอิมามอะลี (อ.) หมดสติไป ในช่วงเวลานั้นเองท่านร่ำให้อย่างรุนแรงและเริ่มจูบไปที่ใบหน้าและระหว่างดวงตา และบริเวณร่องรอยของการซุหญูดของท่าน หยาดน้ำตาจากดวงตาทั้งสองของท่านหยดลงไปถูกใบหน้าของท่านอะมีรุ้ลมุอ์มินีน (อ.) ท่านจึงลืมตาขึ้น และพบว่าท่านอิมามฮะซัน (อ.) กำลังร่ำไห้ ท่านจึงกล่าวว่า “ลูกรักของพ่อ! เจ้าร้องไห้ทำไม โอ้ลูกรักของพ่อ! จากวันนี้เป็นต้นไปเจ้าไม่ต้องกังวลต่อพ่อของเจ้าอีก ขณะนี้ท่านมุฮัมมัดมุสฏอฟา ตาของเจ้า และนี่ก็ท่านหญิงค่อดีญะฮ์ ฟาฏิมะฮ์และบรรดาฮูรุ้ลอัยน์ (นางสวรรค์) ซึ่งทั้งหมดเหล่านี้ได้ล้อมรอบตัวพ่ออยู่ และพวกเขากำลังรอคอยพ่ออยู่ เจ้าจงสบายใจและปีติยินดีเถิด! จงหยุดร้องไห้เถิด ซึ่งมันจะทำให้เสียงร้องให้คร่ำครวญของมวลมะลาอิกะฮ์ (ทวยเทพ) ดังขึ้นไปถึงฟากฟ้า ลูกรักของพ่อ! เจ้าไม่อาจอดทนต่อสิ่งที่เกิดขึ้นกับพ่อได้เลยหรือ ในขณะที่ในวันพรุ่งนี้ (ในเวลาอีกไม่นานนัก) ภายหลังจากพ่อ เจ้าเองก็จะต้องถูกฆ่าด้วยการถูกวางยาพิษอย่างอธรรม และน้องชายของเจ้า (อิมามฮุเซน) ก็จะถูกฆ่าด้วยดาบเช่นเดียวกันนี้ และเจ้าทั้งสองก็จะตามคุณตา พ่อและแม่ของเจ้าทั้งสองไป” (6)
เชิงอรรถ :
(1) บิฮารุ้ลอันวาร, เล่มที่ 42, หน้าที่ 275 ; ท่านอัลลามะฮ์มัจญ์ลิซี (ร.ฮ.) ในช่วงเริ่มต้นของการอ้างคำรายงานนี้ ท่านเขียนว่า “ในหนังสืออ้างอิงเก่าแก่หลายเล่ม เราได้เห็นคำรายงานบทหนึ่งที่เกี่ยวกับการเป็นชะฮีดของท่าน และเราได้อ้างอิงส่วนหนึ่งโดยสังเขปตามความเหมาะสมกับหนังสือของเรา” และข้อเขียนนี้คือส่วนหนึ่งจากคำรายงานของท่านอัลลามะฮ์มัจญ์ลิซี (ร.ฮ.)
(2) ชะบีบ บินบัจญ์เราะฮ์และวัรดาน บินมุญาละฮ์ คือผู้ร่วมงานสองคนของอิบนุมุลญัม ซึ่งพวกเขาตัดสินใจซุ่มเฝ้ารออยู่ที่มัสยิดกูฟะฮ์ ทันทีที่ท่านอิมามอะลี (อ.) มาถึงมัสยิดเพื่อทำการนมาซ พวกเขาก็จู่โจมเข้าไปยังท่านอย่างไม่เป็นเป็นสุภาพบุรุษ และสังหารท่านด้วยดาบจนเป็นชะฮีด พิจารณาดูจากหนังสืออัลอิรชาด, เล่มที่ 1, หน้าที่ 17, และตารีคอัฏฏ๊อบรี, เล่มที่ 5, หน้าที่ 143
(3) มุรูญุซซะฮับ, เล่มที่ 2 หน้าที่ 424 ; อัฏฏอบะกอตุ้ลกุบรอ, เล่มที่ 3, หน้าที่ 36–37 ; อันซาบุลอัชร๊อฟ เล่มที่ 3, หน้าที่ 253 ; อัลกามิล ฟิตตารีค, เล่มที่ 2, หน้าที่ 435 ; อุซุดุลฆอบะฮ์, เล่มที่ 4, หน้าที่ 113
(4) อัลอามาลี, เชคฏูซี, หน้าที่ 365
(5) มักตัลอะมีริลมุอ์มินีน, หน้าที่ 30
(6) บิฮารุ้ลอันวาร, เล่มที่ 42, หน้าที่ 281
(7) อัลอิมามะฮ์ วัซซิยาซะฮ์, เล่มที่ 1, หน้าที่ 180
บทความ : เชคมุฮัมมัดนาอีม ประดับญาติ
Copyright © 2018 SAHIBZAMAN.NET- สื่อเรียนรู้สำหรับอิสระชนคนรุ่นใหม่