ในวิกฤตการณ์ทั้งหมดในช่วง 30 ปีที่ผ่านมา อเมริกาพยายามทำลายแนวรบต่อต้านและทำให้แผน "ตะวันออกกลางของอิสราเอล" เกิดความมั่นคง ตั้งแต่การยึดครองอิรักไปจนถึงแผน "ตะวันออกกลางใหม่" และจากนั้นวิกฤตซีเรียและความขัดแย้งทางชาติพันธุ์ เหตุการณ์ทั้งหมดนี้นำไปสู่การก่อตั้งกองทัพต่อต้านไซออนิสต์ข้ามชาติที่ใหญ่ที่สุดในโลก
มัชริกรายงาน : วาฮิด ญะมีลพูร ( Vahid Yaminpour) นักเคลื่อนไหวด้านสื่อ ตีพิมพ์บันทึกภายใต้หัวข้อ "ใครจะปลดปล่อยอัล-กุดส์" ในช่องของเขาใน Eitaa และเขียนว่า : รอยเตอร์สรุปในรายงานว่า : "อิสราเอลไม่มีแผนที่จะออกจากวิกฤตินี้ พวกเขาต้องการทิ้งระเบิดหลายพันลูกและทำลายทุกสิ่ง...แต่แล้ว?”
เรื่องราวจะเป็นอย่างไร?
ในวิกฤตการณ์ทั้งหมดในช่วง 30 ปีที่ผ่านมา อเมริกาพยายามทำลายแนวรบต่อต้านและทำให้แผน "ตะวันออกกลางของอิสราเอล" เกิดความมั่นคง ตั้งแต่การยึดครองอิรักไปจนถึงแผน "ตะวันออกกลางใหม่" และจากนั้นวิกฤตซีเรียและความขัดแย้งทางชาติพันธุ์ เหตุการณ์ทั้งหมดนี้นำไปสู่การก่อตั้งกองทัพต่อต้านไซออนิสต์ข้ามชาติที่ใหญ่ที่สุดในโลก ในอิรัก ซีเรีย เลบานอน เยเมน ปาเลสไตน์ ฯลฯ เป็นกองทัพหนึ่งอยู่ในละแวกใกล้เคียงของอิสราเอล ห่างจากชายแดนอิหร่านหลายร้อยกิโลเมตร
กลุ่มฮามาส กลุ่มอิสลามิกญิฮาดในฉนวนกาซา และกลุ่มฮิซบุลลอฮ์ของเลบานอนทางตอนเหนือของดินแดนที่ถูกยึดครอง มีกองกำลังพิเศษติดอาวุธมากกว่า 200,000 นาย และกองกำลังกลุ่มฮามาสในฉนวนกาซาไม่ถึง 5% ถูกนำมาใช้ในปฏิบัติการพายุอัล-อักซอ เวลาสำหรับอิสราเอลเมื่อไฟสงครามดับลงก็เหมือนกับความตายที่ค่อยเป็นค่อยไป เนื่องจากสันติภาพและความสงบสุขนั้นหมายถึงการจัดเตรียมกำลังและสิ่งอำนวยความสะดวกด้านการป้องกันในแนวรบของกองกำลังต่อต้านอย่างต่อเนื่อง
กลยุทธ์ของท่านอิมามโคมัยนี (ร.ฮ.) ที่ว่า "หากมุสลิมทุกคนหิ้วน้ำมาหนึ่งถังเทลงบนอิสราเอลพวกเขาก็จะจมน้ำ" ได้ประสบผลสำเร็จแล้ว แทนที่จะวางสาธารณรัฐอิสลามในฐานะตัวแทนของโลกอิสลามในการเผชิญหน้ากับอิสราเอล แต่ท่านอิมามได้ลดค่าใช้จ่ายในการเผชิญหน้ากับอิสราเอลโดยเปรียบเปรยกับถังน้ำใบเดียวเพื่อให้ชาวมุสลิมมีบทบาทในการต่อสู้ครั้งนี้ ประเทศอิสลามที่ต่อต้านอิสราเอลและไม่ใช่แค่ประเทศเดียวหรือหลายประเทศ ตลอดหลายปีที่ผ่านมา สาธารณรัฐอิสลามพยายามที่จะให้ปาเลสไตน์เป็นสิ่งที่สำคัญที่สุดอันดับแรกของโลกอิสลาม และเป็นตัวแยกแยะระหว่างแนวรบของฝ่ายสัจธรรมกับฝ่ายมาร
อิสราเอลรู้ดีว่าสงครามครั้งสุดท้ายกับอิหร่านนั้นแทบจะอยู่นอกขอบข่ายของความเป็นไปได้ที่เร่งด่วน กองกำลังที่ไม่ใช่ของอิหร่านหลายแสนคนอยู่ในสนามในนามตัวแทนของแนวรบของฝ่ายต่อต้าน ปาเลสไตน์จะได้รับการปลดปล่อยโดยชาวปาเลสไตน์ เหมือนดั่งที่เลบานอนได้รับการปลดปล่อยโดยชาวเลบานอน สิ่งที่การปฏิวัติอิสลามได้กระทำคือการสนับสนุนที่เพิ่มความแข็งแกร่งทางจิตวิญญาณและทางวัตถุของแนวรบฝ่ายต่อต้าน และบังคับให้อิสราเอลเลือกระหว่างทางเลือกที่เลวร้ายสองทาง ได้แก่ การเลือกสันติภาพและการหยุดยิง ซึ่งนำไปสู่การเพิ่มความแข็งแกร่งอย่างต่อเนื่องของแนวรบและการปิดล้อมอิสราเอลอย่างแน่นหนา และการเลือกทำสงครามซึ่งก็จะสร้างฉันทามติระดับโลกในการต่อต้านอิสราเอลเพื่อให้เกิดความชอบธรรมในการใช้ประโยชน์จากความขัดแย้งในระดับสูงสุดสำหรับฝ่ายต่อต้าน และยังเพิ่มความตึงเครียดร้ายแรงภายในดินแดนที่ถูกยึดครอง ถึงขั้นพังทลายลงอย่างกระทันหัน เป็นทางเลือกระหว่างการตายอย่างค่อยเป็นค่อยไปและการตายอย่างฉับพลัน
ปฏิบัติการพายุอัลอักซอได้นำอิสราเอลเข้าสู่ระยะสุดท้ายของชีวิต
ในขณะที่ ยุทธการ "พายุอัลอัก-ซอ" แสดงให้เห็นว่า การปิดล้อมได้เสร็จสมบูรณ์แล้ว
ลวดหนาม กำแพงสูง เซ็นเซอร์ความร้อน กล้องวงจรปิด ฯลฯ จำนวนมากไม่สามารถปกป้องรัฐไซออนิสต์ได้ ในทางกลับกัน มันแสดงให้เห็นถึงความเพียงพอของชาวปาเลสไตน์ในการยุติโครงการของอเมริกาสำหรับอิสราเอล
“อิสราเอลไม่มีแผนที่จะออกจากวิกฤตินี้ พวกเขาต้องการทิ้งระเบิดหลายพันลูกและทำลายทุกสิ่ง...แต่แล้วจะเป็นอย่างไร?” แต่แล้วก็เหมือนแมงป่องถูกไฟคลอก มันก็กัดและฆ่าตัวมันเอง
ที่มา : มัชริก
Copyright © 2023 SAHIBZAMAN.NET- สื่อเรียนรู้สำหรับอิสระชนคนรุ่นใหม่