คำตอบต่อภาพลวงตาของเนทันยาฮู ความพินาศของอิสราเอลคือสัญญาที่แน่นอนของพระเจ้า
คำตอบต่อภาพลวงตาของเนทันยาฮู ความพินาศของอิสราเอลคือสัญญาที่แน่นอนของพระเจ้า

นายกรัฐมนตรีของระบอบการปกครองที่ยึดครองอัลกุดส์ กล่าวในถ้อยแถลงของตน โดยอ้างสัมพันธ์อาชญากรรมต่าง ๆ ที่เขากำลังกระทำไปยังคำสอนของคัมภีร์ทัลมูดของตน โดยไม่สนใจข้อเท็จจริงที่ว่า พระเจ้าทรงสัญญาไว้อย่างชัดเจนในอัลกุรอานเกี่ยวกับการทำลายล้างอิสราเอล ความคิดแบบเนทันยาฮูมีรากฐานมาจากความโง่เขลาของบรรพบุรุษของพวกเขา ที่ดื้อด้านและก่อการละเมิดอยู่เสมอ

    เนทันยาฮู นายกรัฐมนตรีของระบอบการปกครองที่สังหารเด็กของอิสราเอล กล่าวด้วยถ้อยคำที่เพ้อเจ้อ ซึ่งมีรากฐานมาจากความเชื่อของชาวทัลมูดิก โดยที่เขากล่าวว่า : "ผมจะไล่ล่าบรรดาศัตรูของผมและทำลายพวกเขาดังที่ถูกเขียนไว้ในโตราห์ เมื่อผมสั่งให้ลอบสังหารฮะซัน นัศรุลลอฮ์ เราทุกคนรู้ว่า คนทั้งชาติอยู่เบื้องหลังการตัดสินใจนี้... การเปลี่ยนแปลงดุลอำนาจจะนำไปสู่ความเป็นไปได้ในการสร้างสนธิสัญญาใหม่ในภูมิภาค เพราะอิสราเอลกำลังจะเป็นผู้ชนะ”

    ดูเหมือนว่าภาพลวงตาของเนทันยาฮูนี้มีบันทึกไว้ในหนังสือของนาฮูม ซึ่งเป็นหนังสือเล่มที่เจ็ดของผู้เผยพระวจนะทั้งสิบสองคน ในพันธสัญญาเดิม ในบางหมวดของหนังสือเล่มนี้เขียนไว้ว่า :

"1. คำพยากรณ์เกี่ยวกับกรุงนีนะเวห์ หนังสือแห่งนิมิตของนาฮูมชาวเอลโขช พระพิโรธต่อนีนะเวห์

2. องค์พระผู้เป็นเจ้าทรงเป็นพระเจ้าผู้หึงหวงและทำการแก้แค้น

องค์พระผู้เป็นเจ้าทรงแก้แค้นและเต็มไปด้วยพระพิโรธ

องค์พระผู้เป็นเจ้าทรงแก้แค้นเหล่าปฏิปักษ์ของพระองค์

และยังทรงพระพิโรธต่อศัตรูของพระองค์

3. องค์พระผู้เป็นเจ้าทรงกริ้วช้าและทรงฤทธานุภาพยิ่งใหญ่

องค์พระผู้เป็นเจ้าจะไม่ทรงปล่อยให้คนผิดลอยนวลพ้นโทษ

ทางของพระองค์อยู่ในพายุหมุนและในลมพายุ

เมฆคือธุลีจากพระบาทของพระองค์

4. พระองค์ตรัสกำราบทะเลและทรงทำให้มันเหือดแห้ง

ทรงทำให้แม่น้ำทุกสายแห้งไป

บาชานกับคารเมลก็เหี่ยวเฉา

และหมู่ดอกไม้ผลิบานของเลบานอนก็ร่วงโรย

5. ภูเขาสะเทือนเลื่อนลั่นต่อหน้าพระองค์

และเนินเขาต่างๆ หลอมละลาย

เมื่อพระองค์ทรงปรากฏ แผ่นดินโลกก็สั่นสะท้าน

คือโลกและทุกคนที่อยู่ในโลก

6. ใครเล่าสามารถต้านทานความกริ้วของพระองค์ได้?

ใครเล่าสามารถทนต่อพระพิโรธอันรุนแรงของพระองค์ได้?

พระองค์ทรงระบายพระพิโรธลงมาเหมือนไฟ

แล้วศิลาก็แหลกละเอียดต่อหน้าพระองค์

7. องค์พระผู้เป็นเจ้าประเสริฐ

ทรงเป็นที่ลี้ภัยในยามยากลำบาก

ทรงห่วงใยบรรดาผู้วางใจในพระองค์

8. แต่ด้วยกระแสน้ำท่วมท้น

พระองค์จะทรงทำให้นีนะเวห์สูญสิ้นไป

พระองค์จะทรงรุกไล่เหล่าศัตรูเข้าสู่ความมืด" (1)

    ดังที่เห็นได้ชัดในโองการต่าง ๆ ที่ถูกบิดเบี้ยวเหล่านี้ พระเจ้าที่สร้างขึ้นเองของพวกเขาเป็นพระเจ้าที่ทรงพระพิโรธและไร้ความปราณี ผู้ซึ่งไม่แสดงความเมตตาต่อเด็กหรือผู้ใหญ่และประหารทุกคนด้วยดาบ บรรดาชาวยิวเองก็ถือว่าตนเองเป็นบุตรของพระเจ้า ผู้รับใช้ของพระเจ้าและผู้ดำเนินการตามคำสั่งของพระองค์ เมื่อใดก็ตามที่พวกเขาต้องการ พวกเขาก็จะโจมตีดินแดนหนึ่งอย่างโหดร้าย พวกเขาจะใช้ข้อเขียนเหล่านี้เป็นข้อแก้ตัวและเป็นข้ออ้างสำหรับการกระทำของตน และด้วยวิธีนี้ พวกเขาถือว่าเป็นการอนุญาตให้ทำร้ายชีวิตและทรัพย์สินของผู้ที่ไม่ใช่ชาวยิว หลายครั้งที่พระเจ้าทรงตั้งคำถามและท้าทายภาพลวงตาของชาวยิวเหล่านี้ ตัวอย่างเช่น ในโองการที่ 18 ของอัลกุรอานบท (ซูเราะฮ์) อัลมาอิดะฮ์ ได้กล่าวว่า :

وَ قَالَتِ الْیَهُودُ وَالنَّصَارَىٰ نَحْنُ أَبْنَاءُ اللَّهِ وَأَحِبَّاؤُهُ ۚ قُلْ فَلِمَ‌یُعَذِّبُکُمْ بِذُنُوبِکُمْ ۖ بَلْ أَنْتُمْ بَشَرٌ مِمَّنْ خَلَقَ

 "และบรรดาชาวยิว และชาวคริสต์ได้กล่าวว่า พวกเราคือบุตรของอัลลอฮ์ และเป็นที่รักของพระองค์ จงกล่าวเถิด (มุฮัดมัด หากเป็นจริงอย่างที่พวกท่านพูด) แล้วไฉนเล่าพระองค์จึงทรงลงโทษพวกท่าน เนื่องด้วยความผิดทั้งหลายของพวกท่าน มิใช่เช่นนั้นหรอก พวกท่านเป็นสามัญชนในหมู่ผู้ที่พระองค์ทรงบังเกิดมาต่างหาก”

    การหลับฝันทางประวัติศาสตร์ของเนทันยาฮูแสดงให้เห็นว่า พวกเขาก่ออาชญากรรมอันป่าเถื่อนต่าง ๆ เช่นนี้ได้อย่างง่ายดาย และด้วยความไม่ยับยั้งชั่งใจซึ่งมีพื้นฐานมาจากอุดมการณ์จอมปลอมซึ่งกลายเป็นความเชื่อทางศาสนาอย่างลึกซึ้งสำหรับพวกเขา

    มุฮัมหมัด ตะกี ตะกีปูร์ เลขาธิการกลุ่มผู้สนับสนุนการปลดปล่อยอัลกุดส์ กล่าวเกี่ยวกับความเชื่อของชาวยิวไซออนิสต์ว่า : ประเด็นนี้มีความสำคัญเนื่องจากข้อความตอนหนึ่งของคัมภีร์ตัลมูดได้ถือว่า การใช้ชีวิตอยู่ในดินแดนนั้นเป็นความศรัทธา ในตัลมูด ซึ่งเขียนโดยนักวิชาการชาวยิวและเป็นที่รู้จักในนามเอกสารเกี่ยวกับการเหยียดเชื้อชาติของชาวยิว มีการระบุไว้ว่า “ใครก็ตามที่อาศัยอยู่ในดินแดนแห่งพันธสัญญาจะถือว่าเป็นผู้ศรัทธา และใครก็ตามที่อาศัยอยู่ภายนอกนั้น พระเจ้าจะไม่อยู่กับเขา” ในเวลาเดียวกัน ปัญหาหลักประการหนึ่งที่มีอยู่ในศาสนายิวคือ ประเด็นการกำหนดขอบเขตของดินแดนแห่งพันธสัญญา

    เขากล่าวเสริม : แนวคิดหลักที่ครอบคลุมความเชื่อทั้งหมดของพวกเขาคือ "ความเชื่อเกี่ยวกับพระเยซูคริสต์" พวกเขาเชื่อว่า พระเยซู หรือท่านศาสดาอีซา (อ.) ไม่ใช่ศาสดา และพวกเขาปฏิเสธท่าน และตามคำพูดของพวกเขาท่านได้ถูกตรึงไม้กางเขน พวกเขากล่าวอ้างว่า ตามคำสัญญาของบรรดาศาสดาพยากรณ์ของวงศ์วานอิสราเอลและคัมภีร์ของพวกเขา พระเมสสิยาห์จะเสด็จมาปรากฏ

    ในการวิเคราะห์กลยุทธ์ของศัตรูไซออนิสต์ ตะกีปูร์กล่าวว่า : ความขัดแย้งในปัจจุบันในภูมิภาคนี้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในเลบานอน เป็นสถานการณ์ที่สอดคล้องกับยุทธศาสตร์ เมื่ออิสราเอลก่อตั้งขึ้นเมื่อปี ค.ศ. 1948 บรรดานักยุทธศาสตร์ชาวยิวได้นั่งประชุมกันและกล่าวว่า “ยุทธศาสตร์การตั้งถิ่นฐานของชาวยิวจากทั่วโลกและการสถาปนารัฐยิวจบลงแล้ว ตอนนี้ ควรจะเป็นขั้นตอนอะไร? “รอบข้าง” (peripheral) หมายถึง รอบข้างของเราจะต้องปลอดภัยเพื่อที่จะรักษาสถานะของเราให้มั่นคง”

    ดังนั้น การจินตนาการต่าง ๆ ของคนแบบเนทันยาฮูจึงวางพื้นฐานอยู่บนมุมมองแห่งอารยธรรม ซึ่งเป็นมุมมองที่พวกเขาคิดว่าจะทำให้ชาวยิวเป็นผู้ปกครองโลก ความเชื่อโบราณนี้มีรากฐานมาจากความโง่เขลาของพวกเขาและบรรพบุรุษที่ถูกพระเจ้าสาปแช่งครั้งแล้วครั้งเล่า เนื่องมาจากการกบฏ ความอวดดี และความเย่อหยิ่ง เนื่องจากความเย่อหยิ่งและความอวดดีนี้ที่มีมากจนกระทั่งแม้แต่บรรดาศาสดาของพระเจ้าก็ถูกพวกเขาเข่นฆ่าสังหาร จนถึงขั้นที่พวกเขาพยายามลอบสังหารพระเยซู หรือศาสดาอีซา (อ.) แม้ว่าพระเจ้าจะเน้นย้ำในอัลกุรอานว่า การลอบสังหารครั้งนี้ล้มเหลวด้วยกับแผนการของพระเจ้า พระผู้เป็นเจ้าทรงตรัสเกี่ยวกับการสังหารปวงศาสดาโดยชาวยิวไว้ในโองการที่ 112 ของอัลกุรอานบท (ซูเราะฮ์) อาลิอิมรอนว่า :

ضُرِبَت عَلَیهِمُ الذِّلَّةُ أَینَ ما ثُقِفوا إِلّا بِحَبلٍ مِنَ اللَّهِ وَحَبلٍ مِنَ النّاسِ وَباءوا بِغَضَبٍ مِنَ اللَّهِ وَضُرِبَت عَلَیهِمُ المَسکَنَةُ ۚذٰلِکَ بِأَنَّهُم کانوا یَکفُرونَ بِآیاتِ اللَّهِ وَیَقتُلونَ الأَنبِیاءَ بِغَیرِحَقٍّ ۚ ذٰلِکَ بِما عَصَوا وَکانوا یَعتَدونَ

“ความอัปยศอดสูได้ถูกฟาดลงบนพวกเขา ณ ที่ใดก็ตามที่พวกเขาถูกพบ นอกจากด้วยสายเชือกจากอัลลอฮ์ และสายเชือกจากมนุษย์ และพวกเขาจะนำความกริ้วโกรธจากอัลลอฮ์กลับไป และความขัดสนก็จะถูกฟาดลงบนพวกเขา นั่นก็เพราะว่าพวกเขาเคยปฏิเสธบรรดาโองการของอัลลอฮ์ และฆ่าบรรดาศาสดาโดยปราศจากความเป็นธรรม นั่นก็เนื่องจากการที่พวกเขาดื้อดึง และเคยทำการละเมิดอยู่เสมอ"

    แต่ตรงกันข้ามกับภาพลวงตาของนายกรัฐมนตรีอิสราเอล พระผู้เป็นเจ้าทรงสัญญาว่า จะทำลายล้างและปราบปรามพวกเขาในสองขั้นตอน และทรงตรัสว่า :

فَإِذا جاءَ وَعْدُ أُولاهُما بَعَثْنا عَلَیْکُمْ عِباداً لَنا أُولِی‌بَأْسٍ شَدِیدٍ فَجاسُوا خِلالَ‏ الدِّیارِ وَ کانَ وَعْداً مَفْعُولاً

"ดังนั้น เมื่อสัญญาหนึ่งในสองครั้งมาถึง เราจะส่งบรรดาบ่าวของเราผู้มีอำนาจเข้มแข็งมายังพวกเจ้า แล้วพวกเขาจะบุกเข้าค้นตามบ้านเรือน (เพื่อค้นหาตัวและบดขยี้พวกเจ้า) และมันเป็นสัญญาที่จะต้องเกิดขึ้น"

(อัลกุรอานบท (ซูเราะฮ์) อัลอิสรออ์ / โองการที่ 5)

     และในโองการอื่น ๆ ของอัลกุรอาน พรงองค์ได้ทรงแนะนำบรรดาผู้มีคุณธรรม (ซอลิฮีน) ไว้ในฐานะผู้สืบทอดมรดกหลักของโลก และภายใต้การนำของผู้นำแห่งยุค คือ ท่านอิมามมะฮ์ดี (อ.) พวกเขาจะขจัดการปฏิเสธศรัทธา ความอธรรมและการกดขี่ออกไป และส่งคืนอำนาจการปกครองอันชอบธรรมให้กับเจ้าของที่แท้จริงของมัน


เชิงอรรถ :

(1). https://www.biblegateway.com/passage/?search=%E0%B8%99%E0%B8%B2%E0%B8%AE%E0%B8%B9%E0%B8%A1%201&version=TNCV


แปลและเรียบเรียง : เชคมุฮัมมัดนาอีม ประดับญาติ

Copyright © 2024 SAHIBZAMAN.NET- สื่อเรียนรู้สำหรับอิสระชนคนรุ่นใหม่

ผู้เยี่ยมชมอยู่ขณะนี้

มี 310 ผู้มาเยือน และ ไม่มีสมาชิกออนไลน์ ออนไลน์

27997421
Today
Yesterday
This Week
Last Week
This Month
Last Month
All days
541
13875
50174
27856861
187372
263086
27997421

พฤ 18 ธ.ค. 2025 :: 00:55:13