เหตุใด 7 ตุลาคม จึงเป็นจุดเริ่มต้น ของการสิ้นสุดของอิสราเอล?
เหตุใด 7 ตุลาคม จึงเป็นจุดเริ่มต้น ของการสิ้นสุดของอิสราเอล?

อิสราเอล จากดินแดนที่ถูกกล่าวขานว่าเป็นสถานที่ที่ปลอดภัยและสวยงามสำหรับชาวไซออนิสต์เนื่องจากมีกองทัพที่แข็งแกร่งที่สุดในตะวันออกกลาง หลังจากวันที่ 7 ตุลาคม (2023) อิสราเอลกลายเป็นดินแดนที่ไม่ใช่ที่อยู่อาศัยอีกต่อไป

    ตามรายงานของ Isna โดยอ้างจาก Fars เมื่อหนึ่งปีที่แล้วใน วันที่ 7 ตุลาคม ปฏิบัติการพายุอัลอักซอ ดำเนินการโดยกองกำลังประชาชนของกลุ่มฮามาสเพื่อต่อสู้กับผู้ยึดครองไซออนิสต์ นักวิเคราะห์ความมั่นคงมองว่า วันที่ 7 ตุลาคมเป็นวันแห่งความพ่ายแพ้ของอิสราเอล ความพ่ายแพ้ที่ไม่สามารถชดเชยได้อีกต่อไป แต่ทำไมถึงเป็นเช่นนั้น?

กาซา สถานที่ที่ปลอดภัยที่สุดในโลก

     ฉนวนกาซามีพื้นที่ 363 ตารางกิโลเมตร แปลว่า ครึ่งหนึ่งของเมืองเตหะราน กาซาถูกสกัดกั้นจากทางเหนือและตะวันออกโดยกองทัพอิสราเอล และทางทิศใต้โดยกองทัพอียิปต์ ทางตะวันตกของฉนวนกาซาคือทะเลเมดิเตอร์เรเนียน ซึ่งกองเรือของระบอบไซออนิสต์ประจำการอยู่ กำแพงรักษาความปลอดภัยมูลค่า 1 พันล้านดอลลาร์ถูกสร้างขึ้นรอบ ๆ ฉนวนกาซา ซึ่งเป็นโครงการที่ซับซ้อนที่สุดของสถาบันทหารของอิสราเอล โครงสร้างนี้ประกอบด้วยผนังใต้ดินที่มีเซ็นเซอร์ รั้วสูงเหนือพื้นดิน 6 เมตร และแผงกั้นน้ำทะเลพร้อมอุปกรณ์ตรวจสอบ รั้วสูง 6 เมตรถูกสร้างขึ้นเหนือพื้นดิน ซึ่งเชื่อมต่อกับระบบอาวุธควบคุมระยะไกล มีหอสังเกตการณ์อยู่หลังรั้วนี้ด้วย

ความล้มเหลวด้านข่าวกรองของอิสราเอลเมื่อวันที่ 7 ตุลาคม

    นอกจากสถานการณ์ด้านความมั่นคงที่ซับซ้อนในฉนวนกาซาแล้ว ระบอบไซออนิสต์ยังใช้ระบบข้อมูลและระบบรักษาความปลอดภัยที่ซับซ้อนมาก ซึ่งคำอธิบายที่สมบูรณ์เกี่ยวกับมันจำเป็นต้องเขียนเป็นบทความ มอสสาดเป็นเพียงหนึ่งในสถาบันเหล่านี้ หน่วย 8200 ของอิสราเอลเป็นหน่วยที่เนทันยาฮูเปรียบเทียบมันกับ NSA  สำนักงานความมั่นคงแห่งชาติ (NSA) เป็นหนึ่งในหน่วยงานข่าวกรองที่ทันสมัยที่สุดในโลก

    กองกำลังประชาชนของฮามาสสามารถออกแบบและประสานงานปฏิบัติการพายุในอัล-อักซอภายใต้สถานการณ์ดังกล่าวได้ โดยที่ระบบข่าวกรองของอิสราเอลไม่ได้ล่วงรู้ใด ๆ เกี่ยวกับมัน นอกจากการออกแบบแล้ว พายุอัลอักซอยังประสบความสำเร็จในการดำเนินการอย่างไม่มีใครเหมือนอีกด้วย กองกำลังประชาชนของฮามาสสามารถเจาะเข้าไปในดินแดนที่ถูกยึดครองได้ด้วยอาวุธเบาเพียงไม่กี่ชิ้น สังหารไซออนิสต์ไปจำนวนหนึ่งและจับกุมบางส่วนได้ นี่เป็นเรื่องที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อนในประวัติศาสตร์ของอิสราเอล

    ยาอีร์ ลาปิด อดีตนายกรัฐมนตรีของระบอบไซออนิสต์กล่าวว่า : "วันที่ 7 ตุลาคมเป็นวันที่เลวร้ายที่สุดที่ชาวยิวต้องเผชิญนับตั้งแต่การฆ่าล้างเผ่าพันธุ์" ผมนั่งอยู่ในห้องใต้ดินของบ้านของผม จรวดกำลังระเบิดอยู่ข้างนอก

    ท่านอายะตุลลอฮ์คอเมเนอี ผู้นำสูงสุดของการปฏิวัติ ได้กล่าวในการแสดงปฏิกิริยาต่อปฏิบัติการพายุอัลอักซอว่า : "ในประเด็นของวันที่ 7 ตุลาคมนี้ ระบอบการแย่งชิงไซออนิสต์ได้รับความพ่ายแพ้อย่างไม่สามารถแก้ไขได้ ทั้งในด้านทางการทหารและในด้านข่าวกรอง ทุกคนกล่าวว่าพ่ายแพ้ แต่ข้าพเจ้าของเน้นว่า "ไม่สามารถแก้ไขได้" ข้าพเจ้าขอบอกว่าแผ่นดินไหวครั้งใหญ่นี้ได้ทำลายโครงสร้างการปกครองหลักบางส่วนของระบอบการปกครองที่แย่งชิง ซึ่งไม่สามารถสร้างขึ้นใหม่ได้อย่างง่ายดาย ข้าพเจ้าอยากจะบอกว่าตั้งแต่วันเสาร์ที่  7 ตุลาคม ระบอบไซออนิสต์ไม่ใช่ระบอบไซออนิสต์แบบก่อนอีกต่อไป และการโจมตีที่ได้รับก็ไม่สามารถชดเชยได้อย่างง่ายดายเช่นนี้"

การพลัดถิ่นของไซออนิสต์ตั้งแต่วันที่ 8 ตุลาคม

    นับตั้งแต่วันหลังจากการปฏิบัติการพายุอัลอักซอ นั่นคือ ตั้งแต่วันที่ 8 ตุลาคม กลุ่มฮิซบุลลอฮ์ของเลบานอนเริ่มต่อสู้กับระบอบไซออนิสต์เพื่อสนับสนุนชาวปาเลสไตน์ ตามรายงานของ The Times of Israel : "หลังจากการโจมตีของฮิซบุลลอฮ์และฮามาส ชาวอิสราเอลประมาณ 200,000 คนต้องพลัดถิ่นจากพื้นที่ทางตอนเหนือ (ติดกับเลบานอน) “ตั้งแต่วันที่ 8 ตุลาคม กองกำลังฮิซบุลลอฮ์ได้โจมตีชุมชนอิสราเอลและฐานทัพทหารเกือบทุกวัน”

    Euronews เขียนเกี่ยวกับผู้ลี้ภัยชาวอิสราเอลจากภาคเหนือว่า : "ความหวังในการกลับมาได้เปลี่ยนเป็นความหวังในการอยู่รอด"

การยอมรับของเนทันยาฮูถึงมือที่เหนือกว่าของแนวรบต่อต้าน

    เบนจามิน เนทันยาฮู นายกรัฐมนตรีของระบอบไซออนิสต์ กล่าวหลังจากการลอบสังหารชะฮีดซัยยิด ฮะซัน นัศรุลลอฮ์ว่า : “การสังหารนัศรุลลอฮ์เป็นกุญแจสำคัญในการฟื้นฟูดุลแห่งอำนาจและการนำตัวประกันกลับคืนมา” คำสารภาพของเนทันยาฮูนี้แสดงให้เห็นว่าหลังจากการปฏิบัติการในวันที่ 7 ตุลาคม  2023 ดุลแห่งอำนาจเป็นของแนวรบฝ่ายต่อต้าน และเนทันยาฮูหวังว่าด้วยการลอบสังหารชะฮีดนัศรุลลอฮ์ เขาจะสามารถเปลี่ยนดุลนี้และฟื้นฟูอิสราเอลซึ่งอยู่ใน ตำแหน่งที่อ่อนแอ

ความล้มเหลวของระบบป้องกันภัยของอิสราเอล

    ในขณะเดียวกัน ปฏิบัติการ "สัญญาที่เป็นจริง 2" ได้ถูกดำเนินการโดยอิหร่าน ในการปฏิบัติการนี้ ขีปนาวุธของอิหร่านโจมตีเป้าหมายที่กำหนดด้วยความสำเร็จ 90% อิสราเอลอ้างว่ามีระบบการป้องกันที่ทันสมัยและแม่นยำที่สุดในโลก และด้วยความช่วยเหลือของอเมริกา อิสราเอลจึงกลายเป็นดินแดนที่ไม่อาจเจาะเข้าไปได้ ในช่วงปฏิบัติการของอิหร่าน ระบบการป้องกันหลายชั้นพยายามสกัดกั้นขีปนาวุธ หากเราต้องการที่จะกล่าวเพียงชื่อชั้นเหล่านี้เท่านั้น ก็คือ “ระบบ

    Arrow พิสัยไกล 2 และ 3 สำหรับขีปนาวุธพิสัยไกลประมาณ 2,500 กม. , ระบบ "Dawood's Flakhan" พิสัยกลางสำหรับสกัดกั้นขีปนาวุธที่มีพิสัยกลางสูงถึง 300 กม. , ระบบ "Iron dome" อัจฉริยะพิสัยใกล้ สำหรับการสกัดกั้นจรวดและขีปนาวุธ ระยะ 70 กม., การบินของเครื่องบินรบสกัดกั้น F-35 และ F-15, กองทัพเรืออิสราเอลในทะเลเมดิเตอร์เรเนียนและกองเรืออเมริกาเพื่อการสกัดกั้น"

    นอกจากนี้ กองกำลังอังกฤษและเครื่องบินรบอเมริกันอาจมีบทบาทในการสกัดกั้นขีปนาวุธของอิหร่านด้วย อย่างไรก็ตาม ขีปนาวุธของอิหร่านสามารถทะลุชั้นการป้องกันเหล่านี้และโจมตีเป้าหมายได้อย่างง่ายดาย

    หนังสือพิมพ์เดอะการ์เดียนของอังกฤษกล่าว : “อิสราเอลมีความเปราะบางมากกว่าที่คิด การโจมตีอาจส่งผลร้ายแรงได้หากมุ่งเป้าไปที่เมืองอย่างเทลอาวีฟ หรือเป้าหมายที่มีมูลค่าสูงอื่นๆ เช่น โรงกลั่นน้ำมันใกล้เมืองไฮฟา ข้อเท็จจริงพื้นฐานก็คือ อิหร่านได้พิสูจน์แล้วว่าสามารถโจมตีอิสราเอลได้ด้วยกำลัง”

    เนทันยาฮูซึ่งพยายามดูแคลนการโจมตีของแนวรบต่อต้านอยู่เสมอ กล่าวถึงการปฏิบัติการขีปนาวุธของอิหร่านว่าเป็นการปฏิบัติการขีปนาวุธที่ใหญ่ที่สุดที่ยิงขีปนาวุธหลายร้อยลูกใส่อิสราเอล

ความล้มเหลวของหลักคำสอนทางการทหารของอิสราเอล

     “เบน-กูเรียน” ผู้ก่อตั้งระบอบไซออนิสต์เป็นผู้สร้างหลักคำสอน (Doctrine) ทางการทหารสำหรับอิสราเอลซึ่งมีเสาหลัก 4 ประการ หลักการ 4 ประการนี้ คือ หลักการแรกเกี่ยวข้องกับการป้องปราม ในลักษณะที่อำนาจของอิสราเอลจะต้องไปถึงจุดที่แม้แต่ความคิดที่จะโจมตีระบอบไซออนิสต์ก็จะไม่เกิดขึ้นกับศัตรู อิสราเอลขาดความลึกเชิงยุทธศาสตร์ ด้วยเหตุนี้ การดำเนินการทางยุทธวิธีใดๆ ในดินแดนที่ถูกยึดครองจึงอาจกลายเป็นความล้มเหลวทางยุทธศาสตร์สำหรับอิสราเอลได้ ด้วยเหตุนี้ ตามหลักการที่สอง เพื่อชดเชยช่องว่างนี้ อิสราเอลจะต้องมีข่าวกรองที่เหนือกว่าฝ่ายตรงข้าม หลักการที่สามคือการเคลื่อนย้ายพื้นที่การสู้รบไปยังดินแดนของศัตรู และหลักการที่สี่คือการปกป้องพลเมืองผู้ยึดครองของตนจากการโจมตีทางอากาศ แต่นับตั้งตั้งแต่วันที่ 7 ตุลาคม 2023 จนถึงวันที่ 7 ตุลาคม 2024 หลักการทั้งหมดนี้ถูกละเมิด

มือที่เหนือกว่าของกลุ่มต่อต้านในวันครบรอบ 7 ตุลาคม

    ตรงกับวันครบรอบปีพายุอัลอักซอเมื่อวันที่ 7 ตุลาคม เชื่อกันว่าระบอบการปกครองของไซออนิสต์จะดำเนินการตอบโต้แนวรบต่อต้าน แต่กลับเป็นว่าในวันนี้กองกำลังต่อต้านได้จัดการโจมตีลึกเข้าไปในดินแดนที่ถูกยึดครอง กลุ่มฮิซบุลลอฮ์แห่งเลบานอนได้ทำการโจมตีด้วยขีปนาวุธไปยังเมืองไฮฟา ซึ่งอาจกล่าวได้ว่าเป็นเมืองที่สำคัญที่สุดอันดับสองในอิสราเอล นายกเทศมนตรีเมืองไฮฟากล่าวในการแสดงปฏิกิริยาต่อเรื่องนี้ว่า : "นี่เป็นการโจมตีไฮฟาครั้งแรกของฮิซบุลลอฮ์นับตั้งแต่เริ่มสงคราม ความเสียหายจากการโจมตีนั้นสูงมาก”

    “เอฮุด โอลเมิร์ต” อดีตนายกรัฐมนตรีของระบอบไซออนิสต์กล่าวว่า : “กลุ่มฮิซบุลลอฮ์คงยืนหยัดอย่างมั่นคงและได้ยิงจรวดหลายร้อยลูกใส่อิสราเอลในวันนี้ ผลจากการโจมตีของฮิซบุลลอฮ์ ทำให้ชาวอิสราเอลครึ่งหนึ่งอยู่ในศูนย์พักพิง ผู้อยู่อาศัยในพื้นที่ทางตอนเหนือยังไม่ได้กลับบ้านและจะไม่กลับไป”

    ABC News ของสหรัฐฯ กล่าวในรายงานว่า : "หนึ่งปีหลังจากการโจมตีของกลุ่มฮามาสซึ่งทำให้สังคมอิสราเอลแตกแยก การกลับสู่บ้านเรือนยังคงดูเหมือนเป็นไปไม่ได้"

    หนังสือพิมพ์วอชิงตันโพสต์ก็เขียนเช่นกันว่า : "ดินแดนที่เต็มไปด้วยเลือด : คิบบุตซ์ของอิสราเอล (นิคมของอิสราเอล) ซึ่งวันที่ 7 ตุลาคมจะไม่มีวันสิ้นสุดในมัน"

    โดยรวมแล้ว อิสราเอล จากดินแดนที่ถูกกล่าวขานว่าเป็นสถานที่ที่ปลอดภัยและสวยงามสำหรับชาวไซออนิสต์เนื่องจากมีกองทัพที่แข็งแกร่งที่สุดในตะวันออกกลาง หลังจากวันที่ 7 ตุลาคม (2023) อิสราเอลกลายเป็นดินแดนที่ไม่ใช่ที่อยู่อาศัยอีกต่อไป แม้แต่สำหรับชาวไซออนิสต์หัวรุนแรงก็ตาม

    ผู้นำการปฏิวัติกล่าวในวันที่ 3 กันยายน 2024 ว่า : นักประวัติศาสตร์ชาวอิสราเอลคนหนึ่งกล่าวว่า "โครงการไซออนิสต์กำลังสูดหายใจเฮือกสุดท้าย - นี่คือสิ่งที่นักวิเคราะห์และนักประวัติศาสตร์ของไซออนิสต์พูด - และเราอยู่ในจุดเริ่มต้นของการสิ้นสุดของระบอบการปกครองของไซออนิสต์ กองทัพล้มเหลวในการปกป้องชุมชนชาวยิวทางตอนใต้และทางเหนือของอิสราเอล” ท่านยังได้กล่าวในคำเทศนาในนมาซวันศุกร์ที่จัดขึ้นเมื่อไม่กี่วันก่อนว่า : “การโจมตีทั้งหมดนี้และปฏิบัติการพายุอัลอักซอที่เกิดขึ้นในเวลาใกล้เคียงกันในปีที่แล้ว เป็นการดำเนินกาที่เป็นตรรกะและเป็นไปตามกฎหมายระหว่างประเทศ พายุอัลอักซอและการต่อต้านของฉนวนกาซาและเลบานอนหนึ่งปีได้นำระบอบการปกครองที่แย่งชิงไปสู่สถานการณ์ที่เป็นความกังวลที่สำคัญที่สุด นั่นคือการรักษาการดำรงอยู่ของมัน นั่นคือความกังวลแบบเดียวกับที่ระบอบการปกครองนี้มีในปีแรก ๆ ที่ถือกำเนิด ซึ่งหมายความว่าการต่อสู้ของนักรบชาวปาเลสไตน์และเลบานอนสามารถพลิกระบอบการปกครองของไซออนิสต์ย้อนหลังกลับไปถึงเจ็ดสิบปี"


ที่มา : สำนักข่าว ISNA

Copyright © 2024 SAHIBZAMAN.NET- สื่อเรียนรู้สำหรับอิสระชนคนรุ่นใหม่

ผู้เยี่ยมชมอยู่ขณะนี้

มี 304 ผู้มาเยือน และ ไม่มีสมาชิกออนไลน์ ออนไลน์

26833372
Today
Yesterday
This Week
Last Week
This Month
Last Month
All days
4728
8113
43050
26741995
207994
243345
26833372

พฤ 28 ส.ค. 2025 :: 15:08:59