การเบนเข็มของคณะแสวงบุญคริสเตียน “อิแวนเจลิคอล” จากอียิปต์ไปยังซาอุดิอาระเบีย
การเบนเข็มของคณะแสวงบุญคริสเตียน “อิแวนเจลิคอล” จากอียิปต์ไปยังซาอุดิอาระเบีย

การเดินทาง "แสวงบุญ" ของคริสเตียนผู้เผยแพร่ศาสนา (Evangelist) ไปยังซาอุดีอาระเบีย ซึ่งจัดโดยบริษัทอเมริกัน "Living Passages"  “พวกเขาบอกว่า ภูเขา "ฏูร" ที่แท้จริงนั้นไม่ได้อยู่ในอียิปต์ แต่อยู่ในซาอุดิอาระเบีย ดังนั้นพวกเขาจึงเดินทางไปยังภูเขา "อัล-เลาซ์" (Jabal al-Lawz) ในเมืองตะบูก ประเทศซาอุดิอาระเบีย และประกอบพิธีทางศาสนาที่นั่น...

    การเดินทาง "แสวงบุญ" ของคริสเตียนผู้เผยแพร่ศาสนา (Evangelist) ไปยังซาอุดีอาระเบีย ซึ่งจัดโดยบริษัทอเมริกัน "Living Passages" ได้พบกับความคิดเห็นเยาะเย้ยจากบรรดาหนังสือพิมพ์อเมริกัน หนังสือพิมพ์เหล่านี้กล่าวว่า คริสเตียนผู้เผยแพร่ศาสนาจะเข้ามาแทนที่ชาวมุสลิมในดินแดนแห่งสถานศักดิ์สิทธิ์ทั้งสองแห่งนี้ทีละน้อย

    จุดประสงค์ของการเดินทางเหล่านี้คือเพื่อ "เติมเต็มความปรารถนาของผู้เผยแพร่ศาสนาที่ต้องการเดินทางไปแสวงบุญ" แต่ทริปเหล่านี้กลายเป็นทริปกึ่งถาวรสำหรับผู้เผยแพร่ศาสนาไปสักการะและประกอบพิธีทางศาสนาในทะเลทรายของซาอุดีอาระเบียแล้วบางทีอาจกล่าวได้ว่าเป็นกำลังใจประเภทหนึ่งจากรัฐบาลซาอุดิอาระเบียที่ไม่อนุญาตให้มีการก่อสร้างโบสถ์อีเวนเจลิคัล ในดินแดนแห่งฮะรัมอันศักดิ์สิทธิ์ทั้งสองแห่ง

    ตั้งแต่ปี 2018 นอกจากชาวมุสลิมที่ไปทำฮัจญ์ในประเทศนี้แล้ว ซาอุดีอาระเบียยังเป็นเจ้าภาพต้อนรับผู้แสวงบุญใหม่ที่เรียกว่า "ผู้เผยแพร่ศาสนา" (Evangelist) และตอนนี้ซาอุดีอาระเบียได้กลายเป็นจุดหมายปลายทางถาวรสำหรับชาวคริสต์เหล่านี้

การเดินทาง "แสวงบุญ" ของคริสเตียนผู้เผยแพร่ศาสนา (Evangelist) ไปยังซาอุดีอาระเบีย

คำเตือนที่ร้ายแรง

    ทริปเหล่านี้ได้ถูกกล่าวขานอีกครั้งเมื่อรัฐบาลซาอุดิอาระเบียออกกฎเข้มงวดหลายประการกับชาวมุสลิมในระหว่างการประกอบพิธีฮัจญ์ เช่น ห้ามบรรดาผู้แสวงบุญวิงวอนขออุอาอ์ไม่ให้กลุ่มต่อต้านชาวปาเลสไตน์และชาวฉนวนกาซาได้รับชัยชนะ หรือถือธงปาเลสไตน์ หรือสวมใส่ผ้าพันคอ “จะฟียะฮ์” (ผ้าสัญลักษณ์ของปาเลสไตน์)

    ในขณะที่บรรดาผู้ใช้โซเชียลเน็ตเวิร์กชาวซาอุดีอาระเบีย อย่างเช่น ยูซุฟ อัล เอาซี (Youssef Al-Awsi) ผู้ต่อต้านชาวซาอุดิอาระเบียได้เผยแพร่วิดีโอที่แสดงภาพ โจเอล ริชาร์ดสัน (Joel Richardson) ชาวยิวไซออนิสต์ใน "ญะบัล อัล เลาซ์" (ภูเขา อัล เลาซ์) ในเมืองตาบูก

    อัล เอาซี เขียนบนแพลตฟอร์มทวีต X ว่า : "ในขณะที่ผู้ปกครองซาอุดีอาระเบียได้สั่งห้ามการขอดุอาอ์ให้กับชาวปาเลสไตน์และฉนวนกาซาในมัสยิดทั้งหลายในคาบสมุทรอาหรับ แต่ริชาร์ดสันยืนขึ้นในญะบัล อัล ลูซ และเชื่อว่า พระเมสสิยาห์มาจากกษัตริย์ของซาอุดีอาระเบีย ตระกูลผู้ปกครองของประเทศนี้ จะปกป้องอิสราเอลและชาวยิวทุกคนที่อยู่ภายใต้ธงของอิสราเอล"

    เมื่อพูดถึงปฏิบัติการพายุ อัล อักซอ เขากล่าวต่อว่า : "ริชาร์ดสันตะโกนว่า พระเมสสิยาห์จะเสด็จมากอบกู้โลกจากภัยพิบัติที่เกิดขึ้นกับอิสราเอล"

    อีกบัญชีหนึ่งบนแพลตฟอร์มทวีต X โดยการเผยแพร่เกี่ยวกับ "การแสวงบุญของชาวคริสต์" โดยได้รับอนุมัติอย่างเป็นทางการจาก "มุฮัมมัด บิน ซัลมาน" มกุฎราชกุมารแห่งซาอุดีอาระเบีย ได้เน้นย้ำว่า : "ในช่วงหลายปีที่ผ่านมา นักวิชาการและผู้รู้ศาสนาหลายสิบคนถูกจับกุมและคุมขังในซาอุดีอาระเบีย ความผิดของพวกเขาทั้งหมดคือการประท้วงต่อต้านการทุจริตของตระกูลผู้ปกครองซึ่งพวกเขาถือว่าเป็นการทำสงครามและต่อสู้กับศาสนาอิสลาม”

    ในบัญชี "มิฟตาห์" (กุญแจ) ซึ่งจะถูกแปลเป็นภาษาอื่น ๆ ระบุว่า : "เป็นเวลาหลายปีแล้วที่ Living Passages ได้จัดทริปสำหรับคริสเตียนผู้เผยแพร่ศาสนาไปยังพื้นที่ต่าง ๆ ของซาอุดิอาระเบีย เช่น ญะบัล อัล เลาซ์ และบริเวณโดยรอบ ซึ่ง พวกเขาถือว่าเป็นสถานที่ศักดิ์สิทธิ์”

    บัญชีนี้ในวิดีโอที่แนบมากับทวีตแสดงให้เห็นหนึ่งในคริสเตียนผู้เผยแพร่ศาสนาเหล่านี้ ที่กล่าวว่า : "ทริปนี้จัดขึ้นสำหรับผู้หญิงชาวอิสราเอลโดยเฉพาะและด้วยการประสานงานอย่างเต็มที่ของรัฐบาลซาอุดีอาระเบีย"

การเดินทาง "แสวงบุญ" ของคริสเตียนผู้เผยแพร่ศาสนา (Evangelist) ไปยังซาอุดีอาระเบีย

    การเดินทางทางศาสนาเหล่านี้เรียกว่า "การเดินทางแห่งพระคัมภีร์ไบเบิล" ซึ่งหมายความว่าพวกเขาพยายามติดตามเรื่องเล่าที่บรรยายในคัมภีร์ศักดิ์สิทธิ์ ซึ่งพวกเขากล่าวถึงสถานที่ทางตอนเหนือของซาอุดิอาระเบีย เช่น ญะบัล อัล เลาซ์ และพื้นที่โดยรอบ

    ผู้เผยแพร่ศาสนาเชื่อในพระคัมภีร์โบราณหรือโตราห์ ซึ่งอยู่ในมือของชาวยิว และพวกเขาเชื่อในความจำเป็นของการกลับมาของชาวยิวเพื่อยึดครองปาเลสไตน์เพื่อรอคอยสงคราม "อาร์มาเก็ดดอน" สงครามระหว่างความดี (พวกเขา) และความชั่วร้าย ( มุสลิมและผู้นับถือศาสนาอื่น) และการสิ้นสุดของโลก

    พวกเขากล่าวว่า พวกเขากำลังปฏิบัติตามบทหนึ่งของ "พระคัมภีร์" ที่เกี่ยวข้องกับการอพยพของชาวยิวผ่านการเดินทางไปยังอิสราเอล อียิปต์ ซาอุดีอาระเบีย และจอร์แดน แต่เนื้อแท้อันลึกลับของการเดินทางเหล่านี้และการดำเนินการตามพิธีกรรมตามพระคัมภีร์ในประเทศเหล่านี้ทำให้เกิดข้อเคลือบแคลงสงสัยต่าง ๆ

    ตามรายงานของ New York Times เมื่อวันที่ 24 มิถุนายน 2023 ผู้เผยแพร่ศาสนาเชื่อว่า ภูเขาซีนายที่แท้จริงไม่ได้ตั้งอยู่ในอียิปต์ แต่อยู่ในภูมิภาคญะบัล อัล เลาซ์ ของซาอุดีอาระเบีย

    ด้วยเหตุนี้ พวกเขาจึงไปที่นั่นและตั้งค่ายพักแรม จากนั้นจัดพิธีทางศาสนาเพื่อสักการะ อ่านพระคัมภีร์ (อินญีล) และโตราห์ การเดินทางนี้เริ่มต้นจากอียิปต์ผ่านทะเลแดงและสิ้นสุดที่ญะบัล อัล เลาซ์ ในเมืองตะบูก ประเทศซาอุดีอาระเบีย

    ตั้งแต่ปี 2018 กลุ่มผู้เผยแพร่ศาสนาและชาวยิวได้เดินทางไปยังซาอุดีอาระเบียโดยให้เหตุผลว่า พวกเขากำลังค้นคว้าวิจัยเกี่ยวกับชะตากรรมของชาวบนีอิสรออีล และการที่ชาวยิวออกจากคาบสมุทรอาหรับ และโดยอ้างว่าพวกเขาถูกเนรเทศและถูกขับไล่ออกจากดินแดนนี้ในช่วงเริ่มต้นของศาสนาอิสลามพวกเขาเรียกร้องที่จะกลับไปยัง "ไคเบอร์" (ค็อยบัร) และเมืองอื่นๆ ของซาอุดีอาระเบีย

    พวกเขาเชิญชวนชาวยิวและผู้เผยแพร่ศาสนาให้เยี่ยมชมทะเลทรายและเมืองต่าง ๆ ของซาอุดิอาระเบีย โดยเฉพาะญะบัล อัล เลาซ์ ที่พวกเขาอ้างว่าเป็น "ภูเขาที่พระเจ้าประทานบัญญัติสิบประการแก่โมเสส" และภูเขาซีนายที่แท้จริงอยู่ที่นี่ ไม่ใช่ในอียิปต์

การเดินทาง "แสวงบุญ" ของคริสเตียนผู้เผยแพร่ศาสนา (Evangelist) ไปยังซาอุดีอาระเบีย

    พวกเขาบอกชาวยิวและผู้เผยแพร่ศาสนาว่า : "พวกท่านจงเดินทางไปยังสถานที่ทางประวัติศาสตร์ในดินแดน 'มัดยัน' เพื่อชม 'เมืองต่าง ๆ ของชุอัยบ์' เมืองโบราณที่มีบ้านเรือนและโบสถ์โบราณ สร้างขึ้นใจกลางโขดหินและภูเขา"

    เมืองมัดยัน ตั้งอยู่ในภูมิภาคฮิญาซ ทางตะวันตกของซาอุดีอาระเบีย ซึ่งพวกเขาอ้างว่า : "ภูเขาซีนายที่แท้จริงคือที่ซึ่งพระเจ้าทรงประทานบัญญัติเจ็ดประการแก่โมเสส"

    ในระหว่างการเดินทาง พวกเขาเน้นย้ำกับนักเดินทางว่าอนุสรณ์สถานโบราณและประวัติศาสตร์ในทะเลทรายอาหรับ "เป็นพยานถึงเรื่องราวในพระคัมภีร์ไบเบิล"

การเดินทาง "แสวงบุญ" ของคริสเตียนผู้เผยแพร่ศาสนา (Evangelist) ไปยังซาอุดีอาระเบีย

เรื่องราวของการเดินทาง

    การเดินทางเหล่านี้เริ่มต้นในปี 2018 และเป็นช่วงเวลาพร้อมกับข่าวต่างๆ ที่เกี่ยวกับการพัฒนาความสัมพันธ์ระดับปกติระหว่างอิสราเอลและซาอุดิอาระเบีย  และพร้อมกับการเข้ามาของบรรดาผู้นำผู้เผยแพร่ศาสนาชาวคริสต์ (Evangelist) ที่สนับสนุนอิสราเอลในซาอุดีอาระเบียเพื่อเปิดประตูสำหรับการเดินทางดังกล่าว ในระหว่างการเดินทางเหล่านี้ พวกเขาได้พบกับบิน ซัลมานหลายครั้ง และตอนนี้การเดินทางเหล่านี้ได้กลายเป็นประเพณีและพิธีกรรมถาวรไปแล้ว

    เมื่อรัฐบาลซาอุดีอาระเบียเริ่มออกวีซ่าท่องเที่ยวในปี 2019 และเปิดพรมแดนรับนักท่องเที่ยวต่างชาติ ก็พบว่ามีชาวคริสต์หลั่งไหลเข้ามา โดยเฉพาะผู้เผยแพร่ศาสนาและชาวยิวในอเมริกา

    บรรดาเจ้าหน้าที่ของซาอุดีอาระเบียที่เปิดประตูประเทศต้อนรับนักท่องเที่ยวต่างชาติในรีสอร์ท "NEOM" และชายฝั่งทะเลแดง และจัดงานเทศกาลการท่องเที่ยวตามวิสัยทัศน์ปี 2030 ของบิน ซัลมาน ต่างตกตะลึงต่อการหลั่งไหลเข้ามาของบรรดาผู้เผยแพร่ศาสนา ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของการเดินทางแสวงบุญของชาวคริสต์ไปยังทะเลทรายพื้นที่ต่าง ๆ ของประเทศนี้ และเพื่อสกัดกั้นการประท้วงต่อต้านมาตรการเปลี่ยนแปลงอัตลักษณ์ของซาอุดิอาระเบีย พวกเขาจึงจับกุมนักวิชาการศาสนา นักปฏิรูป และนักเศรษฐศาสตร์ของซาอุดีอาระเบียโดยอ้างว่าเป็นพวกหัวรุนแรง

    บริษัท Living Passages ซึ่งจัดการเดินทางแสวงบุญของกลุ่มผู้เผยแพร่ศาสนาไปยังซาอุดีอาระเบีย ก่อตั้งโดย โจเอล ริชาร์ดสัน (Joel Richardson) ชาวยิวไซออนิสต์ แม้ว่าเขาจะเขียนหนังสือต่อต้านศาสนาอิสลามซึ่งเขาดูหมิ่นความศักดิ์สิทธิ์ของท่านศาสดา (ซ็อลฯ) แต่เขาก็มีใบอนุญาตในการบริการและการอำนวยความสะดวกในการแสวงบุญของผู้เผยแพร่ศาสนาไปยังพื้นที่ต่างๆ ของซาอุดีอาระเบียที่ชาวมุสลิมถือว่าศักดิ์สิทธิ์

    ก่อนหน้านี้ มีการเผยแพร่วิดีโอต่างๆ ของโจเอลที่แสดงให้เห็นว่าเขาอยู่บนภูเขา "ญะบัล อัล ลูซ" หนึ่งในภูเขาในเมืองตะบูก ซึ่งกำลังอธิษฐานขอให้อิสราเอลได้รับชัยชนะในฉนวนกาซาและรักษาระบอบการปกครองนี้ไว้

การเดินทาง "แสวงบุญ" ของคริสเตียนผู้เผยแพร่ศาสนา (Evangelist) ไปยังซาอุดีอาระเบีย

    ค่าใช้จ่ายในการเดินทางทางศาสนาสิบวันจากอเมริกาไปยังซาอุดีอาระเบียคือ 5,000 ดอลลาร์ โดยใช้เวลา 4 วัน ในอียิปต์ และ 5 วัน ในทะเลทรายทางตะวันตกเฉียงเหนือของซาอุดีอาระเบีย

    ตามรายงานของหนังสือพิมพ์อเมริกัน ไกด์ทัวร์เหล่านี้เป็นมิชชันนารีผู้เผยแพร่ศาสนา และพวกเขาจะหยุดสวดมนต์และอธิษฐานทุกครั้งที่ไปถึงแต่ละภูมิภาค

    นิตยสารไทม์อ้างคำพูดของ "แอนดรูว์ โจนส์" หนึ่งในผู้จัดการทริปเหล่านี้ กล่าวว่า ผู้โดยสารส่วนใหญ่ของทัวร์เหล่านี้เป็นชาวมอร์มอน ชาวเมนโนไนต์ และคริสเตียนผู้เผยแพร่ศาสนา (Evangelist)

    ในรายงานของ New York Times เมื่อวันที่ 24 มิถุนายน 2023 กล่าวถึงรายละเอียดการเดินทางเหล่านี้และการต้อนรับของซาอุดีอาระเบียซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของโครงการดึงดูดนักท่องเที่ยว

    นิตยสาร "Newsweek" เมื่อวันที่ 27 กันยายน 2023 เรียกพวกเขาว่าเป็น "เพื่อนใหม่ของซาอุดีอาระเบียที่กำลังช่วยเหลือบิน ซัลมานในความพยายามของเขาที่จะเปลี่ยนโฉมหน้าของซาอุดิอาระเบีย และส่งเสริมให้ซาอุดีอาระเบียเป็นศูนย์กลางของโลกและไม่ใช่ประเทศหัวรุนแรงทางศาสนา”

    เดอะนิวยอร์กไทมส์เน้นย้ำว่า การท่องเที่ยวทางศาสนาในซาอุดีอาระเบียหลังจากหลายทศวรรษของการจำกัดชาวมุสลิม ขณะนี้กำลังดึงดูดชาวคริสต์ และในยุคใหม่ของซาอุดีอาระเบียอนุรักษ์นิยม ผู้เผยแพร่ศาสนา (Evangelist) เป็นผู้เดินทางไปยังซาอุดีอาระเบียอย่างต่อเนื่อง

    นิตยสารนี้อ้างอิงคำพูดของนักท่องเที่ยวที่ไปเยือนพื้นที่ “ชักก์ อัล บะห์ร” (รอยแยกของทะเล)  ระหว่างอียิปต์และซาอุดีอาระเบียว่า "พวกเขาหยุดบนชายหาดแห่งหนึ่งที่แห้งแล้งไร้ต้นไม้และสิ่งมีชีวิต และฟังคำพูดของริชาร์ดสัน" ริชาร์ดสันขอให้พวกเขาจินตนาการว่า พวกเขากำลังยืนอยู่อีกด้านหนึ่งและนึกถึงเรื่องราวการหลบหนีของโมเสสจากกองทัพของฟาโรห์และการแยกของทะเล “เมื่อดวงอาทิตย์ขึ้นฉายแสงบนหุบเขา เขาก็ยกมือขึ้นสู่ท้องฟ้าแล้วร้องเพลงว่า อีกไม่นานแตรก็จะเป่า ท้องฟ้าก็จะแยกออกจากกัน”

การเดินทาง "แสวงบุญ" ของคริสเตียนผู้เผยแพร่ศาสนา (Evangelist) ไปยังซาอุดีอาระเบีย

คณะต่าง ๆ ที่เป็นทางการ

    ปัญหานี้ไม่ได้จำกัดเพียงการหลั่งไหลของ "ผู้แสวงบุญผู้เผยแพร่ศาสนา (Evangelist)" ไปยังซาอุดิอาระเบียเท่านั้น แต่ยังรวมถึงคณะผู้แทนต่างๆ ที่เป็นทางการที่ใช้ประโยชน์จากความสัมพันธ์ที่เย็นชาระหว่างบิน ซัลมาน และไบเดน โดยเฉพาะอย่างยิ่งหลังจากการฆาตกรรมคาช็อกกี นักข่าวฝ่ายต่อต้านของซาอุดีอาระเบีย และ การหยุดชะงักของกระบวนการฟื้นฟูความสัมพันธ์

    ในปี 2018 และ 2019 คณะผู้แทนผู้เผยแพร่ศาสนา (Evangelist) ได้พบปะกับบิน ซัลมานระหว่างการเดินทางไปซาอุดีอาระเบีย ซึ่งคริสตจักรอีแวนเจลิคัล(Evangelical Church) เรียกว่า "การพบปะครั้งประวัติศาสตร์" ในคณะผู้แทนเหล่านี้ ผู้นำผู้เผยแพร่ศาสนา เช่น "โจเอล โรเซนเบิร์ก" (Joel Rosenberg) ผู้สนับสนุนอิสราเอลอย่างแข็งขัน "มิเชลล์ บัคแมน" (Michelle Buckman) ซึ่งเป็นอดีตสมาชิกสภาคองเกรส อยู่ร่วมกับผู้นำคนอื่นๆ ขององค์กรเผยแพร่ศาสนาที่สนับสนุนอิสราเอล

    โรเซนเบิร์กมีสัญชาติอิสราเอลและอเมริกันสองสัญชาติ และเป็นหนึ่งในผู้ตั้งถิ่นฐานอยู่ในกรุงเยรูซาเล็มที่ถูกยึดครอง ซึ่งก่อนหน้านี้เคยเป็นที่ปรึกษาของเบนจามิน เนทันยาฮู นายกรัฐมนตรีของอิสราเอล

    "Business Insider" กล่าวถึงการมีอยู่ของบาทหลวงจอห์นนี่ มัวร์ จูเนียร์ (Johnnie Moore, Jr.) ที่ปรึกษาศาสนาของทรัมป์ ในฐานะหนึ่งในผู้ที่เข้าร่วมในการพบปะกับบิน ซัลมานในปี 2018

    มัวร์บอกกับ “Insider” ว่า เขาได้รับแจ้งว่ามีอนุสรณ์สถานทางประวัติศาสตร์ของโบสถ์ต่างๆ ในซาอุดีอาระเบีย และเขาได้หารือกับบิน ซัลมานในเรื่องนี้

    "Jerusalem Post" ก็อ้างถึงการพบปะกันครั้งนี้ โดยเน้นย้ำว่า การประชุมครั้งนี้เกิดขึ้นตามคำร้องขอของบิน ซัลมาน เอง และไม่ต้องสงสัยเลยว่าจะเป็น "บทใหม่ของการเปลี่ยนแปลงต่างๆ ที่ยิ่งใหญ่ในตะวันออกกลาง"

    โรเซนเบิร์กกล่าวว่าหลังการพบปะครั้งนี้ บิน ซัลมานขอให้บรรดาผู้เผยแพร่ศาสนาของเขากระจายข่าวในหมู่ประชาชนว่า จุดประสงค์จาก "คาบสมุทรอาหรับ" ในหะดีษของท่านศาสดา [ซ็อลฯ] หมายถึง "มักกะฮ์และมะดีนะฮ์" เท่านั้น

    เขากล่าวว่าจุดประสงค์ของการดำเนินการนี้คือเพื่อปูทางสำหรับการก่อสร้างโบสถ์คริสต์ในส่วนต่างๆ ของซาอุดีอาระเบีย

    การพบปะครั้งที่สองเกิดขึ้นเมื่อวันที่ 10 กันยายน 2019 ที่พระราชวังบิน ซัลมาน เมืองเจดดาห์ และหลังจากนั้นเขาได้เดินทางไปยังเมืองท่องเที่ยวอัล-อะลาพร้อมกับคณะผู้แทน

การเดินทาง "แสวงบุญ" ของคริสเตียนผู้เผยแพร่ศาสนา (Evangelist) ไปยังซาอุดีอาระเบีย

ช่งงจังหวะเวลาที่น่าสงสัย

    วันที่ 19 กันยายน 2019 โรเซ็นเบิร์กเขียนบทความหนึ่งลงใน Al-Arabiya เกี่ยวกับการพบปะและสถานการณ์เปลี่ยนแปลงในซาอุดีอาระเบีย เช่น "การยุบตำรวจศาสนา" นอกจากนี้ เขายังยินดีกับการจัดงานเฉลิมฉลองและคอนเสิร์ตต่างๆ การขับไล่นักการศาสนาหัวรุนแรงมากกว่า 3,500 คนออกจากมัสยิด การก่อตั้งศูนย์กลางระดับโลกเพื่อต่อสู้กับอุดมการณ์และแนวคิดหัวรุนแรง และการต้อนรับคริสเตียนชาวยิว

    แม้ว่าหลายคนจะมองว่าการดำเนินการเหล่านี้ของบิน ซัลมานเกิดขึ้นในบริบทของการปฏิรูปครั้งใหญ่ของเขา แต่บรรดาผู้สังเกตการณ์อธิบายว่า ช่วงเวลาของการพบปะเหล่านี้เป็นเรื่องที่น่ากังวล

    การพบปะครั้งแรกในปี 2018 เกิดขึ้นหลังจากที่สหรัฐฯ ขอให้ลงโทษผู้กระทำความผิดในคดีฆาตกรรมคาช็อกกี โดยใช้สถานการณ์นี้เพื่อชิงเอาความได้เปรียบจากบิน ซัลมาน

    หนังสือพิมพ์วอชิงตันโพสต์เขียนว่า : "เนทันยาฮูและประธานาธิบดีอัล-ซิซีของอียิปต์เป็นสื่อกลางของบิน ซัลมาน เพื่อยับยั้งไม่ให้ทำเนียบขาวติดตามคดีคาช็อกกี"

    การเดินทางครั้งที่สองในปี 2019 เกิดขึ้นหนึ่งวันก่อนวันครบรอบการโจมตี 11 กันยายน และการร้องขอให้ลงโทษซาอุดิอาระเบียที่พลเมืองของประเทศนี้มีส่วนร่วมในการโจมตีเหล่านี้ ในที่นี้ เป้าหมายก็คือการเอาข้อได้เปรียบจากบิน ซัลมานเช่นกัน

    หนังสือพิมพ์ “Haaretz” เขียนรายงานในเดือนพฤศจิกายน 2021 เกี่ยวกับการฟื้นฟูความสัมพันธ์ในระดับปกติในหัวข้อ "ชาวซาอุฯ อาจเป็นรายต่อไป" โดยตั้งคำถามว่า : "โรเซนเบิร์กทำอะไรลับๆ กับมกุฏราชกุมารแห่งซาอุดีอาระเบีย กษัตริย์จอร์แดน และประธานาธิบดีอียิปต์?"

    นอกจากนี้เขายังกล่าวถึง "การทูตของศาสนาคริสต์นิกายอีแวนเจลิคัลในโลกอาหรับ" ว่านักท่องเที่ยวผู้เผยแพร่ศาสนาและชาวยิวสามารถเดินทางไปยังซาอุดีอาระเบียได้อย่างไร

    หนังสือพิมพ์ฉบับนี้ยังได้ตีพิมพ์พอดแคสต์ของหนังสือเล่มหนึ่ง ซึ่งในขณะที่พูดคุยถึงการพบปะของโรเซนเบิร์กกับบิน ซัลมาน และประธานาธิบดีแห่งอียิปต์และกษัตริย์แห่งจอร์แดน เขาได้อธิบายว่าผู้เผยแพร่ศาสนา (Evangelist) ทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงและพัฒนาการครั้งใหญ่ในตะวันออกกลางได้อย่างไร

    ในท้ายที่สุด เขาได้ขอให้คณะผู้แทนผู้สอนศาสนาใช้ประโยชน์จากสถานการณ์เหล่านี้


ที่มา : ฟาร์สนิวส์

ผู้เขียน : กอบัซ ซะฟะรอนี

ผู้แปล : เชคมุฮัมมัดนาอีม ประดับญาติ

Copyright © 2024 SAHIBZAMAN.NET- สื่อเรียนรู้สำหรับอิสระชนคนรุ่นใหม่