เขตกันชน (ดินแดนต้องห้าม) วิธีการใหม่ของอิสราเอลในการยึดครองเวสต์แบงก์
เขตกันชน (ดินแดนต้องห้าม) วิธีการใหม่ของอิสราเอลในการยึดครองเวสต์แบงก์

การจัดตั้งเขตกันชนในเขตเวสต์แบงก์แบ่งออกเป็นสองส่วน ส่วนหนึ่งคือแบ่งแยกชาวปาเลสไตน์ออกจากกำแพงแบ่งแยกเชื้อชาติที่อิสราเอลสร้างขึ้นในปี 2002 โดยล้อมรอบดินแดนปาเลสไตน์ ส่วนอีกส่วนหนึ่งคือล้อมรอบนิคมที่กระจัดกระจายอยู่ทั่วเขตเวสต์แบงก์

    ตามรายงานของ Jerusalem Post เมื่อเดือนพฤศจิกายนที่ผ่านมา เบซาเลล สโมทริช รัฐมนตรีกระทรวงการคลังของอิสราเอล ได้เน้นย้ำถึง "ความจำเป็นในการจัดตั้งเขตกันชนรอบ ๆ นิคมในเขตเวสต์แบงก์ เพื่อปกป้องพวกเขาจากการโจมตี"

    ในเดือนกุมภาพันธ์ กองทัพอิสราเอลได้ออกคำสั่ง ตัดสินใจยึดที่ดินจำนวน 18 ดูนัม (dunum) จากหมู่บ้านเดียร์ดิบวัน ทางตะวันออกของรามัลลอฮ์ โดยอ้าง "วัตถุประสงค์ทางทหารเร่งด่วน" เป็นเหตุผล

    อย่างไรก็ตาม ช่วงเวลาไม่นานชาวบ้านก็พบว่า การตัดสินใจดังกล่าวมีจุดมุ่งหมายเพื่อสร้างเขตกันชนรอบ ๆ นิคมมิตซ์เปดานี ซึ่งสร้างขึ้นบนที่ดินของพวกเขา

    อิหมัด มุสบิห์ นายกเทศมนตรีเมืองเดียร์ ดิบวัน บอกกับสำนักข่าว อัลมายาดีนว่า การยึดที่ดินเหล่านี้แสดงให้เห็นถึงการนำแนวคิดเขตกันชนที่ สโมทริช เสนอไปเมื่อปีที่แล้วมาปฏิบัติจริง

    เจ้าของที่ดินตกใจกับการตัดสินใจครั้งนี้และพยายามยื่นคำคัดค้านแต่ก็ไม่เป็นผล เขากล่าวว่าเป้าหมายของอิสราเอลนั้นชัดเจนและเด็ดเดี่ยว และชาวปาเลสไตน์ไม่ได้รับอนุญาตให้ยืนหยัดต่อสู้กับเป้าหมายดังกล่าว

    เขากล่าวเสริมว่า “ไม่มีใครสามารถเข้าถึงที่ดินที่ถูกยึดได้ พวกเขาไม่สามารถเพาะปลูก เลี้ยงสัตว์บนนั้นได้ หรือแม้แต่เข้าใกล้ที่ดินนั้นภายใต้สถานการณ์ใด ๆ ก็ตาม”

    ควบคู่ไปกับการตัดสินใจดังกล่าว ความรุนแรงของการโจมตีโดยผู้ตั้งถิ่นฐานที่มาจากนิคมแห่งนี้ก็เพิ่มมากขึ้น ผู้ตั้งถิ่นฐานเริ่มข้ามดินแดนที่ถูกยึดครองและไปถึงหมู่บ้าน พวกเขาเผายานพาหนะ สังหารปศุสัตว์ หรือทำลายทรัพย์สินของชาวปาเลสไตน์

    ทั้งหมดนี้เกิดขึ้นต่อหน้ากองทัพอิสราเอลและไม่มีการแทรกแซงใด ๆ เพื่อหยุดยั้งพวกเขา ทหารโจมตีชาวปาเลสไตน์ด้วยแก๊สและระเบิดเสียงและจับกุมพวกเขาในกรณีที่พวกเขาพยายามขับไล่การโจมตีของผู้ตั้งถิ่นฐาน

    ลำดับเหตุการณ์ในเวสต์แบงก์บ่งชี้ว่า นโยบายนี้ไม่ใช่เรื่องใหม่ แต่ย้อนกลับไปเมื่อประมาณ 3 ปีที่แล้ว ซึ่งตรงกับการมาถึงของรัฐบาลอิสราเอลหัวรุนแรงปัจจุบัน

    เรด มูกาดี นักวิจัยจากศูนย์วิจัยที่ดิน บอกกับ อัล มายาดีน ว่า เมื่อประมาณ 1 ปีก่อน กองทัพอิสราเอลได้ออกคำสั่งก่อนเริ่มฤดูเก็บเกี่ยวมะกอก โดยประกาศให้พื้นที่บางส่วนห้ามชาวปาเลสไตน์เข้า พื้นที่ที่ถูกจำกัดเหล่านี้กระจุกตัวอยู่ทางใต้ของเมืองนาบลัส ใกล้กับเมืองซัลฟิต และบางส่วนของเมืองทูลคาร์ม

    ในเวลาเดียวกัน ยังมีการตัดสินใจทางทหารอีกครั้งหนึ่งในพื้นที่อัลจาลามา ทางตอนเหนือของเจนิน ที่จะหยุดการสร้างและรื้อถอนสิ่งอำนวยความสะดวกรอบ ๆ กำแพงแบ่งแยกเชื้อชาติภายใต้ข้ออ้างเรื่องเหตุผลด้านความปลอดภัย

    เขากล่าวอธิบายว่า มันเป็นแผนของอิสราเอลที่มีเป้าหมายที่จะอพยพดินแดนของชาวปาเลสไตน์ใกล้กับกำแพงแบ่งแยกเชื้อชาติและการตั้งถิ่นฐาน”

    ตามที่เขากล่าว สิ่งที่อันตรายที่สุดคือการขัดขวางการเข้าถึงพื้นที่เหล่านี้ ซึ่งอาจนำไปสู่การขยายตัวของการตั้งถิ่นฐาน การสร้างถนน หรือการจัดตั้งค่ายทหารและกองบัญชาการกองทัพภายใต้ข้ออ้างด้านความปลอดภัย การกระทำดังกล่าวจะปิดกั้นการใช้หรือการก่อสร้างทางการเกษตร ซึ่งจะนำไปสู่ความสูญเสียครั้งใหญ่สำหรับชาวปาเลสไตน์

    เขากล่าวว่า “หลังการรุกรานฉนวนกาซา พื้นที่หลายแห่งถูกปิด รวมถึงพื้นที่ขนาดใหญ่ในเขตเวสต์แบงก์ ตัวอย่างเช่น การเข้าถึงพื้นที่ 18,000 ดูนัมในที่ราบ ญะบาด ทางใต้ของเจนินถูกปิดกั้น โดยพื้นที่เหล่านี้ถูกปิดอย่างสมบูรณ์ ยังไม่ชัดเจนว่า การปิดครั้งนี้เป็นการชั่วคราวหรือถาวร ซึ่งทำให้ไม่สามารถระบุพื้นที่ทั้งหมดที่ถูกเปลี่ยนเป็นเขตกันชนได้”

    ตรงกับเหตุการณ์รุกรานฉนวนกาซา รัฐบาลอิสราเอลประกาศภาวะฉุกเฉิน โดยมอบอำนาจเต็มให้กองทัพอิสราเอลดำเนินการและตัดสินใจทางทหารที่ไม่ยุติธรรม ตามสถานการณ์ที่เกิดขึ้น

    กองกำลังอิสราเอลเริ่มเข้ายึดครองพื้นที่ขนาดใหญ่ใกล้กับนิคม ถนนนิคม หอคอยทหาร และกำแพงแบ่งแยกเชื้อชาติ โดยทั้งหมดนี้เกิดขึ้นจากเจ้าหน้าที่ระดับสูงของอิสราเอลภายใต้ข้ออ้างเพื่อป้องกันการโจมตีของชาวปาเลสไตน์ ดังที่เขากล่าว


ที่มา : สำนักข่าวอัลมายาดีน

Copyright © 2024 SAHIBZAMAN.NET- สื่อเรียนรู้สำหรับอิสระชนคนรุ่นใหม่