รายงานระบุว่า การโจมตีด้วยขีปนาวุธของอิหร่านหลายระลอก โดยโจมตีเป้าหมายต่าง ๆ หลายแห่งทั่วดินแดนปาเลสไตน์ที่ถูกยึดครอง ส่งผลให้เกิดความเสียหายและมีผู้ได้รับบาดเจ็บจำนวนมาก
ปฏิบัติการตอบโต้ทางทหารครั้งที่ 3 ของอิหร่าน หรือ True Promise III (คำสัญญาที่แท้จริง III) เริ่มต้นขึ้นเมื่อเวลาประมาณ 01.30 น. ตามเวลาอิหร่าน หลังจากที่ประสบความสำเร็จในปฏิบัติการคำสัญญาที่แท้จริง 2 โดยสามารถโจมตีฐานที่มั่นเชิงยุทธศาสตร์ของอิสราเอลหลายแห่งได้สำเร็จ
ตามรายงานของสื่ออิสราเอลหลายสำนัก ระบุว่า ในช่วงล่าสุด ขีปนาวุธได้โจมตีพื้นที่ต่าง ๆ ที่ยึดครอง ในเทลอาวีฟ เยรูซาเล็ม (อัลกุดส์) ทะเลสาบไทเบเรียส ไฮฟา เบียร์เชบา และสถานที่อื่น ๆ
รายงานความเสียหายร้ายแรงที่สุดเกิดขึ้นที่เมืองเทลอาวีฟ ซึ่งขีปนาวุธอย่างน้อย 1 ลูกโจมตีอาคารสูง 50 ชั้น ก่อให้เกิดการระเบิดอย่างรุนแรงที่ส่งผลให้ควันพุ่งสูงขึ้นไปบนขอบฟ้าของเมือง
สื่ออิสราเอลรายงานถึงฉากเหตุการณ์วุ่นวายที่เกิดขึ้นในกรุงเทลอาวีฟ โดยเจ้าหน้าที่ฉุกเฉินเข้าโต้ตอบต่อเหตุการณ์ที่เจ้าหน้าที่เรียกว่า "การโจมตีเชิงยุทธศาสตร์" ที่สถานที่สำคัญทางตอนใต้ของเมือง
เนื่องจากเป้าหมายมีลักษณะละเอียดอ่อน จึงมีรายงานว่า หน่วยที่เรียกว่า Home Front Command หน่วยบัญชาการแนวหน้าภายในประเทศของอิสราเอลได้ปิดข่าวสื่อเกี่ยวกับรายละเอียดบางส่วนเพื่อหลีกเลี่ยงไม่ให้ต้องอับอายมากขึ้น
ตามคำกล่าวของ อามีร์ อัล-มูซาวี ผู้อำนวยการศูนย์การศึกษากลยุทธ์และความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ ขีปนาวุธของอิหร่านลูกหนึ่งได้โจมตีศูนย์วิจัยนิวเคลียร์ในเทลอาวีฟ
รายงานบางฉบับระบุว่า กระทรวงกลาโหมของอิสราเอลก็ถูกโจมตีเช่นกัน
ตามรายงานของสื่ออิสราเอล รัฐบาลได้บังคับใช้การเซ็นเซอร์ โดยสั่งผู้ตั้งถิ่นฐานไม่ให้เผยแพร่ภาพหรือวิดีโอของสถานที่ที่ขีปนาวุธของอิหร่านโจมตี
เจ้าหน้าที่รัฐบาลอิสราเอลยังคงดำเนินการประเมินความเสียหายและปฏิบัติการกู้ภัยอย่างต่อเนื่อง ขณะที่เสียงไซเรนและการแจ้งเตือนเหตุฉุกเฉินยังคงดังอยู่ทั่วดินแดนที่ยึดครอง
พลจัตวาอาหมัด วาฮิดี กล่าวกับโทรทัศน์ของรัฐว่า ปฏิบัติการ True Promise III "จะดำเนินต่อไปเท่าที่จำเป็น" พร้อมทั้งให้คำมั่นว่าจะล้างแค้นให้แก่เลือดของผู้พลีชีพ
การรุกรานทางทหารของอิสราเอลเมื่อเช้าวันศุกร์ ซึ่งโจมตีเมืองต่าง ๆ หลายแห่งทั่วอิหร่าน รวมทั้งกรุงเตหะราน มีเป้าหมายที่การลอบสังหารบุคคลระดับสูง
การโจมตีที่ชั่วร้ายเหล่านี้ส่งผลให้พลเอก มุฮัมมัด บาเกรี เสนาธิการกองทัพอิหร่าน พลเอก ฮุสเซน ซาลามี อดีตผู้บัญชาการทหารสูงสุดของกองกำลังพิทักษ์การปฏิวัติอิสลาม (IRGC) พลจัตวา อาลี ฮัจจิซาเดห์ หัวหน้ากองกำลังอวกาศของ IRGC และพลเอก โกลัม-อาลี ราชิด ผู้บัญชาการกองบัญชาการกลางคาทาม อัล-อันบียา เสียชีวิต
การโจมตีดังกล่าวยังคร่าชีวิตนักวิทยาศาสตร์นิวเคลียร์ผู้มากประสบการณ์อย่าง มุฮัมมัด มะห์ดี เตหะรานชี, เฟเรย์ดูน อับบาซี และดร. อับดุลฮามิด มินูเชอร์ พร้อมด้วยพลเรือนอีกกว่า 70 ราย รวมทั้งเด็กและสตรี
ก่อนหน้านี้ วาฮิดีกล่าวว่า มีการโจมตีเป้าหมายอย่างน้อย 150 แห่ง ระหว่างปฏิบัติการตอบโต้ระบอบการปกครองอิสราเอล รวมถึงฐานทัพทหารที่สำคัญเชิงยุทธศาสตร์หลายแห่ง
ที่ปรึกษาอาวุโสของผู้บัญชาการกองกำลังพิทักษ์การปฏิวัติอิสลาม (IRGC) กล่าวว่าปฏิบัติการ True Promise III ได้ถูกดำเนินการอย่างประสบความสำเร็จโดยกองการบินและอวกาศของ IRGC
พลจัตวา วาฮิดี ซึ่งเคยดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทยในรัฐบาลของอิบราฮิม รออีซี กล่าวว่า “เป้าหมายเหล่านี้ถูกโจมตีสำเร็จในหลายขั้นตอน”
ปฏิบัติการดังกล่าวเริ่มขึ้นไม่กี่นาทีหลังจากที่อายาตุลลอฮ์ ซัยยิด อาลี คอเมเนอี ผู้นำการปฏิวัติอิสลามแห่งอิหร่าน กล่าวว่า กองกำลังติดอาวุธของอิหร่านจะลงมืออย่างแข็งกร้าวและทำให้ระบอบการปกครองที่น่ารังเกียจนี้ไม่มีทางสู้ได้
ผู้นำการปฏิวัติอิสลามแห่งอิหร่านเน้นย้ำว่า ระบอบไซออนิสต์ที่ชั่วร้ายและเลวทรามได้ทำ “ความผิดพลาดครั้งใหญ่” ซึ่งผลที่ตามมาจะทำให้พวกเขาไม่มีทางสู้ได้
อายาตุลลอฮ์คอเมเนอีเน้นย้ำว่า “ประชาชนชาวอิหร่านทุกคนมั่นใจได้ว่า กองทัพจะทำหน้าที่อย่างเข้มแข็งเพื่อสนับสนุนพวกเขา และจะโจมตีระบอบการปกครองนี้อย่างหนัก”
ที่มา : สำนักข่าวเพรสทีวี
Copyright © 2025 SAHIBZAMAN.NET- สื่อเรียนรู้สำหรับอิสระชนคนรุ่นใหม่