กะอ์บะฮ์ คือ บ้านที่สะอาดบริสุทธิ์ การเดินเวียนรอบกะอ์บะฮ์ เท่ากับได้เดินเวียนรอบบริเวณที่มีความสะอาดบริสุทธิ์ที่สุด ผลของการเดินเฏาะวาฟก็คือ การถูกชำระให้สะอาดบริสุทธิ์ ประดุจดังเช่นอัลกุรอาน เนื่องจากอัลกุรอานคือ คัมภีร์ที่สะอาดบริสุทธิ์เป็นผู้ทำให้เกิดความบริสุทธิ์และวิชชา ซึ่งถูกประทานมาจากพระผู้เป็นเจ้าแห่งสากลโลกและจักรวาล
กะอ์บะฮ์ คือ บ้านที่สะอาดบริสุทธิ์ การเดินเวียนรอบกะอ์บะฮ์ เท่ากับได้เดินเวียนรอบบริเวณที่มีความสะอาดบริสุทธิ์ที่สุด ผลของการเดินเฏาะวาฟก็คือ การถูกชำระให้สะอาดบริสุทธิ์ ประดุจดังเช่นอัลกุรอาน เนื่องจากอัลกุรอานคือ คัมภีร์ที่สะอาดบริสุทธิ์เป็นผู้ทำให้เกิดความบริสุทธิ์และวิชชา ซึ่งถูกประทานมาจากพระผู้เป็นเจ้าแห่งสากลโลกและจักรวาล ดังนั้นจะไม่มีใครเข้าใจอัลกุรอานได้ เว้นเสียแต่ว่าเขาต้องเป็นผู้มีจิตใจสะอาดบริสุทธิ์ อัลกุรอานกล่าวว่า
لَّا يَمَسُّهُ إِلَّا الْمُطَهَّرُونَ
“ไม่มีผู้ใดสัมผัสอัล-กุรอานได้ นอกจากบรรดาผู้บริสุทธิ์เท่านั้น” (7)
ผู้ที่มีจิตใจสะอาดบริสุทธิ์เท่านั้น จึงจะเข้าใจแก่นแท้ของอัลกุรอาน ทำนองเดียวกันตราบที่ร่างกายมนุษย์ยังไม่สะอาด เขาก็จะไม่เข้าใจเนื้อหา และองค์ความรู้ของอัลกุรอาน ทุกครั้งที่จะอ่านอัลกุรอาน จึงต้องมีวุฎูอ์ (น้ำละหมาด)
กะอ์บะฮ์คือ บ้านของอัลลอฮ์ที่มีความสะอาดบริสุทธิ์ ผู้ที่เดินเวียนรอบกะอ์บะฮ์ถ้ามีความสะอาดบริสุทธิ์ แน่นอนเขาจะเข้าถึงแก่นแท้ของกะอ์บะฮ์ และการเดินเวียนรอบ ประหนึ่งผู้มีความสะอาดบริสุทธิ์ เขาจึงจะเข้าใจความหมายแท้จริงของอัลกุรอาน ซึ่งอัลกุรอานบทอัลอะฮ์ซาบ โองการ 33 แนะนำไว้แล้วว่า ผู้ที่สะอาดบริสุทธิ์สามารถเข้าใจแก่นแท้ของอัลกุรอาน และกะอ์บะฮ์ได้ พวกเขาเป็นใคร?
ด้วยเหตุนี้ เวลากล่าวว่า บ้านหลังนี้สะอาดและถูกสถาปนาขึ้นเพื่อผู้มีความสะอาด หมายถึง เวลาเดินเวียนรอบบ้านหลังนี้ จะให้การเรียนรู้ถึงความสะอาด อันเป็นความสะอาดทั้งภายนอกและภายในจิตใจ ปลดเปลื้องจิตใจให้ออกห่างจากอบายมุข กิเลส ตัณหา และการมีโมหะ ราคะทั้งปวง พัฒนาตนให้ห่างไกลจากการลุ่มหลงโลก รสและกลิ่นเสียง ไม่หลงและยึดติดกับตำแหน่ง มนุษย์เมื่อเขาถูกทำให้เป็นผู้มีความสะอาดแล้ว เขาจะกลายเป็นที่รักยิ่งของอัลลอฮ์ (ซบ.) ดังที่อัลกุรอาน กล่าวว่า
إِنَّ اللَّـهَ يُحِبُّ التَّوَّابِينَ وَيُحِبُّ الْمُتَطَهِّرِينَ
“อัลลอฮ์ทรงรักผู้ขอลุแก่โทษ และทรงรักผู้ที่ทำตนให้สะอาด” (8)
ดุจดังเช่นอรัชของอัลลอฮ์สะอาดบริสุทธิ์ มวลมลาอิกะฮ์ผู้มีความสะอาดบริสุทธิ์ ต่างเดินเวียนรอบกะอ์บะฮ์ จึงเป็นศูนย์กลางของเตาฮีด สะอาดบริสุทธิ์ปราศจากการตั้งภาคี และความสกปรกโสมม ดังนั้นบรรดาฮุจญาตที่เดินเวียนรอบกะอ์บะฮ์ เขาจำเป็นต้องมีความสะอาด (แม้เป็นเพียงความสะอาดภายนอก) ซึ่งเขาจะต้องทำตนให้สะอาดจากทุกความสกปรกโสมม และความโสโครกทั้งหลาย ดังนั้นหนึ่งในปรัชญาของการเดินเวียนรอบกะอ์บะฮ์คือ การสอนให้รู้จักความสะอาดที่แท้จริง เขาต้องขจัดความโสมมและความโสโครกให้หมดไปจากจิตใจ เขาจะต้องไม่นำสิ่งใดหรือผู้ใดบรรจุไว้ในใจของตน
เพราะจิตใจของผู้ศรัทธาคือเขตหวงห้ามของอัลลอฮ์ (ซบ.) ท่านอิมามญะอ์ฟัร อัซซอดิก (อ.) หลานรักของท่านศาสดา (ซ็อลฯ) กล่าวว่า “หัวใจของผู้ศรัทธาคือ ฮะรัมของอัลลอฮ์ ดังนั้น จงอย่าผู้ใดให้พำนักอยู่ในฮะรัมของอัลลอฮ์นอกจากพระองค์”
อิบรอฮีมและอิสมาอีล คือ สถาปนิกผู้สร้างกะอ์บะฮ์
อัลลอฮ์(ซบ.) ทรงประสงค์ให้คุณสมบัติของมลาอิกะฮ์ ถูกฟื้นฟูในตัวมนุษย์ พระองค์จึงมีบัญชาให้สร้างกะอ์บะฮ์ โดยบัญชาแก่ศาสดาที่ดีที่สุดในโลก เป็นศาสดาที่มีคุณสมบัติสมบูรณ์ให้สร้างบ้านที่ดีที่สุดในโลก กะอ์บะฮ์ จึงบ้านแห่งการอิบาดะฮ์ สาธารณแห่งแรกของโลก อัลกุรอานกล่าวว่า
إِنَّ أَوَّلَ بَيْتٍ وُضِعَ لِلنَّاسِ لَلَّذِي بِبَكَّةَ مُبَارَكًا وَهُدًى لِّلْعَالَمِينَ
“บ้านหลังแรก (สถานอิบาดะฮ์) ถูกตั้งขึ้นสำหรับมนุษยชาติคือ ที่บักกะฮ์ เป็นที่จำเริญ และเป็นทางนำสำหรับประชาชาติทั้งหลาย” (9)
ก่อนหน้ากะอ์บะฮ์ ไม่เคยมีสถานอิบาดะฮ์สาธารณใดถูกสถาปนามาก่อนเลย อัลลอฮ์(ซบ.)ทรงประสงค์ให้บรรดาฮุจญาตที่เดินเวียนรอบกะอบะฮ์ ถูกเชื่อมต่อด้วยคุณสมบัติของมวลมลาอิกะฮ์และประสงค์ที่จะฟื้นฟูคุณสมบัติของมลาอิกะฮ์ขึ้นในตัวมนุษย์ พระองค์จึงมีบัญชาให้ศาสดาอิบรอฮีม และอิสมาอีล (อ.) ผู้ที่สองมือของท่านสะอาดบริสุทธิ์ และเป็นผู้เคารพภักดีต่ออัลลอฮ์มากที่สุด เป็นผู้สถาปนากะอ์บะฮ์ขึ้น อัลกุรอานกล่าวว่า
وَإِذْ يَرْفَعُ إِبْرَاهِيمُ الْقَوَاعِدَ مِنَ الْبَيْتِ وَإِسْمَاعِيلُ
“เมื่ออิบรอฮีมและอิสมาอีล ยกฐานของบ้านให้สูงขึ้น” (10)
ศาสดาทั้งสองคือ ผู้สถาปนิกผู้ออกแบบสร้างกะอ์บะฮ์ สิ่งที่อยู่ภายในจิตใจ พวกเขาได้สาธยายออกมาและขณะที่พวกเขากำลังสร้างกะอ์บะฮ์ พวกเขาได้สดุดีจากภายในพวกเขาว่า
رَبَّنَا تَقَبَّلْ مِنَّا ۖ إِنَّكَ أَنتَ السَّمِيعُ الْعَلِيمُ
“โอ้ พระผู้อภิบาลของเรา ขอทรงโปรดรับจากเราด้วยเถิด”
กะอ์บะฮ์ ได้ถูกสถาปนาขึ้นด้วยน้ำมือของศาสดาทั้งสองผู้มีความสะอาดบริสุทธิ์ และมีความจริงใจต่อพระเจ้า ขณะที่สถาปนากะอ์บะฮ์ ศาสดาทั้งสองมิใช่ผู้ตั้งภาคีเทียบเคียงพระองค์ ทั้งในอาคาร ขณะก่อสร้าง และการบูรณะ กะอ์บะฮ์จึงเป็นอาคารที่สะอาดหมดจรดสมบูรณ์แบบ เพื่อที่ว่าจะได้สามารถเป็นตัวแทน บัยตุลมะอ์มูร และสุดท้ายก็คือตัวแทนอรัชแห่งอัลลอฮ์ความบริสุทธิ์ใจและจริงใจของศาสดาทั้งสอง ถึงขั้นที่ว่า อัลลอฮ์ (ซบ.) ทรงสร้างกะอ์บะฮ์ โดยผ่านน้ำมือของศาสดาทั้งสอง และให้การสร้างนั้นสัมพันธ์มายังพระองค์ อัลลอฮ์ตรัสว่า
وَإِذْ جَعَلْنَا الْبَيْتَ مَثَابَةً لِّلنَّاسِ وَأَمْنًا وَاتَّخِذُوا مِن مَّقَامِ إِبْرَاهِيمَ مُصَلًّى ۖ وَعَهِدْنَا إِلَىٰ إِبْرَاهِيمَ وَإِسْمَاعِيلَ أَن طَهِّرَا بَيْتِيَ لِلطَّائِفِينَ وَالْعَاكِفِينَ وَالرُّكَّعِ السُّجُودِ
“บ้านหลังนี้คือบ้านของอัลลอฮ์ดุจดังเช่นอรัชคืออรัชของอัลลอฮ์ พระองค์ตรัสกับศาสดาทั้งสองอีกว่า“จงรำลึกถึง เมื่อเราให้บ้านหลังนั้น (กะอ์บะฮ์) เป็นสถานที่กลับ และยังความปลอดภัยแก่มวลมนุษย์พวกเจ้าจงเลือกที่ยืนของอิบรอฮีมเป็นที่นะมาซ เราสั่งเสียอิบรอฮีมและอิสมาอีลว่า จงทำความสะอาด บ้านของข้า สำหรับผู้มาเวียน ผู้จำสมาธิ ผู้โค้ง และผู้กราบ” (11)
ทำไมกะอ์บะฮ์จึงเป็นกะอ์บะฮ์
ท่านอิมามซอดิก (อ.) กล่าวว่า “กะอ์บะฮ์ คือ อาคารรูปทรงสี่เหลี่ยม จึงถูกตั้งชื่อว่า กะอ์บะฮ์ (12) หมายถึงเป็นอาคารที่มีผนังสีด้าน มีเพดาน และพื้น จึงเป็นรูปทรงสี่เหลี่ยม” หลังจากนั้นท่านกล่าวว่า รหัสยะของผนังสี่ด้านนั้นเป็นเพราะ บัยตุลมะอ์มูร มีผนังสี่ด้าน และมีสี่มุม อรัชของอัลลอฮ์ก็มีสี่ด้านและสี่มุมเช่นกัน ขณะทีคำพูดที่เป็นองค์ความรู้ของพระเจ้าวางอยู่บนพื้นฐานของสี่คำเหล่านี้ “ซุบฮานัลลอฮ์ วัลฮัมดุลิลลาฮ์ วะลาอิลาฮะอิลลัลลอฮ์ วัลลอฮ์อักบัร”อันถือเป็นการสรรเสริญ แซ่ซร้อง และสดุดีในเกียรติยศ และความยิ่งใหญ่ของพระองค์”
ฮะดีษคำรายงานบทนี้ได้นำพามนุษย์ออกจาก โลกอันเป็นธรรมชาติ หรือโลกแห่งวัตถุ ไปสู่โลกมิษาล ในทางปรัชญา อาลัมมิษาล อยู่ระหว่างโลกนี้ กับโลกหน้า มีระดับของการมีอยู่ ซึ่งการมีอยู่ของอาลัมมิษาลหลังจากโลกนี้ และก่อนโลกหน้าหรือกิยามะฮ์ (สิ้นโลก) อาลัมมิษาล มิได้เป็นโลกวัตถุ แต่มีคุณสมบัติของโลกวัตถุ เช่น มีรูปร่าง มีสถานะ และมีมิติ ในด้านศาสนศาสตร์กล่าวว่า อาลัมมิษาลกับอาลัมบัรซัคคือ โลกเดียวกัน ซึ่งถ้าพิจารณาในแง่ของระดับแล้ว อาลัมมิษาล สูงกว่าโลกแห่งวัตถุ หรือที่เรียกกันว่าเป็นโลกธรรมชาติ
ในแง่ของปรัชญาโลกแห่งการมีอยู่นั้นมี 3 ระดับด้วยกันคือ อาลัมอักล์ อาลัมมิษาล และอาลัมวัตถุหรือโลกแห่งธรรมชาติ ดังนั้น ฮะดีษ คำรายงานบทนี้ได้นำพามนุษย์จากโลกมิษาล ไปสู่โลกของปัญญา (อักล์) จากโลกปัญญาไปสู่ โลกของพระเจ้า (อาลัมอิลาฮ์)
ทางปรัชญากล่าวว่า ทุกการมีอยู่ สามารถแบ่งออกเป็น 3 ระดับได้แก่ การมีอยู่ในโลกธรรมชาติ การมีอยู่ในโลกมิษาล และการมีอยู่ในโลกอักล์ ส่วนในทางอิรฟานกล่าวว่า ทุกสรรพสิ่งที่มีอยู่ แบ่งออกเป็น 4 ระดับได้แก่ การมีอยู่ในโลกธรรมชาติ การมีอยู่ในโลกมิษาล การมีอยู่ในโลกอักล์ และการมีอยู่ในโลกอิลาฮ์
โลกอิลาฮ์ คือ การมีอยู่ของแก่นแท้ของสรรพสิ่ง ที่ไม่มีสิ่งใดกำเนิดออกจากมัน เวลานั้นจึงกล่าวว่า อาตมันของพระเจ้าปราศจากการจำกัดขอบเขต ปราศจากการกำหนดอันเฉพาะ การมีอยู่ที่เป็นอรูป แต่มีความเข้าใจในความเป็นจริงแก่นแท้ของกะอ์บะฮ์ คือ การมีอยู่ของอาคารสี่เหลี่ยมที่เป็นวัตถุ ปรากฏอยู่ ณ มักกะฮ์ ถูกสถาปนาขึ้นโดยศาสดาอิบรอฮีม (อ.) โดยมีศาสดาอิสมาอีล (อ.) เป็นผู้ช่วยเหลือ ส่วนกะอ์บะฮ์ ในอาลัมมิษาล เป็นอีกสิ่งหนึ่งที่นอกเหนือไปจากอาคารในมักกะฮ์ และกะอ์บะฮ์ ในอาลัมอักล์ ซึ่งเป็นอรัชของอัลลอฮ์ ก็เป็นอีกสิ่งหนึ่ง ขณะที่การตัสบีฮ์ การสรรเสริญ แซ่ซร้อง และการตักบีร ในตำแหน่งของอุลูฮียะฮ์ (พระผู้ควรแก่การเคารพภักดี) ก็เป็นอีกสิ่งหนึ่ง
ท่านอิมามซอดิก (อ.) กล่าวว่า “พระนามอันไพรจิตรของพระเจ้า กิลิมะฮ์เตาฮีด และดีนนี มี 4 คำ, อรัชของอัลลอฮ์มี 4 มุม, บัยตุลมะอ์มูร มี 4 ด้าน และกะอ์บะฮ์ก็มี 4 มุม เช่นกัน ขณะที่อรัชของอัลลอฮ์ ไม่เหมือนกับบัลลังก์ที่มนุษย์จินตนาการ และบัยตุลมะอ์มูรก็ไม่เหมือนกับอาคารที่เป็นหินหรือดิน ดังเช่น กะอ์บะฮ์ ซึ่งบรรดาฮุจญาตได้เดินเวียนรอบ ขณะที่มีฮุจญาตบางคนได้ผ่านพ้นมิติตรงนี้ไป และเข้าใจอาลัมมิษาลได้เป็นอย่างดี ซึ่งบุคคลเหล่านั้น ได้แก่ “บรรดาผู้มีความยำเกรงต่อไฟนรกและมีความกระหายในสรวงสวรรค์” ซึ่งพวกเขาได้เดินทางไปสู่บัยตุลลอฮ์ ขณะที่มีบางกลุ่มชนที่เข้าใจระดับชั้นตรงนี้สูงกว่าผู้ที่เข้าใจอาลัมมิษาล พวกเขาได้พัฒนาตนเองไปจนถึงอรัชแห่งพระเจ้า ดังเช่น ท่านฮาริซะฮ์ บุตรของซัยด์ ซึ่งพูดว่า“ประหนึ่งว่าฉันกำลังจ้องมองอรัชเราะฮ์มานอันชัดแจ้ง”
ขณะที่มีบางกลุ่มชนเข้าใจระดับชั้นตรงนี้สูงกว่า ซึ่งได้แก่บรรดาอิตรัตลูกหลานผู้บริสุทธิ์ของเราะซูล (ซ็อลฯ) ซึ่งแก่นแท้ของกะอ์บะฮ์คือ ความภาคภูมิใจและเป็นเกียรติยศสำหรับพวกเขา ขณะที่เดินเฏาะวาฟ พวกเขามิได้เดินเวียนวนรอบกะอ์บะฮ์ ทว่าพวกเขาเดินเฏาะวาฟรอบ “ซุบฮานัลลอฮ์ วัลฮัมดุลิลลาฮ์ วะลาอิลาฮะอิลลัลลอฮ์ วัลลอฮ์อักบัร”
เชิงอรรถ
7- อัลกุรอานบท อัลวากิอะฮ์ โองการที่ 79
8- อัลกุรอานบท อัลบะเกาะเราะฮ์ โองการที่ 222
9- อัลกุรอานบท อาลิอิมรอน โองการที่ 96
10- อัลกุรอานบท บะเกาะเราะฮ์ โองการที่ 127
11- อัลกุรอานบท บะเกาะเราะฮ์ โองการที่ 125
12- มันลายะฮ์เฎาะเราะฮ์ล ฟะกีฮ์ เล่ม 2 หน้า 124
บทความโดย : เชค ดร. มุฮัมมัดชะรีฟ เกตุสมบูรณ์
Copyright © 2024 SAHIBZAMAN.NET- สื่อเรียนรู้สำหรับอิสระชนคนรุ่นใหม่