ของขวัญจากท่านอิมามริฎอ (อ.) ที่มอบให้แก่ชาวเมือง “นีชาบูร”
Powered by OrdaSoft!
No result.
ของขวัญจากท่านอิมามริฎอ (อ.) ที่มอบให้แก่ชาวเมือง “นีชาบูร”

เหตุการณ์ที่สำคัญที่สุดและได้รับการบันทึกไว้อย่างชัดเจนมากที่สุดของการเดินทางของท่านอิมามริฎอ (อ.) ซึ่งถูกบังคับให้เดินทางจากนครมะดีนะฮ์ไปยังอิหร่านในปี ฮ.ศ. 201 ท่านอิมาม (อ.) ได้พำนักอยู่ที่เมือง “นีชาบูร” เป็นระยะเวลาหนึ่ง ท่านอิมาม (อ.) ได้กล่าวถึงประเด็นวิลายะฮ์ (อำนาจการเป็นผู้ปกครอง) ของอะฮ์ลุลบัยต์ (อ.) และถือว่า “วิลายะฮ์” นี้เป็นหนึ่งในเงื่อนไขของ “เตาฮีด” (การยอมรับในเอกานุภาพของอัลลอฮ์)  

    ท่านอิมามริฎอ (อ.) อิมามท่านที่แปดของสำนักคิดชีอะฮ์ ซึ่งถูกบังคับให้เดินทางจากนครมะดีนะฮ์ไปยังอิหร่านในปี ฮ.ศ. 201 แม้ว่ามะมูน (ผู้ปกครองแห่งอับบาซียะฮ์) จะวางแผนการเดินทางของท่านอิมามในลักษณะที่ไม่ให้ท่านผ่านเมืองต่าง ๆ ที่มีชาวชีอะฮ์รวมตัวกันอยู่ (1) แต่บรรดาผู้ที่รักอิมามท่านนี้ เมื่อได้ยินถึงการปรากฏตัวของท่านอิมาม ต่างก็รีบกุลีกุจอกันออกไปต้อนรับท่าน “นีชาบูร” เป็นเมืองหนึ่งจากเมืองทั้งหลายที่เป็นเส้นทางผ่านของท่านอิมาม (อ.) และเหตุการณ์ที่สำคัญที่สุดและได้รับการบันทึกไว้อย่างชัดเจนมากที่สุดของการเดินทางครั้งนี้ก็เกิดขึ้นในเมืองนี้ด้วยเช่นกัน (2) ท่านอิมาม (อ.) ได้พำนักอยู่ที่เมืองนีชาบูรนี้ในระยะเวลาหนึ่ง แต่เมื่อท่านได้จัดเตรียมสัมภาระเพื่อออกเดินทางต่อไปยังเมืองมัรว์ ชาวเมืองนีชาบูรซึ่งในช่วงเวลานั้น ส่วนใหญ่เป็นชาวซุนนีและในท่ามกลางพวกเขามีรอวีย์ (ผู้รายงาน) หะดีษอยู่หลายคน อย่างเช่น "อบู ซัรอะฮ์ รอซี" และ "มุฮัมมัด อิบนุ อัสลัม ฏูซี" ก็อยู่ในหมู่พวกเขาด้วย พวกเขาขอให้ท่านอิมาม (อ.) เล่าหะดีษบทหนึ่งแก่พวกเขา

    ท่านอิมามริฎอ (อ.) กล่าวว่า : “ฉันได้ยินท่านมูซา บิน ญะอ์ฟัร (อ.) บิดาของฉันกล่าวว่า : ฉันได้ยินท่านญะอ์ฟัร บิน มุฮัมมัด (อ.) บิดาของฉันกล่าวว่า : ฉันได้ยินท่านมุฮัมมัด บิน อะลี (อ.) บิดาของฉันกล่าวว่า : ฉันได้ยินท่านอะลี บิน ฮุเซน บิดาของฉันกล่าวว่า : ฉันได้ยินท่านฮุเซน บิน อะลี (อ.) บิดาของฉันกล่าวว่า : ฉันได้ยินท่านอะลี บิน อบีฏอลิบ (อ.) บิดาของฉันกล่าวว่า : ฉันได้ยินท่านศาสนทูตแห่งอัลลอฮ์ (ซ็อลฯ) กล่าวว่า : ฉันได้ยินญิบรีล (อ.) กล่าวว่า : เราได้ยินอัลลอฮ์ ผู้ทรงเกริกเกียรติ ผู้ทรงเกรียงไกรทรงตรัสว่า :

لَا إِلَهَ‌ إِلَّا اللَّهُ‌ حِصْنِی‌ فَمَنْ دَخَلَ حِصْنِی أَمِنَ مِنْ عَذَابِی

          "(ประโยค)  «لَا إِلَهَ‌ إِلَّا اللَّهُ‌ »  (ไม่มีพระเจ้าอื่นใดนอกจากอัลลอฮ์) คือ ป้อมปราการของข้า ดังนั้นใครก็ตามที่เข้าสู่ป้อมปราการของข้า เขาจะปลอดภัยจากการลงโทษของข้า”

          เมื่อท่านได้เริ่มออกเดินทาง ท่านก็กล่าวว่า :

بِشُرُوطِهَا وَ أَنَا مِنْ شُرُوطِهَا

         "แต่ด้วยเงื่อนไขต่าง ๆ ของมัน และฉันเป็นหนึ่งในเงื่อนไขเหล่านั้น" (3)

    ในตำราอ้างอิงของสำนักคิดชีอะฮ์ ได้เรียกหะดีษบทนี้ว่า «حدیث سلسلة‌الذهب» (หะดีษ ซิลซิละตุซซะฮับ) หมายถึง "หะดีษสายรายงานทองคำ" การตั้งชื่อนี้ก็เนื่องจากว่าในสายรายงาน (สะนัด) ของหะดีษบทนี้มีเฉพาะชื่อของบรรดามะอ์ซูม (อ.) (ผู้ไม่มีข้อผิดพลาด) เพียงเท่านั้น และห่วงโซ่ของการถ่ายทอดหะดีษบทนี้เกิดขึ้นโดยบรรดาอิมาม (อ.) ผู้บริสุทธิ์ซึ่งเป็นบุคคลที่น่าเชื่อถือที่สุดในโลกไปถึงท่านศาสนทูตแห่งอัลลอฮ์ (ซ็อลฯ)  เหตุผลที่ท่านอิมามริฎอ (อ.) อ้างอิงสายรายงาน (สะนัด) ของหะดีษบทนี้อย่างครบถ้วนไปสิ้นสุดลงที่ท่านศาสดา (ซ็อลฯ) ก็เนื่องมาจากบรรดาผู้ฟังของท่านในเหตุการณ์นี้ส่วนใหญ่ของพวกเขาเป็นชาวซุนนี และท่านอิมามก็ได้รายงานหะดีษบนพื้นฐานหลักการของพวกเขา เนื่องจากชาวซุนนี จะต่างจากชาวชีอะฮ์ตรงที่พวกเขาไม่เชื่อในความไม่ผิดพลาด (อิศมะฮ์) ของบรรดาอิมาม (อ.) และหะดีษที่จะได้รับความเชื่อถือสูงสุดสำหรับพวกเขานั้นคือหะดีษที่จะต้องมีสายรายงาน (สะนัด) ไปถึงท่านศาสดา (ซ็อลฯ) โดยตรง และไม่ต้องสงสัยเลยว่ายิ่งบรรดาผู้รายงาน (รอวีย์) ในสายรายงานนี้มีความน่าเชื่อถือมากเพียงใด หะดีษนี้ก็จะยิ่งได้รับความน่าเชื่อถือมากขึ้นเพียงนั้น ด้วยเหตุผลดังกล่าวนี้เองที่เราจะพบฮะดีษบทนี้มีปรากฏอยู่ในตำราของชาวอะฮ์ลิซซุนนะฮ์หลายเล่ม (4) และพวกเขาถือว่าอะฮ์ลุลบัยต์ (อ.) เป็นหนึ่งในบรรดาผู้ที่มีความน่าเชื่อถือ (มุวัษษัก) ที่สุดในโลก

    สิ่งที่ควรกล่าวถึงในที่นี้ก็คือ แม้ว่าหะดีษนี้จะถูกกล่าวถึงในตำราต่าง ๆ ของซุนนี แต่ประโยคสุดท้ายของคำพูดของท่านอิมามริฎอ (อ.) ที่ว่า  «بِشُرُوطِهَا وَ أَنَا مِنْ شُرُوطِهَا» (ด้วยเงื่อนไขต่าง ๆ ของมัน และฉันก็เป็นหนึ่งในเงื่อนไขเหล่านั้น) ก็ไม่ได้ถูกกล่าวถึงในตำราของพวกเขา และแน่นอนว่า เหตุผลในเรื่องนี้ก็เป็นที่ชัดเจน ในหะดีษนี้ ท่านอิมามริฎอ (อ.) ได้แนะนำ “เตาฮีด” (การยอมรับในเอกานุภาพของอัลลอฮ์) ว่าเป็นป้อมปราการแห่งความปลอดภัย โดยที่การยอมรับใน “อิมามะฮ์” และ “วิลายะฮ์” ของอะฮ์ลุลบัยต์ (อ.) เป็นหนึ่งในเงื่อนไขของมัน หะดีษนี้ได้ถูกกล่าวในสถานการณ์ที่กลุ่มวากิฟียะฮ์ (5) ปฏิเสธที่จะยอมรับความเป็นอิมามของท่านอิมามริฎอ (อ.) และท่านอิมาม (อ.) ได้ยืนยัน “วิลายะฮ์” และ “อิมามมะฮ์” ของตนด้วยหะดีษนี้

    ดังนั้น “หะดีษ ซิลซิละตุซซะฮับ” (หะดีษสายรายงานทองคำ) จึงเป็นของขวัญจากท่านอิมามริฏอ (อ.) ที่มอบให้กับชาวเมืองนีชาบูร ซึ่งในหะดีษนี้ ท่านอิมาม (อ.) ได้กล่าวถึงประเด็นวิลายะฮ์ (อำนาจการเป็นผู้ปกครอง) ของอะฮ์ลุลบัยต์ (อ.) และถือว่า “วิลายะฮ์” นี้เป็นหนึ่งในเงื่อนไขของ “เตาฮีด” (การยอมรับในเอกานุภาพของอัลลอฮ์)


เชิงอรรถ :

1. มัจญ์มูอะฮ์ อาษาร, ชะฮีดมุเฏาะฮ์ฮะรี, เล่มที่ 18, หน้า 124

2. ตะห์ลีลี อาซ ซินเดกอนี อิมามริฎอ (อ.) , มุฮัมมัดญาวาด ฟัฎลุลลอฮ์, หน้า 133

3. อัต เตาฮีด, เชคซอดูก, หน้า 49

4. อัซซอวาอิกุลมุห์ริเกาะฮ์, อิบนุ ฮะญัร ฮัยษะมี, หน้า 205; มุสนัด อัชชะฮาบ, มุฮัมมัด บิน ซะลามะฮ์ กอฎออี, เล่ม 2, หน้า 323; ฟัยฎุลกอดีร, มุนาวี, เล่ม 4, หน้า 489; นูรุลอับซอร, ชับลันญี, หน้า 313; อัล อิอ์ติซอม บิฮับลิลอิสลาม, เชคอะห์มัด มัสรี, หน้า 205

5.วากิฟียะฮ์เป็นนิกายหนึ่งของชีอะฮ์ที่ยอมรับท่านในความเป็นอิมามของท่านอิมามมูซา อัล กาซิม (อ.) แต่ปฏิเสธที่จะยอมรับการสืบทอดตำแหน่งอิมามะฮ์ของท่านอิมามอะลี อัร ริฎอ (อ.) ต่อจากบิดาของท่าน


บทความโดย : เชคมุฮัมมัดนาอีม ประดับญาติ

Copyright © 2024 SAHIBZAMAN.NET- สื่อเรียนรู้สำหรับอิสระชนคนรุ่นใหม่

ผู้เยี่ยมชมอยู่ขณะนี้

มี 819 ผู้มาเยือน และ ไม่มีสมาชิกออนไลน์ ออนไลน์

24778811
Today
Yesterday
This Week
Last Week
This Month
Last Month
All days
28719
52431
206193
24215661
1044476
1618812
24778811

พฤ 21 พ.ย. 2024 :: 16:26:50