บทบาทของชาวยิวในเหตุการณ์แห่งกัรบาลา
บทบาทของชาวยิวในเหตุการณ์แห่งกัรบาลา

บรรดาผู้สังหารท่านอิมามฮุเซน (อ.) ถูกสาปแช่งโดยศาสดาอีซา บุตรของมัรยัม (อ.) และศาสดาดาวูด (อ.) / ชาวยิวส่งบรรดาตัวแทนพิเศษไปยังกัรบะลา เพื่อสังหารท่านอิมามฮุเซน (อ.)

    การประชุมรายเดือน "วัฒนธรรมแห่งมะฮ์ดี (อ.)" ครั้งที่ 165 ได้ถูกจัดขึ้นภายใต้หัวข้อ  "การแฝงตัวของชาวยิวในเหตุการณ์นองเลือดแห่งกัรบาลา"

    ฮุจญะตุลอิสลามวัลมุสลิมีน ฮุเซน อากอมีรี ชี้ถึงความเป็นศัตรูกันที่มีมายาวนานของชาวยิวกับท่านศาสนทูตของอัลลอฮ์ (ซ็อลฯ) และครอบครัวของบรรดาอิมาม (อ.) ผู้บริสุทธิ์ พร้อมกับกล่าวว่า : การเผชิญหน้าและเป็นปฏิปักษ์ของชาวยิวที่มีกับครอบครัวที่บริสุทธิ์นั้นย้อนกลับไปเมื่อสามร้อยปีก่อน ในตอนแรกชาวยิวไม่ต้องการให้ท่านศาสดาท่านใดถือกำเนิดขึ้นเลย และชาวยิวก็สร้างปัญหามากมายต่อครอบครัวของท่านศาสดา ตั้งแต่ปู่ทวดของท่านไปจนถึงมุฏฏอลิบและกระทั่งไปถึงขั้นการลอบสังหารบรรดาผู้อาวุโสของครอบครัวนี้เพื่อที่จะบรรลุเป้าหมายดังกล่าว และกระบวนการนี้ก็ได้เกิดขึ้นกับตัวศาสดา ซ็อลฯ) และจากนั้นกับผู้สืบทอด (วะซี) ของท่าน และลูกหลานของท่าน

ชาวยิวลอบสังหารบรรพบุรุษของท่านศาสดา (ซ็อลฯ)

    เกี่ยวกับความเป็นศัตรูที่ยาวนานของกลุ่มอิทธิพลนั้น จำเป็นต้องชี้ถึงการลอบสังหารท่าน "ฮาชิม บิน อับดุลมะนาฟ" ปู่ทวดของท่านศาสดา (ซ็อลฯ) ถึงขั้นที่ก่อนที่ท่านจะเดินทางไปทำการค้าที่ฉนวนกาซา (ของปาเลสไตน์) ท่านได้บอกกับภรรยาของตนว่า ฉันจะไม่ได้กลับจากการเดินทางเพื่อการค้าครั้งนี้ ดังนั้นแผนสมคบคิดของชัยฏอน (ซาตาน) ในการการเผชิญหน้ากับครอบครัวของท่านศาสดา (ซ็อลฯ) นั้นมีอยู่จริง และตามรูปการณ์นี้ อับดุลลอฮ์ บิน ฮาชิม บิน อับดุลมะนาฟ ก็จะถูกลอบสังหารเช่นกัน กลุ่มอิทธิพลที่ยืนเผชิญหน้ากับอะฮ์ลุลบัยต์ (อ.) นั้นในตอนแรกพวกเขาไม่ต้องการให้ท่านศาสดา (ซ็อลฯ) ถือกำเนิดขึ้นเลย ด้วยเหตุนี้ ท่านศาสดา (ซ็อลฯ) จึงต้องถือกำเนิดและเติบโตขึ้นภายใต้การดูแลเป็นพิเศษ ถึงขนาดที่อัลดุลมุฏฏอลิบต้องให้ท่านศาสดา (ซ็อลฯ) นอนรวมอยู่ในหมู่ลูกๆ ของตน เพื่อว่าถ้าหากท่านถูกลอบสังหาร ลูกๆ ของเขาเองจะถูกสังหารแทน

ตั้งแต่เริ่มต้นการแต่งตั้งท่านศาสดา (ซ็อลฯ) ชาวยิวได้พยายามสังหารท่าน

    ในช่วงแรก พวกเขาได้มุ่งความพยายามทั้งหมดไปที่การสังหารท่านศาสดามุฮัมมัด (ซ็อลฯ)  เมื่ออับดุลมุฏฏอลิบนำท่านศาสดา (ขณะเยาว์วัย หลังจากที่บิดาของท่านเสียชีวิต) จากมะดีนะฮ์ไปยังบ้านของตนในมักกะฮ์ เขาไม่ได้บอกใครว่าท่านศาสดามุฮัมมัดเป็นบุตรชายของอับดุลลอฮ์ เพื่อเป็นการปกป้องท่านศาสดาให้ปลอดภัยจากอิทธิพลและเงื้อมมือของชาวยิวเขาจึงเลือกบ้านที่อยู่นอกเมืองมักกะฮ์เพื่อให้ท่านศาสดามีชีวิตอยู่อย่างปลอดภัย สิ่งที่บรรดามุชริกีน (ผู้ตั้งภาคีต่อพระเจ้า) กระทำในการต่อต้านและสร้างอุปสรรคขัดขวางต่อท่านศาสดา (ซ็อลฯ) นั้นยังน้อยกว่าสิ่งที่ชาวยิวกระทำต่อท่านมากนัก

การโกหกครั้งแรกเกี่ยวกับท่านศาสดา (ซ็อลฯ) คือการเสียชีวิตของท่าน

    ท่านศาสดา (ซ็อลฯ) ถูกสังหารเป็นชะฮีด ท่านศาสดา (ซ็อลฯ) ถูกสังหารโดยกลุ่มอิทธิพล (ชาวยิว) และโดยที่กลุ่มอิทธิพลเหล่านี้ได้กล่าวว่า พวกเขาไม่สามารถอดทนต่อท่านศาสดาได้อีกต่อไป ท่านศาสดาได้ไปถึงยังย่างก้าวหหนึ่งของปาเลสไตน์ ท่านไปถึงยังเมืองมูตะฮ์ ท่านได้พิชิตป้อมปราการต่างๆ ของชาวยิวอย่างที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน หากท่านศาสดา (ซ็อลฯ) ยังมีชีวิตอยู่ต่อไปอีกเพียงหนึ่งปี ท่านจะพิชิตปาเลสไตน์ได้ ป้อมปราการต่างๆ อายุสามร้อยปีที่ถูกสร้างขึ้นภายใต้ข้ออ้างว่าเพื่อการดำเนินชีวิตอยู่ของชาวยิวนั้น แท้จริงแล้วมันคือกำแพงดินที่ตั้งไว้บนเส้นทางของท่านศาสดา (ซ็อลฯ) เพื่อชะลอท่านศาสดา (ซ็อลฯ) จากการพิชิตปาเลสไตน์ และกลอุบายสุดท้ายที่ใช้กับท่านศาสดา (ซ็อลฯ) คือประเด็นการวางยาพิษท่าน

การเป็นชะฮีดของอมีรุ้ลมุอ์มินีน อะลี (อ.) เป็นการก่อความเสียหายครั้งแรกของบนีอิสรออีล หลังจากท่านศาสดา

    การก่อความเสียหายครั้งแรกของบนีอิสรออีล คือการเป็นชะฮีด (มรณะสักขี) ของท่านอมีรุลมุอ์มินีน (อ.) อัชอัษ คือหน่วยแทรกซึม (สายลับ) ของอิบนิอาศ ในกองทัพของท่านอิมามอะลี (อ.)ในสงครามซิฟฟีน อัชอัษคือผู้บีบบังคับการยอมรับการอนุญาโตตุลาการ (ฮะกะมียะฮ์) ต่อท่านอมีรุลมุอ์มินีน (อ.)  อบู มูซา อัชอะรี ก็เป็นผู้ที่ได้รับการคัดเลือกจากอัชอัษ และอัชอัษผู้นี้เองให้ที่พักพิงแก่อิบนุมุลญัมในบ้านของตนเป็นเวลา 19 วันเพื่อทำการสังหารท่านอิมามอะลี (อ.) ในคืนที่ 19 ของเดือนรอมฎอน ท่านอมีรุลมุอ์มินีน (อ.) ถือว่าอัชอัษนั้นเป็นชาวยิวและเป็นลูกของชาวยิว

    อีกเหตุการณ์หนึ่งหลังจากการเป็นชะฮีดของท่านอิมามอะลี (อ.) ที่อะฮ์ลุลบัยต์ (อ.) ได้ถูกกระทำ คือการดูหมิ่นและการด่าทอให้ร้ายต่อท่านอิมามฮะซัน มุจญ์ตะบา (อ.) เมื่อชาวยิวได้แพร่กระจายคำพูดดูหมิ่นต่อท่านอิมามฮะซัน บุตรของท่านอิมามอะลี (อ.) ถึงขั้นที่ท่านอิมามตระหนักว่าท่านไม่สามารถต่อสู้ในทางการทหารได้อีกต่อไป เนื่องจากการด่าทอและการสาปแช่งท่านอะลี บิน อบีฏอลิบ (อ.) ได้หยั่งรากลึกแล้ว ในสภาพเช่นนี้เอง ท่านอิมามฮะซัน (อ.) จึงเปลี่ยนยุทธวิธีของท่านในการต่อต้านแผนและกลลวงนี้ โดยที่ท่านได้ยอมรับข้อตกลงสัญญาสงบศึก (ซุลห์)  ยุคของท่านอิมามฮะซัน มุจญ์ตะบา (อ.) เป็นยุคที่มีความซับซ้อนซ่อนเงื่อนที่สุดของอิสลาม การโจมตี (ทำลายแผนและกลอุบาย) ครั้งแรกที่เกิดขึ้นกับกลุ่มอิทธิพล ได้เกิดขึ้นโดยท่านอิมามฮะซัน (อ.) อย่างไรก็ตาม ทั้งบรรดาผู้ร่วมสมัยของท่านอิมามฮะซัน มุจญ์ตะบา (อ.) ไม่เข้าใจท่าน และอีกทั้งหลังจากผ่านไป 1,400 ปี ก็ยังไม่มีใครเข้าใจท่าน ท่านได้รับประสบการณ์และเผชิญกับความเดียวดายอย่างน่าประหลาดยุคสมัยของท่าน ถึงขนาดที่สุไลมาน ซุร็อด คุซาอี กล่าวกับท่านอิมาม ฮะซัน (อ.) ว่า :

                                   السَّلامُ علَيكَ  يا مُذِلَّ المؤمنينَ ! 

          "ขอความสันติจงมีแด่ท่าน โอ้ผู้ที่ทำให้ผู้ศรัทธาพบกับความต่ำต้อยไร้เกียรติ"

    ทั้ง ๆ ที่เขาไม่ใช่ประชาชนคนธรรมดา จากจุดนี้เองจึงเห็นได้ชัดว่าสุไลมานนั้นขาดความเข้าใจที่ลึกซึ่ง (บะซีเราะฮ์)

ขอพลีแด่ผู้ซึ่งกองทัพของท่านถูกปล้นในวันจันทร์

    ขบวนการของชาวยิวได้ใช้พลังอำนาจและอิทธิพลทั้งหมดของตนในเหตุการณ์อาชูรอ ท่านอิมามฮุเซน บุตของอะลี (อ.) ได้ลุกขึ้นเพื่อเผชิญหน้ากับรัฐบาลและอำนาจการปกครองที่หันหลังออกจากหลักการและซุนนะฮ์ (แบบฉบับ) ของท่านศาสนทูตของอัลลอฮ์ (ซ็อลฯ) ไม่ใช่เพื่อการเป็นชะฮีดและไม่ใช่เพื่ออำนาจการปกครอง แต่รากเหง้าและที่มาของการเป็นชะฮีดของท่านซัยยิดดุชชุฮะดาอ์ (อ.) นั้น ย้อนกลับไปในวันจันทร์ที่ 28 ของเดือนซอฟัร หมายถึง วันที่ท่านศาสดา (ซ็อลฯ) ได้เป็นชะฮีด (มรณะสักขี) ชาวยิวได้ใช้อำนาจและอิทธิพลของตนครั้งแรกหลังจากการเป็นชะฮีดของท่านศาสดา (ซ็อลฯ) และได้กำหนดตัวคอลีฟะฮ์ในซะกีฟะฮ์ บนี ซาอิดะฮ์

    พวกเขาได้แสดงบทบาทในการเป็นชะฮีด (มรณะสักขี) ของท่านอมีรุลมุอ์มินีน (อ.) และอัชอัษมีบทบาทสำคัญในการสังหารท่านอิมาม (อ.) อัชอัษไม่ได้ถือว่าภารกิจของเขาเสร็จสิ้นด้วยการสังหารท่านอิมามอะลี (อ.) เพียงเท่านั้น หลังจากนั้น "ญุอ์ดะฮ์" ลูกสาวของเขาก็รับหน้าที่ที่จะทำการวางยาพิษท่านอิมามฮุเซน บุตรของท่านอิมามอะลี (อ.) ด้วยยาพิษฮะลาฮิล (ยาพิษร้ายแรงที่ไม่สามารถถอนพิษได้และจะทำให้เสียชีวิตในเวลาที่สั้น) ชาวยิวในการเผชิญกับการเดินทางอย่างชาญฉลาดของท่านอิมาม (อ.) ออกจากมะดีนะฮ์ไปจนถึงกัรบะลา พวกเขาไม่สามารถจำกัดอยู่แค่เพียงการลอบสังหารและการวางยาพิษท่านอิมาม (อ.) ได้อีกต่อไป แต่ทว่าพวกเขาใช้ทุกวิถีทางและด้วยพลังความสามารถทั้งหมดของพวกเขาที่มีอยู่เพื่อจัดการกับท่านอิมาม (อ.) และเขาได้ส่งกลุ่มผู้แทนพิเศษจากเมืองชาม (ซีเรีย) ไปเพื่อการสังหารท่านซัยยิดุชชุฮะดาอ์ (อ.) และ “ชิมร์ ซิล เญาชัน" นั้น ก็เป็นเพียงหนึ่งในหมู่รับมอบหมายภารกิจผู้เหล่านี้เท่านั้น

การเผชิญหน้าของกลุ่มกระแสชาวยิวกับอาชูรอเป็นอย่างไร?

    ในความคล้ายคลึงกันที่ถูกกล่าวถึงระหว่างท่านศาสดา (อ.) และท่านอิมามฮุเซน (อ.) ประเด็นหนึ่ง คือ "การลบ" (ทำลาย) นั่นก็คือว่า ท่านศาสดายะห์ยา (อ.) ก็ถูกสังหารโดยชาวยิวรด้วยเช่นกัน ความแตกต่างก็คือว่า พวกเขาวางศีรษะของ ของท่านศาสดายะห์ยาลงในพานทองคำแล้วนำศีรษะนั้นไปมอบแก่กษัตริย์ กษัตริย์แห่งบนีอิสรออีล เมื่อได้เห็นศีรษะของของศาสดายะห์ยา (อ.) ก็หายจากสภาพของคนเมาทันที แต่ยะซีดไม่ได้รู้สึกตัวใดๆ เลยแม้จะได้เห็นศีรษะอันบริสุทธิ์ของท่านอิมามฮุเซน ( อ.) อ่านโองการอัลกุรอาน

    อาชูรอ คือสนามแห่งชีวิตและความตายของอิสลาม อาชูรอคือการเผชิญหน้ากันระหว่างสองอารยธรรม และหากเราพิจารณาสภาพการณ์ของช่วงเวลาก่อนการเป็นชะฮีดของท่านซัยยิดุชชุฮะดาอ์ (อ.) แล้วเปรียบเทียบกับสภาพการณ์หลังจากนั้น หากเหตุการณ์อาชูรอไม่เกิดขึ้น ก็จะไม่มีสิ่งใดจากอิสลามเหลืออยู่ นอกจากไอซิส อิสลามแบบอะมะวีย์ (บนีอุมัยยะฮ์) ก็เหมือนกันกับไอซิสนั่นเอง กลุ่มชาวยิวมีการคำนวณผิดเมื่อต้องเผชิญกับขบวนการเคลื่อนไหวของท่านซัยยิดุชชุฮะดาอ์ (อ.) และนั่นก็คือการปรากฏตัวที่มีประสิทธิภาพของท่านหญิงซัยนับ กุบรอ (อ.) พวกท่านดำเนินการในลักษณะที่แผนการทั้งหมดของชาวยิวถูกทำลายลง และจากนั้นพวกเขาก็หันไปใช้การบิดเบือนเพื่อจัดการกับเรื่องราวแห่งอาชูรอ อิบลิสใช้หลายวิธีการในการจัดการกับอาชูรอ วิธีการแรกคือการลบ (การทำลาย) โดยที่พวกเขาพยายามอย่างมากในการทำลายฮะรัม (สถานฝังศพ) และบ้านเรือนโดยรอบของฮะรัมท่านอิมามฮุเซน (อ.) ในช่วงสมัยของฮัจญาจ บิน ยูซุฟ  พวกเขาสั่งให้ปล้นคาราวานของผู้เดินทางไปซิยารัตท่านอิมามฮุเซน (อ.)  และจากนั้นก็เข่นฆ่าสังหารคาราวานของบรรดาผู้เดินทางไปซิยารัตท่านอิมามฮุเซน (อ.)

    ขบวนการของกลุ่มชาวยิวมีทักษะมากในการปลอมแปลงหะดีษ บิดเบือนประวัติศาสตร์ และเขียนริวายะฮ์ (คำรายงาน) ใหม่ๆ ที่ไม่มีมูลความจริง อบู ฮุร็อยเราะฮ์ และกะอ์บุลอะห์บาร เป็นชาวยิวทั้งคู่ พวกเขามีทักษะในการสร้างริวายะฮ์ (คำรายงาน) โดยการเปลี่ยนแปลงริวายะฮ์ (คำรายงาน) ต่างๆ ซึ่งจะเป็นการปูทางไปสู่ของการเข่นฆ่าและมีการต่อสู้ ชาวยิวเมื่อพวกเขาไม่สามารถกำจัดอาชูรอได้ พวกเขาจึงใช้พลังความสามารถทั้งหมดเพื่อบิดเบือนเรื่องราวของอาชูรอ

การเรียกร้องความยุติธรรมจำเป็นต้องเกิดขึ้นทั่วโลก

    หน้าที่ของเราก็คือการสร้างพื้นที่สำหรับการแสวงหาความยุติธรรมและนั่นก็จะต้องเกิดขึ้นในระดับโลกด้วย แนวคิดที่ว่าท่านบะกียะตุลอฮ์ อัลอะอ์ซ็อม หรือท่านอิมามมะฮ์ดี (อ.) จะมาเพื่อการทำสงครามนั้นไม่เป็นความจริงเลย แน่นอนท่านอิมาม (อ.) จะทำการต่อสู้ แต่ท่านจะต่อสู้กับบรรดาผู้เป็นปฏิปักษ์ผู้กดขี่เท่านั้น ไม่ใช่กับอ่อนแอผู้ถูกกดขี่ (มุสตัฎอะฟีน) ทางสติปัญญา ถ้าหากพื้นฐานในการเรียกร้องหาความยุติธรรมได้ถูกจัดเตรียมขึ้น พื้นฐานในการปรากฏตัว (ซุฮูร) ของท่านอิมามมะฮ์ดี (อ.) ก็จะถูกจัดเตรียมและเร่งรัดให้เร็วขึ้น ตราบใดที่เรียกร้องหาสังคมที่มีความยุติธรรมยังไม่เกิดขึ้น ประเด็นการปรากฏตัว (ซุฮูร) ก็จะยังคงอยู่ในความมืดมน

    ดังนั้นการเผชิญหน้ากับอิสราเอลจึงไม่ใช่การเผชิญหน้าทางการเมือง แต่เป็นการเผชิญหน้าทางศาสนา มันเป็นกระแสที่ยาวนานที่เริ่มต้นจากกอบีลและจนมาถึงเราในปัจจุบันนี้ และเขื่อนกั้นในการต่อสู้กับกระแสอิทธิพลในปัจจุบันนี้ก็คือฉนวนกาซา

    วันนี้ รากฐานและเบื้องหลังของการปกครองแบบเผด็จการ (ฏอฆูต) และการใช้อำนาจครอบงำ (Hegemony) ของมหาอำนาจจอมอหังการ์นั้นคืออิสราเอล และตราบที่ระบบเผด็จการ (ฏอฆูต) ของพวกเขายังไม่ถูกโค่นลง คำกล่าวที่ว่า "ไม่มีพระเจ้าอื่นใดนอกจากอัลลอฮ์" ก็จะยังไม่เป็นจริงขึ้นอย่างสมบูรณ์ แน่นอนว่าอิสราเอลนั้นเป็นเพียงหางของชาวยิว เป็นเพียงรูปโฉมหนึ่งของชาวยิว เมื่อพิจารณาถึงหลักฐานอ้างอิงทางประวัติศาสตร์ ตัวบทริวายะฮ์ (คำรายงาน) และดุอาอ์ (คำวิงวอนขอ) ต่างๆ ที่มาจากบรรดามะอ์ซูม (อ.) ผู้บริสุทธิ์ เราจะพบว่าชาวยิวมีบทบาทสำคัญในการเข่นฆ่าสังหารอะฮ์ลุลบัยต์ (อ.) ครอบครัวที่บริสุทธิ์ของท่านศาสดา (ซ็อลฯ) มาโดยตลอด และเช่นเดียวกับที่พวกเขาได้จัดแถวเผชิญหน้ากับการถือกำเนิดของท่านศาสดา (ซ็อลฯ) และพยายามหาทางในการสังหารทารกน้อยผู้มีเกียรติท่านนี้ พวกเขาก็พยายามสร้างอุปสรรคกีดขวางและทำให้การปรากฏตัว (ซุฮูร) ของท่านอิมามมะฮ์ดี (อ.) ล่าช้าออกไป


แปลและเรียบเรียงโดย : เชคมุฮัมมัดนาอีม ประดับญาติ

Copyright © 2024 SAHIBZAMAN.NET- สื่อเรียนรู้สำหรับอิสระชนคนรุ่นใหม่

ผู้เยี่ยมชมอยู่ขณะนี้

มี 1048 ผู้มาเยือน และ ไม่มีสมาชิกออนไลน์ ออนไลน์

25145130
Today
Yesterday
This Week
Last Week
This Month
Last Month
All days
9322
37028
9322
24887231
330833
1079962
25145130

อ 22 ธ.ค. 2024 :: 08:33:02