กองคาราวานของท่านอิมามฮุเซน (อ.) ได้ออกเดินทางจากนครมักกะฮ์ในวันที่แปดของเดือนซุลฮิจญะฮ์ ปีฮิจเราะฮ์ศักราชที่ 60 และมาถึงยังแผ่นดินกัรบาลาในวันที่สองของเดือนมุฮัรรอม ปีฮิจเราะฮ์ศักราชที่ 61 ด้วยเหตุนี้เอง ในคืนที่สองของสิบคืนแรกของเดือนมุฮัรรอม ในพิธีไว้อาลัยท่านอิมามฮุเซน (อ.) ซิกร์มุซีบัตเกี่ยวกับเรื่องราว "การเดินทางมาถึงยังแผ่นดินกัรบาลาของกองคาราวานของท่านอิมามฮุเซน (อ.) "
หลังจากที่บนีอุมัยยะฮ์ ได้กดดันให้ท่านอิมามฮุเซน (อ.) เพื่อให้สัตยาบันต่อยาซีด ท่านอิมามได้ตัดสินใจออกเดินทางจากมะดีนะฮ์ไปยังมักกะฮ์ในวันที่ 28 เดือนรอญับ ปีฮิจเราะฮ์ศักราชที่ 60 และใช้เวลาของเดือนชะอ์บาน, รอมฎอน, เชาวาลและซุลเกาะดะฮ์อยู่เคียงข้างบัยตุลลอฮ์ และเมื่อเดือนซุลฮิจญะฮ์มาถึง ท่านได้ครองเอี๊ยะห์รอมเพื่อประกอบพิธีฮัจญ์
ในอีกด้านหนึ่ง "อัมร์ อิบนุซะอัด อิบนุอาศ" ได้รับคำสั่งจากยะซีดให้ไปยังมักกะฮ์เพื่อจับกุมหรือทำสงครามกับท่านอิมามฮูเซน (อ.) เขาไปถึงมักกะฮ์ในวัน “ตัรวียะฮ์” (คือ วันที่ 8 ซุลฮิจญะฮ์)
ท่านอิมาม (อ.) ซึ่งทราบดีว่าคนเหล่านี้จะไม่เคารพเกียรติของฮะรัมแห่งพระเจ้า ท่านจึงละทิ้งการทำฮัจญ์ตะมัตตุอ์ของท่านกลางคันและเปลี่ยนเป็นอุมเราะฮ์มุฟรอดะฮ์ แล้วเดินทางออกจากมักกะฮ์ แรงจูงใจของท่านอิมาม (อ.) ในการทำเช่นนั้นก็ดังที่ท่านได้กล่าวไว้ คือการรักษาเกียรติของบัยตุลลอฮ์
ในคำตอบที่มีต่อ “มุฮัมมัด บินฮะนะฟียะฮ์” ที่เตือนท่านจากการตัดสินใจเดินทางออกไปจากนครมักกะฮ์และรบเร้าท่านให้พำนักอยู่ในเมืองนี้ ท่านกล่าวว่า : "โอ้น้องชายเอ๋ย! ฉันกลัวว่ายะซีดจะฆ่าฉันอย่างฉับพลันในฮะรัมนี้และเกียรติของบ้านหลังนี้ก็จะถูกทำลายด้วยสาเหตุของฉัน"
เช่นเดียวกันนี้ท่านอิมาม (อ.) ยังได้กล่าวตอบต่อคนอื่นๆ อย่างเช่น “อิบนุอับบาส”, “ฟะรัซดัก” และ “อับดุลลอฮ์ อิบนุซุบัยร์” ที่กล่าวซ้ำการร้องขอเดียวกันนี้และคาดคิดว่าศัตรูจะรักษาเกียรติของมักกะฮ์ โดยท่านอิมาม (อ.) ได้กล่าวว่า : "หากฉันจะถูกสังหารนอกเขตมักกะฮ์แม้เพียงคืบเดียว ก็ยังเป็นที่ปรารถนาสำหรับฉันยิ่งกว่าการที่ฉันจะถูกสังหาร ณ แผ่นดินนี้และเกียรติของมักกะฮ์จะไม่ถูกทำลายลง"
ต่อมาภายหลังในช่วงการก่อจลาจลของ “อับดุลลอฮ์ อิบนุซุบัยร์” บนีอุมัยยะฮ์ได้ยิงลูกไฟเข้าไปในอาคารกะอ์บะฮ์และได้สังหารอับดุลลอฮ์ อิบนิซุบัยร์ ในมัสยิดิลฮะรอม เห็นได้ชัดว่าอิบนิอับบาสแม้จะมีความปราดเปรื่องและอิบนิซุบัยร์แม้จะชาญฉลาดแต่ก็เผชิญกับความผิดพลาด แต่ท่านอิมาม (อ.) ได้มองเห็นถึงอนาคตอย่างชัดแจ้งและรู้จักบรรดาศัตรูของอิสลามเป็นอย่างดี
ในขณะที่บรรดาฮุจญาจกำลังเดินทางมุ่งสู่มินา เพื่อประกอบพิธีฮัจย์ ท่านอิมาม (อ.) ได้ทำการฏอวาฟ เดินซะแอระหว่างเขาซอฟาและมัรวะฮ์ ทำการตักซีร (ขลิบผม) และเปลื้องเอี๊ยะห์รอมอุมเราะฮ์และมุ่งหน้าเดินทางสู่เมืองกูฟะฮ์
เมื่อข่าวการออกเดินทางของท่านอิมาม (อ.) ได้ไปถึงมุฮัมมัด ฮะนะฟียะฮ์ เขาได้ออกไปยังกองคาราวานและจับบังเหียรอูฐของท่านอิมาม (อ.) พร้อมกับพูดว่า : "โอ้พี่ชาย! อะไรทำให้ท่านตัดสินใจออกเดินทางอย่างฉับพลันและรีบเร่งถึงเพียงนี้?" ท่านอิมามฮูเซน (อ.) กล่าวว่า : "เมื่อคืนนี้ ท่านศาสนทูตของอัลลอฮ์ (ซ็อลฯ) มาหาฉันในฝันและกล่าวว่า : “โอ้ฮุเซนเอ๋ย! จงออกไปเถิดอัลลอฮ์ทรงประสงค์ที่จะเห็นเจ้าถูกสังหาร” มุฮัมมัด บินฮะนะฟียะฮ์ ได้กล่าวว่า : “อินนา ลิลลาฮิ วะอินนา อิลัยฮิรอญิอูน! แล้วทำไมท่านต้องนำสตรีและเด็กเหล่านี้ติดตามไปด้วย" ท่านอิมาม (อ.) ตอบว่า " (ท่านศาสนทูตของอัลลอฮ์) ตาของฉันกล่าวว่า อัลลอฮ์ต้องการเห็นคนเหล่านี้ถูกจับเป็นเชลย"
เช่นนี้เองที่ท่านอิมามฮุเซน (อ.) ได้ออกจากมักกะฮ์พร้อมกับครอบครัวและผู้ช่วยเหลือของท่านจำนวนหนึ่งเพื่อรักษาเกียรติและความศักดิ์สิทธิ์ของฮะรัมแห่งพระผู้เป็นเจ้าตามคำสั่งของศาสนทูตของอัลลอฮ์ (ซ็อลฯ) และเพื่อธำรงไว้ซึ่งพระบัญชาแห่งพระเจ้า และมุ่งหน้าสู่แผ่นดินอิรัก วันออกเดินทางของกองคาราวานนั้นนักประวัติศาสตร์บางคนได้บันทึกไว้ว่าตรงกับวันตัรวียะฮ์ (วันที่ 8 ซุลฮิจญะฮ์) และอิบนุเกาละวัยฮ์อ้างจากท่านอิมามบากิร (อ.) ว่าตรงกับวันที่เจ็ดของเดือนนี้
หลังจากการเดินทางรอนแรมเป็นเวลายี่สิบกว่าวัน กองคาราวานของท่านอบาอับดิลลาฮ์ (อ.) ก็ต้องหยุดลงระหว่างทางใกล้เมืองกูฟะฮ์โดย "ฮุร บินยาซีด ริยาฮี" และกองทหารของเขาซึ่งถูกมอบหมายให้ปิดกั้นเส้นทางกองคาราวานของท่าน (รายละเอียดเพิ่มเติมจะถูกกล่าวถึงในวันพรุ่งนี้)
หลังจากการเจรจาที่ยาวนานระหว่างท่านอิมาม (อ.) และฮุรและหลังจากที่ฮุรได้กล่าวว่า "เมื่อท่านปฏิเสธที่จะทำตามคำสั่งของอุบัยดิลลาฮ์ ท่านก็จงเลือกแนวทางหนึ่งที่จะไม่มุ่งหน้าไปยังกูฟะฮ์และไม่ย้อนกลับไปยังมะดีนะฮ์ ท่านอิมาม (อ.) จึงได้เลือกเส้นทางมุ่งสู่เมืองกอดิซียะฮ์
กองทหารของฮุรและกองคาราวานของท่านอิมาม (อ.) ได้เดินทางเคียงคู่กันไปเป็นเวลาหลายวันจนกระทั่งวันที่สองของเดือนมุฮัรรอม ใกล้ๆ กับหมู่บ้าน “นีนาวา” จดหมายจาก “อุบัยดิลลาฮ์ อิบนิซิยาด” ได้มาถึงฮุร ในจดหมายดังกล่าวได้เขียนว่า : "เมื่อจดหมายของฉันมาถึงเจ้า เจ้าก็จงหยุดคาราวานของฮุเซนไว้ และจงกระชับพื้นที่และจงให้พวกเขาหยุดพักในทะเลทรายที่ว่างเปล่าและไร้น้ำ"
ฮุรได้บีบบังคับท่านอิมามฮุเซน (อ.) และกองคาราวานของท่านให้ตั้งค่ายพักในสถานที่ที่แห้งแล้งและไร้น้ำตามจดหมายของอุบัยดิลลาฮ์ ท่านอิมาม (อ.) ได้กล่าวกับเขาว่า : "ความวิบัติจงประสบแก่เจ้า! เจ้าจงปล่อยให้เราไปหยุดพักในชนบทและในหมู่บ้านเถิด" ฮุรกล่าวว่า : “ไม่ได้! ขอสาบานต่ออัลลอฮ์ว่าข้าพเจ้าไม่สามารถทำเช่นนั้นได้ ผู้ถือจดหมายนี้กำลังสอดแนมข้าพเจ้าอยู่และท่านจำเป็นต้องหยุดพักอยู่ที่นี่”
“ซุเฮร” หนึ่งในผู้ช่วยเหลือของท่านอิมามฮูเซน (อ.) กล่าวว่า : "โอ้บุตรของศาสนทูตของอัลลอฮ์! การต่อสู้กับคนกลุ่มนี้ง่ายกว่าการต่อสู้กับบรรดาผู้ที่จะเข้ามาสมทบกับพวกเขาในภายหลัง ดังนั้นปล่อยให้พวกเราต่อสู้กับพวกเขาเถิด" ท่านอิมามกล่าวว่า : "ฉันจะไม่เป็นผู้เริ่มต้นสงครามก่อน"
จากนั้นท่านได้ถามถึงชื่อของดินแดนแห่งนั้น พวกเขาบอกว่าชื่อของที่นี้คือ "อะก็อร" ท่านถามอีกครั้งว่า "มีชื่ออื่นอีกไหม" พวกเขาบอกว่า : มันถูกเรียกว่า “นีนาวา” และยังมีชื่ออื่นอีกคือ "กัรบาลา" จากนั้นท่านอิมามได้เริ่มร้องไห้และกล่าวว่า :
اللهم اني اعوذ بك من الكرب و البلاء
"โอ้อัลลอฮ์! ข้าพระองค์ขอความคุ้มครองต่อพระองค์จากความเศร้าโศกและความทุกข์ยาก”
هذا موضع كرب و بلاء
“นี่คือสถานที่ของความเศร้าโศกและความทุกข์ยาก”
จากนั้นท่านก็กล่าวกับบรรดาสหายว่า : "จงลงพักที่นี่เถิด ท่านศาสนทูตของอัลลอฮ์ตาของฉันได้บอกฉันว่า เลือดของพวกเราจะถูกหลั่งลงบนแผ่นดินนี้และพวกเราจะถูกฝังลงที่นี่" จากนั้นท่านก็สั่งให้ตั้งเต็นท์ในดินแดนที่ไม่มีน้ำและหญ้านี้
ในอีกริวายะฮ์ (คำรายงาน) หนึ่งก็ได้กล่าวว่า เมื่อพวกเขาบอกกับท่านอิมาม (อ.) ว่าชื่อของสถานที่แห่งนี้คือกัรบาลา ท่านได้ดมกลิ่นดินของพื้นดินแห่งนี้และร้องไห้ พร้อมกับกล่าวว่า : อุมมุซะลามะฮ์ได้บอกฉันว่า วันหนึ่งญิบรออีลลงมาพบท่านศาสนทูตของอัลลอฮ์ และฉันได้อุ้มเจ้าไปยังท่านในขณะที่เจ้าร้องไห้ ท่านศาสนทูตได้อุ้มเจ้าและวางลงบนตักของท่าน ญิบรออีลได้กล่าวถามว่า : “ท่านรักเด็กน้อยคนนี้ใช่ไหม?” ท่านศาสดากล่าวว่า : “ใช่แล้ว! ฉันรักเขา” ญิบรออีลกล่าวว่า : “อุมมะฮ์ (ประชาชาติ) ของท่านจะทำการสังหารเขา“ จากนั้นญิบรออีลได้มอบดินกัรบะลาให้แก่ท่านศาสนทูตของอัลลอฮ์ ขอสาบานต่ออัลลอฮ์ ดินนี้ก็คือดินดังกล่าว”
นอกจากนี้ในฮะดีษบทหนึ่ง ในช่วงเวลาที่ท่านอิมามอะลี (อ.) เดินทางไปทำสงคราม “ซิฟฟีน” และไปถึงยังชานเมือง “นีนาวา” ท่านถามว่า : “พวกเขาเรียกสถานที่แห่งนี้ว่าอะไร?” พวกเขาตอบว่า : “กัรบาลา” ท่านอมีรุ้ลมุอ์มินีน (อ.) ร้องไห้อย่างมากถึงขั้นที่พื้นดินได้เปียกชื้นไปด้วยน้ำตาของท่าน ... เนื่องด้วยท่านรู้ว่าสักวันหนึ่งฮูเซนบุตรชายของท่านนั้นต้องถูกสังหารอย่างอธรรม ณ แผ่นดินแห่งนี้ แผ่นดินที่มีนามว่า "กัรบะลา"
และตอนนี้ มาเถิดเราเองก็จงมาร้องไห้ไปพร้อมกับท่านศาสดามุฮัมมัด (ซ็อลฯ) และท่านอิมามอะลี (อ.) แด่ท่านอบาอับดิลลาฮ์ (อ.) ผู้ที่บรรดาชาวฟ้าและแผ่นดินต้องร่ำไห้ต่อมุซีบัตที่จะมาประสบกับท่าน ...
الا لعنة الله علی القوم الظالمين؛
و سيعلم الذين ظلموا أي منقلب ينقلبون
แหล่งที่มา
1.อัลลุฮูฟ ฟี ก็อตลา อัฏฏุฟูฟ, ซัยยิดอิบนุฏอวูซ
2.นะฟะซุลมะฮ์มูม, เชคอับบาซกุมมี
3.ตารีค อัฏฏอบะรี, อิยนุญะรีร อัฏฏอบะรี
บทความ : เชคมุฮัมมัดนาอีม ประดับญาติ
Copyright © 2018 SAHIBZAMAN.NET- สื่อเรียนรู้สำหรับอิสระชนคนรุ่นใหม่