บทบาทของอิมามซัจญาด (อ.) ในการฟื้นฟูอิสลาม
บทบาทของอิมามซัจญาด (อ.) ในการฟื้นฟูอิสลาม

ส่วนหนึ่งจากประเด็นและหัวข้อต่างๆ ที่ควรให้ความสนใจและกล่าวถึงเกี่ยวกับการยืนหยัดต่อสู้และวัฒนธรรมแห่งอาชูรอนั่นก็คือ สถานะและบทบาทของอิมามซัจญาด (อ.) ในการฟื้นฟูและรักษาการยืนหยัดต่อสู้แห่งอาชูรอให้คงอยู่ ไม่มีบุคคลใดที่มีหัวใจเป็นธรรมและเป็นนักวิชาการที่มีความรู้อย่างสมบูรณ์เกี่ยวกับประวัติศาสตร์อิสลามจะปฏิเสธผลกระทบและบทบาทของท่านอิมามซัจญาด (อ.) ในการรักษาขบวนการต่อสู้แห่งกัรบาลาให้คงอยู่

    ท่านอิมามซัจญาด (อ.) มีชีวิตอยู่ประมาณสามสิบห้าปีหลังจากการเป็นชะฮีดของบิดาผู้มีเกียรติของท่าน ในช่วงเวลาสามสิบห้าปีนี้ ท่านอิมามซัยนุลอาบิดีน (อ.) ได้ทำสิ่งที่ยิ่งใหญ่เพื่อรักษาคุณค่าต่างๆ ของอิสลามที่แท้จริง และรักษาอุดมคติอันศักดิ์สิทธิ์ของกัรบาลาให้คงอยู่ ในที่นี้ เราจะกล่าวถึงงานสำคัญบางส่วนของท่านอิมาม (อ.) ในช่วงเวลาดังกล่าว

1.การอธิบายเกี่ยวกับขบวนการต่อสู้แห่งอาชูรอ

    งานและบทบาทแรกและสำคัญที่สุดที่ท่านอิมามซัจญาด (อ.) ได้กระทำหลังจากการเป็นชะฮีดของท่านอิมามฮูเซน (อ.) บิดาผู้ทรงเกียรติของท่าน คือการอธิบาย ให้ความรู้ และการให้ความกระจ่างเกี่ยวกับการถูกกดขี่ของท่านอิมามฮูเซน (อ.) และบทบาทในการขัดขวางแผนการทำลายอิสลามของบนีอุมัยยะฮ์ในยุคสมัยของท่าน ในขณะที่บนีอุมัยยะฮ์พยายามที่จะอธิบายและแสดงให้เห็นการกระทำอันชั่วร้ายและน่าละอายต่างๆ ของตนเองเป็นไปตามบทบัญญัติของศาสนา ท่านอิมามซัจญาด (อ.) ได้ให้จิตวิญญาณใหม่แก่ประชาชาติอิสลามด้วยการอธิบายให้เห็นเนื้อแท้แห่งชัยฏอนและโฉมหน้าที่กระหายเลือดของระบอบการปกครองของบนีอุมัยยะฮ์ และชี้ให้ชาวมุสลิมได้เห็นความผิดพลาดครั้งใหญ่ที่พวกเขาได้กระทำ

    ท่านอิมามญะอ์ฟัร อัซ ซอดิก (อ.) เล่าวว่า : “สี่สิบปีที่ท่านอิมามซัยนุลอาบิดีน (อ.) ร้องไห้ให้กับเหตุการณ์ที่น่าเศร้านี้ด้วยน้ำตาคลอเบ้าและหัวใจที่โศกเศร้า และใช้เวลาทั้งกลางวันในการถือศีลอดและกลางคืนในการทำอิบาดะฮ์ (นมัสการพระผู้เป็นเจ้า)! เมื่อถึงเวลาละศีลอด คนรับใช้จะนำอาหารและเครื่องดื่มสำหรับการละศีลอดมาวางลงเบื้องหน้าท่าน และกล่าวกับท่านว่า : "จงรับประทานอาหารเถิด โอ้นายของฉัน!" (ท่านจะหวนรำลึกถึงเหตุการณ์การเป็นชะฮีดของบิดาและบรรดาชะฮีดที่นอนกลิ้งเกลือกอยู่กับเลือดและฝุ่นทรายแห่งกัรบาลา)  และท่านจะกล่าวตอบว่า :

 قُتِلَ ابْنُ رَسُولِ اللَّهِ ( صلى الله عليه و آله ) جَائِعاً ، قُتِلَ ابْنُ رَسُولِ اللَّهِ عَطْشَاناً

"บุตรชายของศาสนทูตของอัลลอฮ์ (ซ็อลฯ) ถูกสังหารในสภาพที่หิวโหย! บุตรชายของศาสนทูตของอัลลอฮ์ (ซ็อลฯ) ถูกสังหารในสภาพที่กระหายน้ำ!"

    ท่านจะยังคงกล่าวซ้ำเช่นนั้นและยังคงร้องไห้จนกระทั่งอาหารของท่านเปียกชื้นไปด้วยน้ำตาของท่าน และน้ำดื่มของท่านผสมปนเปไปด้วยน้ำตาของท่าน และสภาพเช่นนี้ดำเนินไปจนกระทั่งท่านกลับไปพบกับพระผู้เป็นเจ้า" (1)

2.การอธิบายคำสอนที่ทรงคุณค่าของอิสลามในรูปของดุอาอ์และการภาวนาขอพร

    หนึ่งในประเด็นที่ทำให้ท่านอิมามฮุเซน (อ.) ดำเนินการยืนหยัดขึ้นต่อต้านระบอบที่อธรรมและกดขี่คือการตกอยู่ในอันตรายของศาสนาและคำสอนของอิสลาม การปกครอง (คิลาฟะฮ์) ของบนีอุมัยยะฮ์ ได้นำเสนอภาพลักษณ์ของศาสนาที่เป็นเท็จและไม่เป็นอิสลามต่อสังคม บรรดาผู้นำและบุคคลสำคัญของบนีอุมัยยะฮ์ได้ก่ออาชญากรรมทางศาสนาและสังคมที่ชั่วร้ายที่สุดได้อย่างง่ายดาย พวกเขาล้อเลียนคำสอนทางศาสนา จิตสำนึกและจิตวิญญาณทางศาสนาได้ถูกลบออกจากสังคม หลังจากการเป็นชะฮีดของท่านอิมามฮุเซน (อ.) ท่านอิมามซัจญาด (อ.) ได้อธิบายคำสอนต่างๆ ของอิสลามและวาดภาพให้เห็นถึงเนื้อแท้และข้อเท็จจริงของศาสนาแก่ประชาชาติอิสลามโดยผ่านดุอาอ์และคำวิงวอนขอพร ผลงานที่ดีที่สุดของอิมามซัจญาด (อ.) ในเรื่องนี้ที่ตกทอดมาถึงเราคือหนังสืออันมีค่าที่มีชื่อว่า "ซอฮีฟะฮ์ อัซ ซัจญาดียะฮ์"

3- การอบรมขัดเกลาสานุศิษย์ที่มีประสิทธิภาพในสังคมอิสลาม

     บทบาทที่สามของท่านอิมามซัจญาด (อ.) หลังจากขบวนการต่อสู้แห่งกัรบะลาอ์ คือการอบรมขัดเกลาบรรดาสานุศิษย์ที่ยิ่งใหญ่สำหรับอิสลาม แหล่งอ้างอิงทางประวัติศาสตร์และฮะดีษได้กล่าวถึงบรรดาสานุศิษย์คนสำคัญของท่านอิมามซัจญาด (อ.) ไว้ ซึ่งจะขออ้างถึงสานุศิษย์ที่มีชื่อเสียงบางคนของท่านอิมาม (อ.) ไว้ในที่นี้ :

        1. อบู ฮัมซะฮ์ ซุมาลี : ชื่อของเขาคือ ซาบิต บิน ดีนาร และเขาเป็นหนึ่งในสหายที่ใกล้ชิดที่สุดของอิมามซัจญาด อ. เขาเป็นผู้อาวุโสที่ยิ่งใหญ่ของชาวชีอะฮ์แห่งเมืองกูฟะฮ์ในยุคของตน เขาอยู่ในระดับสูงทั้งทางวิทยาการและจิตวิญญาณ มีรายงานจากท่านอิมามริฎอ (อ.) ว่า :

ابوحمزۀ الثمالی فی زمانه کسلمان الفارسی فی زمانه

"อบูฮัมซะฮ์ ซุมาลี ในสมัยของตนเป็นเหมือนซัลมาน ฟาริซี ในสมัยของเขา" (2)

    เขาได้ร่ายบทดุอาอ์ในช่วงก่อนรุ่งอรุณ (ซะฮัร) ของเดือนรอมฎอน ซึ่งรู้จักกันในชื่อ "ดุอาอ์ อบูฮัมซะฮ์ อัซ ซุมาลี"ละเช่นเดียวกันนี้ "ริซาละตุ้ลหุกูก" จากท่านอิมามซัจญาด (อ.) เขามีชีวิตอยู่าวนานหลายปีหลังจากท่านอิมามซัจญาด (อ.) และได้อยู่ร่วมสมัยกับท่านอิมามมุฮัมมัด บากิร (อ.) ท่านอิมามญะอ์ฟัร ซอดิก (อ.) และท่านอิมามมูซา กาซิม (อ.)

        2. ยะห์ยา บิน อุมมิฏฏอวีล : เขาเป็นหนึ่งในสหายและเป็นผู้ใกล้ชิดพิเศษของท่านอิมามซัจญาด (อ.) ในเมืองกูฟะฮ์และในสมัยการปกครองของฮัจญาจ เขาได้พูดด้วยเสียงดังท่ามกลางผู้คนว่า :

مَنْ سَبَّ عَلِيّاً عليه السلام فَعَلَيْهِ لَعْنَةُ اللّهِ ، وَ نَحْنُ بُرَآءُ مِنْ آلِ مَرْوَانَ وَ مَا يَعْبُدُونَ مِنْ دُونِ اللّهِ

 "ใครก็ตามที่ด่าประณามท่านอะลี (อ.) ขอให้อัลลอฮ์ทรงสาปแช่งเขาด้วย และเราไม่ขอยุ่งเกี่ยวกับวงศ์วานของมัรวาน และสิ่งที่พวกเขาสักการะบูชานอกเหนือจากอัลลอฮ์" (3)

    และฮัจญาจได้สังหารเขาจนเป็นชะฮีดเนื่องจากการประท้วงและคำพูดที่รุนแรงเหล่านี้ของเขา

        3. สะอีด บินญุบัยร์ : เขาเป็นหนึ่งในสหายที่มีชื่อเสียงของท่านอิมามซัจญาด (อ.) และเขาได้รับการยอมรับทางวิทยาการโดยชีอะฮ์และซุนนี อะห์มัด บิน ฮันบัล (หนึ่งในอิหม่ามผู้นำสี่มัซฮับของซุนนี) เชื่อว่า สะอีด บิน ญุบัยร์ ถูกสังหารในขณะที่ประชาชนทุกคนมีความต้องการยังความรู้ของเขา (4) เขาเป็นผู้ยำเกรงพระเจ้าและเคร่งศาสนามาก และมีความผูกพันอย่างมากต่อการอ่านคัมภีร์อัลกุรอาน มากถึงขนาดที่เขาจะอ่านอัลกุรอานให้จบทุกคืนในเดือนรอมฎอน และทุกสองคืนในเดือนอื่นจากเดือนรอมฎอน (5) ฮัจญาจ บินยูซุฟ ได้สังหารบุรุษผู้ยิ่งใหญ่นี้จนเป็นชะฮีดในปี ฮ.ศ. 95

        4. สะอีด บิน มุซัยยับ : เขาเป็นหนึ่งในสหายที่เก่าแก่ที่สุดของท่านอิมามซัจญาด (อ.) และเป็นที่รู้จักดีในด้านหลักนิติศาสตร์ (ฟิกฮ์) และความยำเกรง (ตักวา) ต่อพระผู้เป็นเจ้าของเขา อิบนุฮัยยาน (นักวิชาการอิลมุรริญาล (การตรวจสอบชีวประวัติบุคคล) ของชาวซุนนี) ได้เขียนว่า : "ในด้านหลักนิติศาสตร์อิสลาม (ฟิกฮ์) ความเคร่งครัดศาสนา การเคารพภักดีพระเจ้า (อิบาดะฮ์) คุณธรรม และความยำเกรงพระเจ้านั้น เขาอยู่ในระดับแนวหน้าของตาบิอีน (คนชั้นถัดจากซอฮาบะฮ์)" (6) ท่านอิมามซอดิก (อ.) ได้แนะนำเขาในริวายะฮ์ (คำรายงาน) บทหนึ่งว่า เป็นผู้ได้รับความไว้วางใจ (ซิกเกาะฮ์) ของท่านอะลี บินฮุเซน หรือท่านอิมามซัจญาด (อ.)

       5. อบู คอลิด กาบิลี : ในช่วงเริ่มแรกเขาเชื่อในความเป็นอิหม่ามของมุฮัมมัด บิน ฮะนะฟียะฮ์ และด้วยการปฏิเสธของมุฮัมมัด บิน ฮะนะฟียะฮ์เอง ทำให้เขาสามารถรู้จักอิมามที่แท้จริงได้ (7) และหลังจากนั้นเขาก็อยู่ในหมู่สาวกของท่านอิมามซัจญาด (อ.) ท่านอิมามซอดิก (อ.) ก็ได้แนะนำเขาเช่นกันว่าเป็นผู้ได้รับความไว้วางใจ (ซิกเกาะฮ์) ของท่านอิมามซัจญาด (อ.) (8)

คำพูดสุดท้าย

    แม้ว่าบรรดาอิมามผู้บริสุทธิ์ (อ.) มักจะอยู่ภายใต้การคุกคามและการกดดันทางการเมือง สังคม และการทหารที่รุนแรงที่สุด จากบรรดาผู้หลงโลกและรัฐบาลที่กดขี่ในยุคสมัยของพวกท่าน แต่ถึงกระนั้นก็ตาม บรรดาอิมาม (อ.) เหล่านี้ก็ไม่เคยละทิ้งพันธกิจในการชี้แนะแนวทางแก่เหล่าสาวกของตน และทำให้ความจริงกระจ่างแจ้งแก่พวกเขาด้วยวิธีการต่าง ๆ ตัวอย่างเช่น ท่านอิมามซัจญาด (อ.) ในสังคมที่เต็มไปด้วยวิกฤตและการบีบคั้นแห่งยุคสมัยของตนนั้น ท่านได้มอบให้ความรู้และหลักคำสอนทางศาสนาที่สวยงามและมีคุณค่าที่สุดแก่ประชาชาติอิสลามโดยอาศัยบทดุอาอ์และคำภาวนาขอพร


แหล่งอ้างอิง :

1. วะซาอิลุชชีอะฮ์, ฮุรรุ้ลอามิลี, เล่ม 3, หน้า 282

2. อิคติยาร มะอ์ริฟะติรริญาล, เชคฏูซี, เล่ม 2, หน้า 458

3. ตันกีฮุลมะกอล, อับดุลลอฮ์ มามะกอนี, เล่ม 3, หน้า 312

4.รอวียอเน มุชตะร็อก, ฮุเซน ฮะซีซี และคนอื่นๆ, เล่ม 1, หน้า 396

5. เล่มเดิม, หน้า 395

6. เล่มเดิม, หน้า 406

7. อิคติยาร มะอ์ริฟะติรริญาล, เชคฏูซี, เล่ม 1, หน้า 336

8. อัลกาฟี, เชคกุลัยนี, เล่ม 1, หน้า 472


บทความโดย : เชคมุฮัมมัดนาอีมประดับญาติ

Copyright © 2024 SAHIBZAMAN.NET- สื่อเรียนรู้สำหรับอิสระชนคนรุ่นใหม่