ซุฟยานีเดินทางมุ่งสู่เมืองกูฟะฮ์พร้อมกับกองทัพที่ประสบกับความพ่ายแพ้ และในอีกด้านหนึ่งกองทัพของท่านอิมามซะมาน (อ.ญ.) ก็เดินทางจากนครมะดีนะฮ์มุ่งสู่เมืองกูฟะฮ์เช่นเดียวกัน ท่านอิมามมะฮ์ดี (อ.ญ.) เมื่อมาถึงเมืองกูฟะฮ์ ท่านจะพักอยู่ในเมืองนั้นชั่วระยะเวลาหนึ่ง เมืองกูฟะฮ์จะกลายเป็นศูนย์กลางการปกครอง ประชาชนจะเริ่มต้นการสร้างเมืองกูฟะฮ์ใหม่
ท่านอิมาม (อ.) จะเดินทางไปทั่วทุกเมืองในอิรัก ประชาชนกลุ่มแล้วกลุ่มเล่าจะเข้ามาสมทบกับท่านอิมาม (อ.) หลังจากนั้นในเมืองชาม (ซีเรีย) ประชาชนจำนวนมากก็จะเข้าร่วมกับกองทัพของท่านอิมาม (อ.) เช่นเดียวกัน (1)
การเข้ามาใกล้ของกองทัพของท่านอิมาม (อ.) ทำให้ซุฟยานีต้องเดินทางไปยังบัยตุ้ลมักดิส (กรุงเยรูซาเล็ม) และจะหยุดพักในสถานที่ที่มีชื่อว่า "ร็อมละฮ์" (ในดินแดนปาเลสไตน์ที่ถูกยึดครอง)
กองทัพที่มืดมนแห่งบนีอุมัยยะฮ์ซึ่งไม่สามารถที่จะหลบหนีจากเงื้อมมือของท่านอิมามมะฮ์ดี (อ.ญ.) ได้ตลอดไป จึงต้องเผชิญกับท่านในเมืองร็อมละฮ์นี้ ณ ที่นี้ เหตุการณ์ที่น่าสนใจจะเกิดขึ้น
ทหารบางส่วนของท่านอิมามจะเข้าสมทบกับซุฟยานี และทหารบางส่วนจากกองทัพของซุฟยานีก็จะเข้าสมทบกับท่านอิมาม (อ.) (2)
ในที่สุด ใกล้กับบริเวณบัยตุ้ลมักดิส สงครามระหว่างกองทัพฝ่ายสัจธรรมกับฝ่ายความเท็จก็จะเกิดขึ้น ส่วนใหญ่ของทหารของกองทัพของซุฟยานีจะถูกฆ่าตายในสงครามนี้ (3) ก่อนหน้านี้ เราได้กล่าวถึงพลังอำนาจที่เหนือธรรมชาติของกองทัพของท่านอิมาม (อ.) ไปแล้ว รวมถึงความสิ้นหวังและความหวาดกลัวที่เกิดขึ้นกับกองทัพของซุฟยานี ดังนั้นจึงไม่น่าแปลกใจที่ว่าในสงครามครั้งนี้ บรรดา (ผู้ปฏิบัติตาม) บนีอุมัยยะฮ์จะประสบกับความพ่ายแพ้อย่างหนักหน่วง!
อุษมาน บินอันบะซะฮ์ (ซุฟยานี) ซึ่งจะเหลืออยู่เพียงคนเดียว ประชาชนจะข่มขู่เขาว่า ถ้าหากไม่ให้สัตยาบันต่อท่านอิมามมะฮ์ดี (อ.) พวกเขาก็จะฆ่าเขา สิ่งนี้แสดงให้เห็นว่าบรรยากาศโดยทั่วไปในขณะนั้นมีกระแสต่อต้านซุฟยานีที่รุนแรงเพียงใด การเข้าสู่ดินแดนต่างๆ ของอิสลามของท่านอิมาม (อ.) มีผลต่อการสร้างขวัญกำลังใจและจิตวิญญาณของประชาชนมากเพียงใด
ซุฟยานีจะขอความคุ้มครองต่อท่านอิมาม (อ.) เนื่องจากความหวาดกลัวต่อชีวิต ท่านอิมาม (อ.) ก็จะเรียกร้องเชิญชวนเขาสู่ความดีงาม บุรุษผู้มีผมแดงผู้นี้ในที่สุดก็ยอมให้สัตยาบันต่อท่านอิมาม (อ.) แต่นี่ยังไม่ใช่จุดสิ้นสุดสำหรับเรื่องราวของเขา
เมื่อซุฟยานีได้กลับไปยังหมู่ชนของตน ลุงของเขาซึ่งเป็นชาวเผ่า "บนีกัลบ์" ต่างเย้ยหยันเขาและกล่าวแก่เขาว่า “ทำไมเจ้าจึงยอมให้สัตยาบันต่อเขา เราจะไม่ยอมรับเจ้าอีกต่อไป!” ซุฟยานีเกิดความลังเลใจว่า เขาจะยอมถูกฆ่าโดยมือของกลุ่มชนของตนเอง หรือจะยอมถูกฆ่าโดยมือของท่านอิมาม (อ.) จึงขอคำปรึกษาหาทางออกจากพวกเขา ชาวเผ่าบนีกัลบ์ได้ยื่นข้อเสนอแกเขาว่า เขาจะต้องฆ่าท่านอิมาม (อ.) (4)
การคาดการณ์ที่ว่า การลอบสังหารครั้งนี้ของบุตรชายของฮินด์ผู้กินตับจะประสบความสำเร็จหรือไม่นั้น คงไม่ใช่เรื่องยากอะไร! เรามี “บะกียะตุ้ลลอฮ์” (ผู้ที่คงเหลืออยู่ของพระผู้เป็นเจ้า) เพียงท่านเดียว และอำนาจการปกครองของสัจธรรมก็จะต้องเกิดขึ้นด้วยมือของท่าน ดังนั้นจึงเป็นที่ชัดเจนว่า ซุฟยานีจะไม่ประสบความสำเร็จในการสังหารท่านอิมาม (อ.) บรรดาผู้ช่วยเหลือของท่านอิมามมะฮ์ดี (อ.ญ.) จะจับกุมตัวเขาและตัดศีรษะเขาในบริเวณเคียงข้างกับทะเลสาบ “ฏ็อบรียะฮ์” ใกล้ ๆ กับ “บัยตุ้ลมักดิส” (เยรูซาเล็ม) (5)
การพิจารณาฮะดีษบทนี้จากท่านอิมามซอดิก (อ.) ในส่วนท้ายของเนื้อหานี้ นับได้ว่าเป็นสิ่งที่ดีทีเดียว ซึ่งท่านอิมาม (อ.) กล่าวว่า “พวกเราและวงศ์วานแห่งอบีซุฟยาน คือสองครอบครัวที่จะขัดแย้งกันตลอดไปในเรื่องของอัลลอฮ์ เราจะกล่าวว่า อัลลอฮ์ทรงตรัสจริง ในขณะที่พวกเขาจะกล่าวว่า อัลลอฮ์ทรงกล่าวเท็จ อบูซุฟยานจะต่อสู้กับท่านศาสนทูตแห่งอัลลอฮ์ (ซ็อลฯ) มุอาวียะฮ์จะต่อสู้กับท่านอะลี บินอบีฏอลิบ (อ.) ยะซีดบุตรของมุอาวียะฮ์จะต่อสู้กับฮุเซน บุตรของท่านอะลี (อ.) และซุฟยานีจะต่อสู้กับกออิม (อ.)” (6)
เชิงอรรถ :
(1) บิฮารุ้ลอันวาร, อัลลามะฮ์มัจญ์ลิซี, เล่มที่ 13, หน้าที่ 160 และ 161
(2) หนังสืออ้างอิงเดิม
(3) ต้นฉบับเขียนด้วยลายมือของ อิบนิฮิมาด, หน้าที่ 96
(4) บิฮารุ้ลอันวาร, อัลลามะฮ์มัจญ์ลิซี, เล่มที่ 13, หน้าที่ 189
(5) บิชาร่อตุ้ลอิสลาม, หน้าที่ 46, 192 และ 277
(6) อิลซามุนนาซิบ, หน้าที่ 180 ; บิฮารุ้ลอันวาร, เล่มที่ 52, หน้าที่ 190 ; มะอานิลอัคบาร, หน้าที่ 346
บทความโดย : เชคมุฮัมมัดนาอีม ประดับญาติ
Copyright © 2017 SAHIBZAMAN.NET-สื่อเรียนรู้อิสลามสำหรับอิสระชนคนรุ่นใหม่