การถูกทำลายของอิสราเอลในมุมมองของอัลกุรอาน
Powered by OrdaSoft!
No result.

การถูกทำลายของอิสราเอลในมุมมองของอัลกุรอาน

การอธิบายมุมมองของอัลกุรอานเกี่ยวกับการถูกทำลายของอิสราเอลในอนาคตอันใกล้ โดยอาศัยทัศนะในเชิงอรรถกถา (ตัฟซีร) ของท่านอายะตุลลอฮ์คอเมเนอีและทัศนะของมุฟัซซิรีน (นักอรรถาธิบายอัลกุรอาน) คนอื่น ๆ

การถูกทำลายของอิสราเอล คือ แนวทาง (ซุนนะฮ์) แห่งอัลกุรอาน

           โดยพื้นฐานแล้ว ตามตรรกะของคัมภีร์อัลกุรอาน แนวทาง (ซุนนะฮ์) แห่งชัยชนะของสัจธรรม (ฮักก์) และการถูกทำลายของความเท็จ (บาฏิล) ถือเป็นหนึ่งในหลักการที่ถาวร เป็นสากล และไม่เปลี่ยนแปลงระบบการสร้างสรรค์ของพระเจ้า ซึ่งบนพื้นฐานของแนวทาง (ซุนนะฮ์) นี้ ในความขัดแย้งและการเผชิญหน้าระหว่างสัจธรรมกับความเท็จนั้น ความก้าวหน้าและชัยชนะย่อมเป็นของฝ่ายสัจธรรมอย่างแน่นอน ซึ่งสอดคล้องกับโองการอัลกุรอานที่กล่าวว่า :

وَ لِیُمَحِّصَ اللَّهُ الَّذِینَ آمَنُوا وَ یَمْحَقَ الْکافِرِینَ

“และเพื่อที่อัลลอฮ์จะทรงชำระมลทินแก่บรรดาผู้ศรัทธา และทรงทำลายบรรดาผู้ปฏิเสธศรัทธา” 

(อัลกุรอานบทอาลิอิมรอน โองการที่ 141)

           อนาคตของประวัติศาสตร์ด้วยกับการผ่านช่วงของเวลานั้น จะเคลื่อนไปในทิศทางที่การทำให้บรรดาผู้ศรัทธาบริสุทธิ์จากข้อผิดพลาดและความบกพร่องทั้งหมดและการทำลายล้างบรรดาผู้ปฏิเสธศรัทธาอย่างค่อยเป็นค่อยไป

คำอธิบายของอัลกุรอานเกี่ยวกับการทำลายล้างอิสราเอลในอนาคตอันใกล้

          เมื่อพิจารณาถึงการกำหนดกรอบเวลา 25 ปี ในการทำลายล้างอิสราเอลในคำพูดของท่านอายะตุลลอฮ์อะลี คอเมเนอี ผู้นำสูงสุดของการปฏิวัติอิสลาม ความใกล้ที่จะเกิดขึ้นของการทำลายล้างนี้จะอธิบายด้วยกับโองการต่างๆ ของอัลกุรอานได้อย่างไร และบนพื้นฐานของโองการต่างๆ ของอัลกุรอานสามารถที่จะบอกถึงช่วงเวลาอันใกล้ของการถูกทำลายของระบอบไซออนิสต์ได้หรือไม่

          ในที่นี้เราจะอธิบายถึงตรรกะที่สนับสนุน "การทำลายล้างที่จะเกิดขึ้นในช่วงเวลาอันใกล้" ของระบอบไซออนิสต์ในมุมมองของอัลกุรอาน โดยอาศัยทัศนะในการอรรถาธิบายของท่านอายะตุลลอฮ์ คอเมเนอี และทัศนะของบรรดามุฟัซซิรีน (บรรดานัดอรรถาธิบาย) ท่านอื่นๆ :

แนวทาง (ซุนนะฮ์) ของอัลกุรอานประการแรก : การลงโทษอย่างรวดเร็วต่อการขับไล่ผู้ศรัทธา

           อัลกุรอานหลายโองการแสดงให้เห็นว่าหนึ่งในแนวทาง (ซุนนะฮ์) ของพระผู้เป็นเจ้า คือ การรีบเร่งในการลงโทษและการทำลายล้างกลุ่มชนผู้กดขี่ที่กระทำการแย่งชิงดินแดนและสถานที่อยู่อาศัยของบรรดาศาสดาของพระเจ้า (อ.) และบรรดาผู้ศรัทธา และการขับไล่พวกเขาออกจากแผ่นดินที่พวกเขาอาศัยอยู่

           ตามโองการที่ 76 และ 77 ของซูเราะฮ์ (บท) อัลอิสรออ์ ซึ่งกล่าวกับท่านศาสนทูตของอัลลอฮ์ (ซ็อลฯ) ว่า :

وَإِن كَادُوا لَيَسْتَفِزُّونَكَ مِنَ الْأَرْضِ لِيُخْرِجُوكَ مِنْهَا وَإِذًا لَّا يَلْبَثُونَ خِلَافَكَ إِلَّا قَلِيلًا. سُنَّةَ مَن قَدْ أَرْسَلْنَا قَبْلَكَ مِن رُّسُلِنَا وَلَا تَجِدُ لِسُنَّتِنَا تَحْوِيلًا

"และหากพวกเขา (บรรดาผู้ตั้งภาคี) ปลุกปั่นเจ้าให้เกิดความหวั่นกลัวเพื่อที่พวกเขาจะขับไล่เจ้าออกไปจากแผ่นดิน (ที่เจ้าอาศัยอยู่) และหากเป็นเช่นนั้นพวกเขาก็จะไม่ได้พำนักอยู่นานหลังจากเจ้า เว้นแต่ช่วงเวลาเพียงเล็กน้อยเท่านั้น (และหลังจากนั้นพวกเขาก็ได้รับการลงโทษจากอัลลอฮ์) นี่คือแนวทางของผู้ที่เราได้ส่งเขามาก่อนเจ้าจากบรรดาศาสนทูตของเรา และเจ้าจะไม่พบการเปลี่ยนแปลงในแนวทางของเราแต่ประการใด"

          บนพื้นฐานของโองการทั้งสองนี้ หนึ่งในแนวทาง (ซุนนะฮ์) ที่ถาวรของพระผู้เป็นเจ้าผู้ทรงสูงส่ง คือการทำลายล้างหมู่ชนที่ขับไล่ปวงศาสดาออกจากดินแดนของพวกท่าน สำนวน "لا یَلْبَثُونَ : (พวกเขาจะไม่ได้พำนักอยู่นาน" แสดงให้เห็นว่า การลงโทษต่อความอธรรมดังกล่าวนี้จะเกิดขึ้นในเวลาอันสั้น บนพื้นฐานของบางการอรรถาธิบาย (ตัฟซีร) นั้น โองการนี้จะครอบคลุมถึงทั้งการขับไล่บรรดาศาสดาและบรรดาสาวกของพวกท่าน และไม่ได้จำกัดเฉพาะการขับไล่บรรดาศาสดาแต่เพียงเท่านั้น

          นอกจากนี้ โองการอื่นๆ ของอัลกุรอานก็ยืนยันความหมายนี้ ในโองการที่ 13 ของซูเราะฮ์ (บท) อิบรอฮีม ซึ่งกล่าวย้ำถึงแนวทาง (ซุนนะฮ์) ในการทำลายล้างผู้กดขี่เนื่องจากการขับไล่ปวงศาสดาของพระผู้เป็นเจ้าอีกครั้งว่า :

وَ قالَ الَّذِینَ کَفَرُوا لِرُسُلِهِمْ لَنُخْرِجَنَّکُمْ مِنْ أَرْضِنا أَوْ لَتَعُودُنَّ فِی مِلَّتِنا فَأَوْحى‌ إِلَیْهِمْ رَبُّهُمْ لَنُهْلِکَنَّ الظَّالِمِینَ 

“และบรรดาผู้ปฏิเสธศรัทธาได้กล่าวแก่บรรดาศาสนทูตของพวกเขาว่า แน่นอนเราจะขับพวกท่านออกจากแผ่นดินของเรา หรือ (มิเช่นนั้น) พวกท่านก็จงกลับมาอยู่ในศาสนาของเรา ดังนั้นพระผู้อภิบาลของพวกเขาจึงทรงวะฮ์ยู (วิวรณ์) มายังพวกเขา (บรรดาศาสนทูต) ว่า เราจะทำลายบรรดาผู้อธรรมอย่างแน่นอน”

            ตามเนื้อหาของโองการที่ 88 ของซูเราะฮ์อัลอะอ์รอฟ ซึ่งกล่าวถึงการข่มขู่ขับไล่ออกจากดินแดนที่อยู่อาศัยซึ่งเกิดขึ้นทั้งกับศาสดาของพระเจ้าและกับบรรดาผู้ศรัทธานั้น ท่านอัลลามะฮ์ฏอบาฏอบาอี (ร.ฎ.) เชื่อว่า การข่มขู่ขับไล่ในโองการที่ 13 ของซูเราะฮ์อิบรอฮีมนั้นก็ครอบคลุมทั้งบรรดาศาสดาของพระเจ้าและบรรดาผู้ศรัทธาด้วยเช่่นกัน และสิ่งที่เป็นสาเหตุทำให้บรรดาผู้ปฏิเสธศรัทธาพินาศและถูกทำลายล้าง ก็คือความอธรรมที่พวกเขากระทำในการขับไล่บรรดาศาสนทูตแห่งสัจธรรมและบรรดาผู้ปฏิบัติตามของพวกท่าน ออกจากดินแดนที่อยู่อาศัยของพวกเขานั่นเอง

            ดังนั้นการขับไล่บรรดาผู้ศรัทธาออกจากดินแดนของพวกเขาจึงเป็นความอธรรม ซึ่งตามแนวทาง (ซุนนะฮ์) ของพระผู้เป็นเจ้านั้น จะนำไปสู่การถูกลงโทษของบรรดาผู้อธรรมซึ่งจะเกิดขึ้นในเวลาอันใกล้

การถูกทำลายของอิสราเอลในมุมมองของอัลกุรอาน

แนวทาง (ซุนนะฮ์) ของอัลกุรอานประการที่สอง : การลงโทษบรรดาผู้อธรรมด้วยมือของผู้ศรัทธาที่มีคุณธรรม

            โองการอัลกุรอานกลุ่มหนึ่งแสดงให้เห็นว่า แนวทาง (ซุนนะฮ์) ในการทำลายล้างและการลงโทษผู้อธรรมภายหลังการมาของท่านศาสดาแห่งอิสลาม (ซ็อลฯ) มุ่งเน้นไปที่รูปแบบเฉพาะ แต่สำหรับกลุ่มชนต่างๆ ในอดีต และตามโองการทั้งหลายของอัลกุรอาน โดยทั้วไปแล้วการลงโทษนั้นจะเกิดขึ้นในลักษณะที่ปราศจากสื่อกลางและเป็นการลงโทษโดยตรงจากพระผู้เป็นเจ้า แต่โดยการอาศัยการอ้างอิงจากโองการต่างๆ ในอัลกุรอาน อย่างเช่น โองการที่ 52 ของซูเราะฮ์ (บท) อัลบะรออะฮ์ ซึ่งกล่าวว่า :

قُلْ هَلْ تَرَبَّصُونَ بِنا إِلاَّ إِحْدَى الْحُسْنَیَیْنِ وَ نَحْنُ نَتَرَبَّصُ بِکُمْ أَنْ یُصِیبَکُمُ اللَّهُ بِعَذابٍ مِنْ عِنْدِهِ أَوْ بِأَیْدِینا فَتَرَبَّصُوا إِنَّا مَعَکُمْ مُتَرَبِّصُونَ

“ (โอ้มุฮัมมัด) จงกล่าวเถิดว่า พวกท่านกำลังคอยดูว่าสิ่งใดจะเกิดขึ้นกับพวกเรากระนั้นหรือ? (จะไม่มีสิ่งใดเกิดขึ้นกับพวกเรา)  นอกจากหนึ่งในสองสิ่งทีดีงาม (คือชัยชนะ หรือ การเป็นชะฮีด) เท่านั้น และเราก็จะคอยดูพวกท่านในการที่อัลลอฮ์จะทรงทำให้การลงโทษจาก ณ พระองค์มาประสบกับพวกท่าน หรือด้วยมือของพวกเรา ดังนั้นพวกเจ้าจงคอยดูไปเถิด แท้จริงพวกเราก็จะเป็นผู้คอยดูพร้อมกับพวกท่านด้วย”

            เป็นที่ชัดชัดว่า "การลงโทษไม่ได้มาจากฟากฟ้าและเกิดขึ้นโดยตรง (จากพระเจ้า) เสมอไป แต่บางครั้งพระผู้เป็นเจ้าก็ทรงลงโทษศัตรูโดยผ่านบรรดาผู้ศรัทธาที่มีคุณธรรม" ดังเช่นในโองการที่ 14 ของ ซูเราะฮ์ (บท) อัลบะรออะฮ์ ซึ่งถูกประทานลงมาในเรื่องของชาวมุสลิมในยุคของศาสดาแห่งอิสลาม (ซ็อลฯ) โดยที่ชี้ให้เห็นว่า การลงโทษบรรดาศัตรูของอิสลามนั้นมีเงื่อนไขอยู่ที่การยืนหยัดต่อสู้ของบรรดาผู้ศรัทธา อัลกุรอานได้กล่าวในเรื่องนี้ว่า :

قاتِلُوهُمْ یُعَذِّبْهُمُ اللَّهُ بِأَیْدِیکُمْ وَ یُخْزِهِمْ وَ یَنْصُرْکُمْ عَلَیْهِمْ وَ یَشْفِ صُدُورَ قَوْمٍ مُؤْمِنِینَ

 “พวกเจ้าจงต่อสู้พวกเขาเถิด อัลลอฮ์จะทรงลงโทษพวกเขาด้วยมือของพวกเจ้า และจะทรงทำให้พวกเขาอัปยศ และจะทรงช่วยเหลือพวกเจ้าให้ได้รับชัยชนะเหนือพวกเขา และจะทรงเยียวยาหัวใจของกลุ่มชนผู้ศรัทธา”

           โองการนี้ชี้ให้เห็นอย่างชัดเจนถึงกฎสำคัญนี้ว่า หากบรรดาผู้ศรัทธาไม่เข้าสู่สนามต่อสู้กับบรรดาผู้ปฏิเสธและผู้อธรรม ก็เป็นไปไม่ได้ที่พระผู้เป็นเจ้าจะลงโทษพวกเขาและทำให้บรรดาผู้ศรัทธาได้รับชัยชนะเหนือผู้กดขี่ ดังนั้นไม่ว่ายุคใด หากบรรดาผู้ศรัทธาได้จับมือกันและปรากฏตัวในสนามต่อสู้กับศัตรู ไม่ต้องสงสัยเลยว่าแนวรบของฝ่ายตรงข้ามจะถูกทำลายอย่างสิ้นเชิง และการลงโทษแห่งพระเจ้าก็จะเกิดขึ้นกับบรรดาผู้กดขี่

แนวทาง (ซุนนะฮ์) ของอัลกุรอานประการที่สาม : การปรากฏของสัจธรรมและการมลายหายไปของความเท็จ

           ตามแนวทาง (ซุนนะฮ์) สองประการข้างต้น สามารถสรุปได้ว่า ความรวดเร็วของการลงโทษบรรดาผู้อธรรมผู้กดขี่ที่ทำการขับไล่และทำให้บรรดาผู้ศรัทธาต้องพลัดถิ่นฐานนั้นจะเกิดขึ้นได้เร็วกว่าความอธรรมและการกดขี่อื่นๆ เพียงแต่ว่า การเกิดขึ้นจริงของการลงโทษนี้ขึ้นอยู่กับความจริงที่ว่าบรรดาผู้ศรัทธาได้ปรากฏตัวขึ้นในสนามรบแล้ว แนวทาง (ซุนนะฮ์) ประการที่สาม ซึ่งจะทำให้เรื่องราวเกิดความสมบูรณ์ นั่นก็คือ ยิ่งสัจธรรมและความจริงปรากฏชัดมากขึ้นเท่าใด ความเท็จและความหายนะและการมลายหายไปของมันก็จะยิ่งเกิดขึ้นเร็วมากเท่านั้น เหมือนกับพระอาทิตย์เมื่อทอแสงขึ้นความมืดมิดก็จะหมดไป สิ่งสำคัญคือว่า การทอแสงของพระอาทิตย์จะสมบูรณ์มากเพียงใดเพียงใดเท่านั้น

            จากโองการ (อายะฮ์) อันสูงส่งที่ว่า :

وَ قُلْ جاءَ الْحَقُّ وَ زَهَقَ الْباطِلُ إِنَّ الْباطِلَ کانَ زَهُوقاً

“และจงกล่าวเถิด เมื่อสัจธรรมมา ความเท็จก็จะมลายไป แท้จริงความเท็จย่อมมลายไปอย่างแน่นอน”

(อัลกุรอานบทอัลอิสรออ์ โองการที่ 81)

            สามารถกล่าวได้เช่นนี้ว่า โดยพื้นฐานแล้ว หากความเท็จได้ปรากฏขึ้นและดำรงอยู่ได้ นั่นก็เป็นเพราะว่าสัจธรรมและความจริงไม่ได้ปรากฏตามที่มันควรจะเป็น ไม่เช่นนั้นแล้ว ทันทีที่ความจริงปรากฏขึ้นความเท็จก็ย่อมจะถูกทำลายลง

            บนพื้นฐานดังกล่าวนี้เองที่ท่านอายะตุลลอฮ์อะลี คอเมเนอี ผู้นำสูงสุดของการปฏิวัติอิสลามแห่งอิหร่านได้ประกาศในปี 2014 ถึงคำสัญญาเรื่องการทำลายล้างอิสราเอลภายใน 25 ปีข้างหน้า อย่างไรก็ตาม หนึ่งปีต่อมาในถ้อยแถลงที่สำคัญ ท่านได้อธิบายบริบทและพื้นฐานของการบรรลุคำสัญญานี้ไว้ดังนี้ :

            “ดังที่เราได้กล่าวไปแล้วว่า ระบอบการปกครองของไซออนิสต์จะไม่มีการดำรงอยู่อีกต่อไป ในอีก 25 ปีข้างหน้า ภายใต้เงื่อนไขการต่อสู้ของประชาชนทั้งหมดและพันธมิตรของชาวปาเลสไตน์และชาวมุสลิมเพื่อต่อต้านชาวไซออนิสต์”

            จากถ้อยแถลงนี้เป็นที่ชัดเจนว่า สิ่งที่จะทำลายระบอบไซออนิสต์ได้ ก็คือการต่อสู้ในระดับสากลและภายใต้ความเป็นเอกภาพของแนวรบฝ่ายสัจธรรม และกล่าวอีกนัยหนึ่งก็คือ สิ่งที่จะทำลายระบอบไซออนิสต์ได้คือ การต่อสู้ที่เป็นสากลและเป็นเอกภาพโดยแนวรบฝ่ายสัจธรรม หรืออีกนัยหนึ่งก็คือ การปรากฏตัวที่ชัดเจนเพิ่มมากขึ้นของสัจธรรม

           ดังนั้นบรรดาผู้ศรัทธา หากไปถึงระดับของการเป็นภาพสำแดงและเป็นที่ภาพปรากฏของสัจธรรม และลักษณะเฉพาะต่างๆ ของสัจธรรม อย่างเช่น การหลีกเลี่ยงความขัดแย้งภายในและการยึดมั่นในความเป็นเอกภาพ ความอุตสาห์พยายามในทุกๆ ด้าน ความอดทนและความยำเกรง (ตักวา) ต่อพระเจ้า การระวังรักษาแนวร่วมและหลักการของ "วิลายะฮ์" (อำนาจการปกครองและการชี้นำ) กล่าวคือ พวกเขาเสริมสร้างความผูกพันและความสัมพันธ์ที่ใกล้ชิด แข็งแกร่ง และไม่แยกออกกันในระหว่างผู้ศรัทธาด้วยกันมากขึ้น และดียิ่งขึ้นเพียงใดแล้ว แน่นอน ความช่วยเหลือและชัยชนะจากพระผู้เป็นเจ้าก็จะมาถึงพวกเขาเร็วขึ้นมากเท่านั้น และผลที่ตามมาก็คือ ความเสื่อมสลายของศัตรูของสัจธรรมก็จะเป็นความจริงเร็วยิ่งขึ้นเท่านั้น

การถูกทำลายของอิสราเอลในมุมมองของอัลกุรอาน


บทสรุป

            การเกิดขึ้นของการปฏิวัติอิสลามในอิหร่านนำมาซึ่งขีดความสามารถที่กระจุกตัวของชาวมุสลิม และการก่อตัวของแนวร่วมต่อต้านระบอบไซออนิสต์อย่างต่อเนื่อง ในช่วงหลายปีหลังจากการปฏิวัติอิสลาม ความแข็งแกร่งของแนวรบต่อต้านก็เพิ่มทวีขึ้นทุกวัน สัญญาณของระดับอำนาจและความเข้มแข็งดังกล่าวนี้ สามารถเห็นได้ในการพ่ายแพ้อย่างต่อเนื่องของระบอบไซออนิสต์โดยแนวรบฝ่ายต่อต้าน

            เมื่อพิจารณาถึงการก่อตัวของแนวรบฝ่ายต่อต้านที่เชื่อมโยงเป็นหนึ่งเดียวกันของบรรดาผู้ศรัทธาที่ประสบความสำเร็จผ่านการทดสอบของพวกเขาหลายครั้งในด้านการต่อสู้ และหากกระบวนการนี้ดำเนินต่อไป แน่นอนตามแนวทาง (ซุนนะฮ์) อัลกุรอานสามข้อที่กล่าวมาข้างต้น ในเร็วๆ นี้ และยิ่งไปกว่านั้นในเวลาน้อยกว่า 25 ปี เราก็ควรจะได้เห็นการบรรลุความจริงของคำสัญญาของพระเจ้าที่ว่า บรรดาผู้อธรรมผู้กดขี่จะถูกลงโทษด้วยน้ำมือของบรรดาผู้ศรัทธา และผลที่ตามมาคือระบอบไซออนิสต์ที่แย่งชิงดินแดนจะถูกลบออกไป


ที่มา : khamenei.ir

แปลและเรียบเรียงโดย : เชคมุฮัมมัดนาอีม ประดับญาติ

Copyright © 2023 SAHIBZAMAN.NET- สื่อเรียนรู้สำหรับอิสระชนคนรุ่นใหม่

ผู้เยี่ยมชมอยู่ขณะนี้

มี 567 ผู้มาเยือน และ ไม่มีสมาชิกออนไลน์ ออนไลน์

24780698
Today
Yesterday
This Week
Last Week
This Month
Last Month
All days
30606
52431
208080
24215661
1046363
1618812
24780698

พฤ 21 พ.ย. 2024 :: 17:23:59