ในขณะที่การประท้วงต่อต้านสงครามล้างเผ่าพันธุ์ โดยอิสราเอล-อเมริกันในฉนวนกาซาทวีความเข้มข้นขึ้นในมหาวิทยาลัยหลายแห่งในสหรัฐฯ อยาตุลลอฮ์ ซัยยิด อาลี คาเมเนอี ผู้นำการปฏิวัติอิสลามแห่งอิหร่าน ได้เขียนจดหมายเมื่อวันพฤหัสบดีที่ผ่านมาถึงนักศึกษาเหล่านี้ ถือเป็นจดหมายฉบับที่สาม ที่เขียนถึงเยาวชนชาวตะวันตกในทศวรรษที่ผ่านมา
ในบทนำของจดหมายฉบับล่าสุดของท่าน ซึ่งอธิบายว่าเป็น “การแสดงออกถึงความเห็นอกเห็นใจและความสามัคคี” อยาตุลลอฮ์ คาเมเนอี กล่าวชมเชยคนหนุ่มสาวที่ “จิตสำนึกที่ตื่นตัว” ได้กระตุ้นให้พวกเขาปกป้องเด็กและสตรีในฉนวนกาซา โดยเน้นว่า พวกเขายืนอยู่ “ทางด้านขวา ของประวัติศาสตร์”
ผู้นำการปฏิวัติอิสลามแห่งอิหร่าน เน้นย้ำว่า นักศึกษาประท้วงต่อต้านสงครามฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ของอิสราเอลและการสมรู้ร่วมคิดของอเมริกา โดยจัดตั้งสาขาหนึ่งของแนวหน้าต่อต้าน การต่อสู้กับการปราบปรามนักศึกษาอย่างโหดเหี้ยมโดยรัฐบาลซึ่งสนับสนุนระบอบการปกครองที่แย่งชิงอย่างเปิดเผย ทำให้พวกเขาสอดคล้องกับแนวหน้าที่ยิ่งใหญ่กว่านี้
ตามคำกล่าวของอยาตุลลอฮ์ คาเมเนอี แนวร่วมต่อต้านมีความเข้าใจและความรู้สึกเช่นเดียวกับนักศึกษาเหล่านี้ และได้ดำเนินตามเป้าหมายมานานแล้วในการยุติการกดขี่ของเครือข่ายไซออนิสต์ต่อชาติปาเลสไตน์
อยาตุลลอฮ์คาเมเนอี กล่าวในส่วนหนึ่งในจดหมายเกี่ยวกับประวัติศาสตร์การยึดครองปาเลสไตน์ของไซออนิสต์ ดินแดนที่มีประวัติศาสตร์อันยาวนานและมีประชากรที่ประกอบด้วยมุสลิม คริสเตียน และชาวยิว
ผู้นำการปฏิวัติ ฯ อธิบายว่า ด้วยความช่วยเหลือของรัฐบาลอังกฤษ เครือข่ายไซออนิสต์นำเข้าผู้ก่อการร้ายหลายพันคนไปยังปาเลสไตน์ ซึ่งจากนั้นได้โจมตีที่ตั้งถิ่นฐาน สังหารคนไปหลายหมื่นคน ถูกเนรเทศไปยังประเทศเพื่อนบ้านมากขึ้น และประกาศระบอบการปกครองของไซออนิสต์หลังสงครามโลกครั้งที่สอง
อยาตุลลอฮ์ คาเมเนอี กล่าวเสริมว่า ระบอบการปกครองนี้ใช้นโยบายหมัดเหล็กต่อชาวปาเลสไตน์ที่ไม่มีทางป้องกันตั้งแต่เริ่มแรก โดยเพิ่มความโหดร้าย ความหวาดกลัว และการปราบปรามที่รุนแรงขึ้นทุกวัน โดยไม่สนใจคุณค่าทางศีลธรรม มนุษย์ และศาสนาโดยสิ้นเชิง
หลังจากอังกฤษให้ความช่วยเหลือเบื้องต้น สหรัฐฯ กลายเป็นผู้สนับสนุนที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของระบอบการปกครอง โดยให้การสนับสนุนทางการเมือง เศรษฐกิจ และการทหาร รวมถึงความช่วยเหลือในการผลิตอาวุธนิวเคลียร์
ตลอดหลายทศวรรษที่ผ่านมา วอชิงตันและพันธมิตรเมินเฉยต่อการก่อการร้ายของรัฐบาลเทลอาวีฟต่อชาวปาเลสไตน์ ดังที่เห็นได้จากเหตุการณ์การฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ในฉนวนกาซา ที่ทำให้มีผู้เสียชีวิตแล้วกว่า 36,300 รายนับตั้งแต่วันที่ 7 ตุลาคมปีที่แล้ว
จากนั้น อยาตุลลอฮ์ คาเมเนอี ได้หารือเกี่ยวกับแนวรบต่อต้าน โดยระบุว่า แนวร่วมต่อต้านก่อตั้งขึ้นในสถานการณ์มืดมนแห่งความสิ้นหวัง และการสถาปนาสาธารณรัฐอิสลามแห่งอิหร่านได้ขยายและเสริมแนวรบนี้
อยาตุลลอฮ์ คาเมเนอี กล่าวเสริมว่า ขบวนการต่อต้านที่กล้าหาญและมีมนุษยธรรมนี้ถูกกลุ่มชนชั้นนำระดับโลกของไซออนิสต์ตีตราว่าเป็น "การก่อการร้าย" ซึ่งเป็นเจ้าของหรือมีอิทธิพลต่อบริษัทสื่อในอเมริกาและยุโรปส่วนใหญ่ผ่านการระดมทุนและการติดสินบน
ผู้นำการปฏิวัติอิสลามแห่งอิหร่าน ตั้งคำถามที่ผู้คนหลายพันล้านทั่วโลกกำลังถาม : ผู้คนสามารถถูกเรียกว่าประเทศผู้ก่อการร้ายได้หรือไม่ เพื่อปกป้องตนเองบนดินแดนของตนจากอาชญากรรมของระบอบการปกครองที่ยึดครอง และกำลังช่วยเหลือและเสริมสร้างความเข้มแข็งให้กับประเทศดังกล่าว ซึ่งเป็นการกระทำของการก่อการร้าย?
อยาตุลลอฮ์ คาเมเนอีกล่าวว่า ผู้นำที่กดขี่ของอำนาจเจ้าโลกได้บิดเบือนแม้แต่แนวคิดพื้นฐานที่สุดของมนุษย์ โดยแสดงให้เห็นระบอบการปกครองของอิสราเอลที่โหดเหี้ยมว่า ทำหน้าที่ "ป้องกันตัวเอง" ในขณะเดียวกันก็ตราหน้ากลุ่มต่อต้านปาเลสไตน์ว่าเป็น "ผู้ก่อการร้าย"
อย่างไรก็ตาม เขารีบเร่งเพื่อให้แน่ใจว่าสถานการณ์กำลังเปลี่ยนแปลง ชะตากรรมที่แตกต่างรอคอยเอเชียตะวันตก และแนวร่วมต่อต้านจะยังคงแข็งแกร่งขึ้นต่อไป
อยาตุลลอฮ์ คาเมเนอีกล่าวสรุปแก่นักศึกษาจากมหาวิทยาลัยในอเมริกาว่า มีการลุกฮือในลักษณะเดียวกันนี้เกิดขึ้นในหมู่นักวิชาการในประเทศอื่นๆ และการสนับสนุนและความสามัคคีของอาจารย์ของพวกเขาถือเป็นการพัฒนาที่สำคัญและเป็นผลสืบเนื่อง
อยาตุลลอฮ์ คาเมเนอีกระตุ้นให้นักเรียนทำความคุ้นเคยกับคัมภีร์อัลกุรอานอันศักดิ์สิทธิ์ของศาสนาอิสลาม
นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่อยาตุลลอฮ์ คาเมเนอีส่งจดหมายถึงเยาวชนชาวตะวันตก ก่อนหน้านี้เคยเขียนจดหมายที่คล้ายกันสองฉบับถึงเยาวชนชาวตะวันตกในปี 2558
ที่มา : สำนักข่าวเพรสทีวี
Copyright © 2024 SAHIBZAMAN.NET- สื่อเรียนรู้สำหรับอิสระชนคนรุ่นใหม่