อัล-อาลัมเปิดเผยรายละเอียด การลักพาตัวอิมามมูซา ศ็อดร์ แผนสมคบคิดในระดับภูมิภาค
Powered by OrdaSoft!
No result.
อัล-อาลัมเปิดเผยรายละเอียด การลักพาตัวอิมามมูซา ศ็อดร์ แผนสมคบคิดในระดับภูมิภาค

หัวหน้ามูลนิธิเชค ดร. มุฮัมมัด ยะอ์กูบ กล่าวว่า แผนสมคบคิดในการหายตัวไปของอิมามมูซา ศ็อดร์ ถือเป็นการสมคบคิดในระดับภูมิภาคเพื่อเปลี่ยนรูปโฉมของภูมิภาค เนื่องจากอิมาม ศ็อดร์ และเชค ดร. มุฮัมมัด ยะอ์กูบ ได้รับเชิญอย่างเป็นทางการไปยังลิเบีย

    ดร. "อะลี ยะอ์กูบ" ในการให้สัมภาษณ์กับรายการ "ฎ็อยฟ์ วะ ฮิวาร" ในช่องข่าวอัล-อาลัม กล่าวเสริมว่า : ประเด็นการลักพาตัวอิมาม มูซา ศ็อดร์ และเชค ดร. มุฮัมมัด ยะอ์กูบ พ่อของผมนั้น ผ่านมา 46 ปี และเป็นประเด็นข้ามชาติ เพราะไม่ใช่แค่ยังความสูญเสียต่อชาวเลบานอนเท่านั้น แต่ยังเป็นความสูญเสียสำหรับชนชาติอาหรับและอิสลามด้วย เนื่องจากเป้าหมายของบุคคลทั้งสองคือการขจัดการถูกลิดรอนจากเลบานอนและอุมมะฮ์ (ประชาชาติมุสลิม)

การหายตัวไปของอิมามศ็อดร์เป็นหนึ่งในกรณีที่คลุมเครือที่สุด

    เขาชี้ให้ว่าประเด็นการหายตัวไปของบุคคลทั้งสองนี้ถือเป็นคดีหนึ่งที่คลุมเครือที่สุดและยาวนานที่สุด และกล่าวว่า หลังจาก 46 ปี เราในฐานะครอบครัวของผู้สูญหายไม่มีข้อมูลเกี่ยวกับชะตากรรมของพวกท่าน และความคลุมเครือนี้ยังคงดำเนินต่อไป

    เขากล่าวว่าคดีนี้เป็นการสมคบคิดที่ครอบคลุมมากกว่าเลบานอน ซึ่งด้วยการพิจารณาสามารถเข้าใจได้ว่าเป็นแผนสมรู้ร่วมคิดต่อต้านเลบานอนและภูมิภาคนี้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งมันเกิดขึ้นในช่วงเวลาที่มีความละเอียดอ่อน

ความสัมพันธ์ระหว่างการหายตัวไปของอิมามศ็อดร์กับอนาคตของระบอบไซออนิสต์

    เขากล่าวว่าไม่กี่วันหลังจากการหายตัวไปของทั้งสองคน ได้มีการลงนามในข้อตกลงแคมป์เดวิด และประธานาธิบดีอียิปต์ในขณะนั้น "อันวาร์ ซาดัต" ได้ลงนามในข้อตกลงนี้โดยการเดินทางไปยังปาเลสไตน์ที่ถูกยึดครอง ดังนั้นเราจึงถือว่าการหายตัวไปนี้มีความสัมพันธ์กับความพยายามของระบอบไซออนิสต์ เพื่อสร้างหลักประกันความอยู่รอดของมัน

เหตุการณ์ต่าง ๆ ก่อนและหลังการหายตัวไปของอิมามศ็อดร์

    ดร. อลี ยะอ์กูบ กล่าวต่อไปว่า 5 หรือ 6 เดือนก่อนที่อิมามศ็อดร์จะหายตัวไป ในเดือนมีนาคม ค.ศ. 1978 (พ.ศ. 2521) สงครามกลางเมืองในเลบานอนได้เริ่มต้นขึ้น และไม่กี่วันหลังจากนั้น ข้อตกลงแคมป์เดวิดก็ได้รับการลงนาม

ศ็อดร์และเชคยะอ์กูบเป็นสองบุคคลหลักในการปูพื้นฐานสำหรับชัยชนะของการปฏิวัติอิสลามของอิหร่าน

    เขากล่าวว่า : การหายตัวไปของอิมามศ็อดร์ และเชคยะอ์กูบเกิดขึ้นเมื่อไม่กี่เดือนก่อนชัยชนะของการปฏิวัติอิสลามของอิหร่านในปี ค.ศ. 1979 ซึ่งได้เปลี่ยนรูปโฉมของภูมิภาคนี้ บุคคลสองคนนี้เป็นส่วนหนึ่งในบุคคลที่สำคัญที่สุดที่ทำงานอย่างหนักเพื่อชัยชนะของการปฏิวัติอิหร่าน และทั้งสองได้มีการติดต่ออยู่กับท่านอิมามโคมัยนี (ร.ฎ.) โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อชะฮีดมุศฏอฟา ชัมรอนได้อยู่ในบ้านของเราเป็นเวลาหลายปีและได้ทำการฝึกฝนนักต่อสู้จำนวนมาก

    เขากล่าวว่า : อิมาม ศ็อดร์ ได้ไปยังกรุงโรมเพื่อขอให้สมเด็จพระสันตะปาปาของวาติกันเป็นสื่อกลางพูดคุยกับประธานาธิบดีฝรั่งเศส และเพื่อเป็นสื่อกลางเจรจาเพื่อรับท่านอิมามโคมัยนี (ร.ฎ.) ดังนั้นเราจึงร่วมมือกับอิหม่ามโคไมนี (ขอพระเจ้าพอพระทัยท่าน) เนื่องจากหากความพยายามเหล่านี้ไม่ประสบผลสำเร็จ ท่านอิมามโคมัยนี (ร.ฎ.) คงจะต้องมาที่สนามบินเพื่อเป็นศูนย์กลางหลักของการปฏิวัติและคงจะต้องต้อนท่านอิมาม โคมัยนี (ร.ฎ.) ในฏ็อยยิบะฮ์ซึ่งเป็นโรงเรียนมัธยมปลายและปัจจุบันเป็นมูลนิธิเชคมุฮัมมัด ยะอ์กูบในเมืองของอิมามมูซา ศ็อดร์

การหายตัวไปของอิมามมูซาศ็อดร์; การสมคบคิดในระดับภูมิภาค

    ดร. ยะอ์กูบ กล่าวว่า : แผนสมคบคิดในการหายตัวไปของอิมามมูซา ศ็อดร์ เป็นการสมรู้ร่วมคิดในระดับภูมิภาค เนื่องจากอิมามศ็อดร์และชีค ดร. มุฮัมมัด ยะอ์กูบ พ่อของผมได้รับเชิญอย่างเป็นทางการ ดังนั้น นี่จึงเป็นการสมคบคิดเพื่อที่จะเปลี่ยนรูปโฉมของภูมิภาค โดยเฉพาะอย่างยิ่งที่บุคคลทั้งสองนี้มีบทบาทสำคัญในการสนับสนุนการปฏิวัติอิสลามของอิหร่าน

พ่อของผมเป็นผู้รักษาความลับของอิมามมูซา ศ็อดร์

    ดร. ยะอ์กูบ กล่าวว่า : พ่อของผมเป็นผู้รักษาความลับของอิมาม มูซา ศ็อดร์ และทั้งสองมีความสัมพันธ์ต่อกัน เนื่องจากแผนสมคบคิดครั้งนี้โดยแท้จริงแล้วเป็นตัวกำหนดเส้นทางประวัติศาสตร์ และมีมิติต่างๆ ของการวางแผนไว้อย่างแท้จริง ในลักษณะที่สงครามกลางเมืองเลบานอนเริ่มต้นขึ้นและระบอบการปกครองของอิสราเอลได้โจมตีเลบานอนในปี 1982 และความขัดแย้งเริ่มขึ้นในภูมิภาค

    ดร. ยะอ์กูบ กล่าวว่า : อิมาม มูซา ซ็อดร์และพ่อของผมรับบทบาทสำคัญในแวดวงอาหรับ หลายเดือนก่อนที่จะเดินทางไปลิเบียท่านทั้งสองมีความสัมพันธ์ที่ดีกับประธานาธิบดีจะมาล อับเดล นัสเซอร์ ผู้ล่วงลับไปของอียิปต์ และขณะที่พวกเขาอยู่กับฮูอารี บูเมเดียน ประธานาธิบดีแอลจีเรีย เขาพยายามติดต่อกับประธานาธิบดีมูอัมมาร์ กัดดาฟี ผู้ล่วงลับเพื่อให้เชิญท่านทั้งสอง เขากล่าวว่า : คำเชิญนี้ถูกส่งตามคำร้องขอของฮูอารี บูเมเดียน ประธานาธิบดีแอลจีเรีย ซึ่งพยายามติดต่อกับกัดดาฟีเพื่อเชิญพวกเขา

    ดร. ยะอ์กูบ กล่าวเพิ่มเติมว่า : เจ้าหน้าที่ลิเบียเดินทางมาหาอิมามซ็อดร์และเชิญพวกท่านให้เข้าร่วมในพิธีฉลองครบรอบหนึ่งปีของกันยายน ซึ่งถือเป็นการให้เหตุผลที่หลอกหลวงมากหากกล่าวว่าคำเชิญดังกล่าวมีขึ้นในวันที่ 19 หรือ 20 สิงหาคม เพราะทั้งสองคนเป็นผู้เข้าร่วมพิธีปฏิวัติเดือนกันยายน ปัญหาคืออิมาม มูซา ซ็อดร์ได้เลือกวันที่ 25 สิงหาคม ที่จะเดินทางไปลิเบียและพบกับมูอัมมาร์ กัดดาฟี ผู้นำของประเทศนี้ แผนคือท่านจะเดินทางไปฝรั่งเศสก่อน ท่านได้รับวีซ่าฝรั่งเศสจากสถานทูตของประเทศนี้ในเบรุต

    ดร. ยะอ์กูบ กล่าวว่า : ยังไม่มีข้อมูลที่ยืนยันการเสียชีวิตของอิมามศ็อดร์ ดังนั้นเราจึงอธิษฐานเสมอว่า เขายังมีชีวิตอยู่


ที่มา : สำนักข่าวอัล-อาลัม

Copyright © 2024 SAHIBZAMAN.NET- สื่อเรียนรู้สำหรับอิสระชนคนรุ่นใหม่

ผู้เยี่ยมชมอยู่ขณะนี้

มี 767 ผู้มาเยือน และ ไม่มีสมาชิกออนไลน์ ออนไลน์

23065211
Today
Yesterday
This Week
Last Week
This Month
Last Month
All days
38020
57998
312309
22371799
949688
1600060
23065211

ศ 18 ต.ค. 2024 :: 15:43:20