ผู้นำอาหรับเคยพยายามสร้างสันติภาพกับอิสราเอลในอดีต แต่รัฐบาลอิสราเอลกลับพิสูจน์ให้เห็นแล้วว่า มีความมุ่งมั่นที่จะยึดครองและรักษาดินแดนที่ยังไม่ได้เป็นของอิสราเอลมาครอบครอง เมื่อวันที่ 10 ธันวาคม พ.ศ. 2521 ประธานาธิบดีอียิปต์ อันวาร์ ซาดัต และนายกรัฐมนตรีเมนาเฮม เบกิน ของอิสราเอล ได้รับรางวัลโนเบลสาขาสันติภาพ ณ สถานที่พักรับรองของประธานาธิบดีสหรัฐฯ ที่รู้จักกันในชื่อ แคมป์เดวิด
สามเดือนก่อนหน้านั้น ประธานาธิบดีจิมมี คาร์เตอร์ แห่งสหรัฐฯ อันวาร์ ซาดัตและเมนาเคม เบกิน ได้ลงนามสนธิสัญญาสันติภาพระหว่างอียิปต์และอิสราเอล
คณะกรรมการโนเบลกล่าวในครั้งนั้นว่า ได้มอบรางวัลให้แก่ทั้งสองคน สำหรับสนธิสัญญาดังกล่าว
แม้ว่าอียิปต์ยังคงเป็นหนึ่งในไม่กี่ประเทศอาหรับที่มีความสัมพันธ์อย่างเป็นทางการกับระบอบอิสราเอล แต่จนถึงทุกวันนี้ สันติภาพตามที่ประชากรอาหรับกำหนดยังคงเป็นไปไม่ได้กับเทลอาวีฟ
อันวาร์ ซาดัต พยายามที่จะยึดครองคาบสมุทรซีนาย ซึ่งอียิปต์สูญเสียให้กับอิสราเอลในช่วงสงครามหกวันในปีพ.ศ. 2510 กลับคืนมา โดยการทำสันติภาพกับอิสราเอล
เขาได้กลับมาควบคุมคาบสมุทรซีนายอีกครั้ง แต่การยอมรับอิสราเอลเป็นรัฐ รวมถึงเสนอสัมปทานในสนธิสัญญานั้น ทำให้เขาขัดแย้งกับประชากรอาหรับที่มากขึ้นและมากขึ้น
กลุ่มหนึ่งที่เป็นเช่นนั้นก็คือชาวปาเลสไตน์เอง ซึ่งดินแดนทางประวัติศาสตร์ของพวกเขาถูกอิสราเอลยึดครองมาตั้งแต่ปีพ.ศ. 2491 อันวาร์ ซาดัต ไม่ได้พยายามแก้ไขปัญหาการยึดครองดินแดนปาเลสไตน์ของอิสราเอล หรือที่ราบสูงโกลันของซีเรีย หรือเขตเวสต์แบงก์ของจอร์แดน ซึ่งก็ถูกอิสราเอลยึดครองเช่นกัน
รัฐบาลอาหรับตอบโต้ด้วยการขับไล่อียิปต์ออกจากสันนิบาตอาหรับ และความโกรธแค้นที่หลั่งไหลออกมาบนท้องถนนของชาวอาหรับก็ปะทุขึ้นต่ออิสราเอลและอันวาร์ ซาดัต ไม่น้อยไปกว่านั้นยังเกิดขึ้นบนท้องถนนในอียิปต์เองด้วย
ประเทศเกิดความปั่นป่วนในช่วงหลายเดือนหลังจากการลงนามสนธิสัญญาโดยการลุกฮือต่อต้านสถานะเดิม และสุดท้ายประธานาธิบดีอียิปต์ก็ถูกลอบสังหารระหว่างขบวนพาเหรดที่กรุงไคโร เมื่อวันที่ 6 ตุลาคม พ.ศ. 2524
หลายปีต่อมา องค์กรปลดปล่อยปาเลสไตน์ หรือ PLO ซึ่งคัดค้านสนธิสัญญาสันติภาพของอันวาร์ ซาดัต กับอิสราเอล ได้พยายามประนีประนอมด้วยตนเอง
เช่นเดียวกับที่คาร์เตอร์ทำหน้าที่เป็นคนกลางระหว่างซาดัตกับเบกิน เมื่อหลายปีก่อน ประธานาธิบดีบิล คลินตัน ของสหรัฐฯ ก็เฝ้าดูขณะที่ ยัสเซอร์ อาราฟัต ผู้นำ PLO และประธานฝ่ายบริหารปาเลสไตน์ และยิตซัค ราบิน นายกรัฐมนตรีอิสราเอล จับมือกันและลงนามในสิ่งที่ต่อมาเรียกว่าข้อตกลงออสโล
ข้อตกลงที่เจรจากันอย่างลับ ๆ ในนอร์เวย์ ส่งผลให้ PLO ยอมรับอิสราเอล และอิสราเอลยอมรับ PLO ในฐานะตัวแทนของชาวปาเลสไตน์
ไม่ต้องพูดก็รู้ว่า ชาวอาหรับยังคงมองอิสราเอลเป็นผู้ยึดครอง และยืนกรานว่า PLO ไม่ได้เป็นตัวแทนของชาวปาเลสไตน์ทั้งหมด
ข้อตกลงดังกล่าวไม่เคยนำไปสู่สันติภาพที่แท้จริง เนื่องจากระบอบการปกครองของอิสราเอลยังคงกระทำการรุกรานชาวปาเลสไตน์และประเทศอาหรับอื่น ๆ ต่อไป
ชาวอิสราเอลโจมตีฉนวนกาซาหลายครั้งและยึดครองดินแดนดังกล่าวก่อนที่กลุ่มฮามาส ซึ่งเป็นกลุ่มชาวปาเลสไตน์อีกกลุ่มหนึ่งจะบังคับให้กองทัพอิสราเอลออกไป
เทลอาวีฟยังคงสร้างนิคมบนดินแดนที่ยึดครองต่อไปเพื่อพยายามทำให้การจัดตั้งรัฐปาเลสไตน์เป็นไปไม่ได้ ซึ่งโดยธรรมชาติแล้วก็ทำให้การสร้างสันติภาพเป็นไปไม่ได้เช่นกัน
แม้ว่าอาราฟัตจะยอมรับและประนีประนอมกับอิสราเอลหลายครั้ง แต่เขายังคงเป็นเป้าหมายการลอบสังหารของอิสราเอลอย่างต่อเนื่อง เนื่องจากเขาได้รับการยกย่องว่า เป็นสัญลักษณ์ของการต่อสู้กับลัทธิไซออนิสต์
เขาป่วยกะทันหันในวันที่ 25 ตุลาคม พ.ศ. 2547 และเสียชีวิตในอีกไม่กี่วันต่อมา
แม้ว่าจะมีข้อถกเถียงกันมากเกี่ยวกับสาเหตุการเสียชีวิตของเขา แต่การศึกษาในเวลาต่อมาพบว่า เขาเสียชีวิตจากพิษโพลโลเนียม
ผู้นำอาหรับเคยพยายามสร้างสันติภาพกับอิสราเอลในอดีต แต่รัฐบาลอิสราเอลกลับพิสูจน์ให้เห็นแล้วว่า มีความมุ่งมั่นที่จะยึดครองและรักษาดินแดนที่ยังไม่ได้เป็นของอิสราเอลครองครอง
ในฐานะหน่วยงานดังกล่าว เทลอาวีฟจะเป็นพันธมิตรที่เป็นไปไม่ได้ในการสร้างสันติภาพตลอดไป และชาวอาหรับไม่ว่า รัฐบาลของพวกเขาจะทำอะไรก็ตาม ดูเหมือนจะรู้เรื่องนี้ดี
ที่มา : สำนักข่าวเพรสทีวี
Copyright © 2024 SAHIBZAMAN.NET- สื่อเรียนรู้สำหรับอิสระชนคนรุ่นใหม่