เมื่อผู้นำการปฏิวัติของโลก คือท่านอิมามมะฮ์ดี (อ.) ได้ยืนหยัดขึ้นเพื่อการต่อสู้แล้ว ท่านศาสดาอีซา (อ.) จะคอยให้การช่วยแหลือเคียงบ่าเคียงไหล่ท่านอิมามมะฮ์ดี (อ.) เพื่อที่จะทำให้คำสอนอันทรงคุณค่าในคัมภีร์อัลกุรอานถูกนำมาใช้ปฏิบัติอย่างครอบคลุมเหนือโลกนี้....
ก่อนที่ท่านอิมามมะฮ์ดี (อ.) จะปรากฏกาย (ซุฮูร) เพื่อทำการปฏิวัติโลก ถอนรากถอนโคนการกดขี่ข่มเหงและความอธรรมทั้งหลายให้หมดไปจากหน้าแผ่นดินและนำโลกนี้กลับคืนสู่ความยุติธรรมและสันติสุขนั้น เงื่อนไขต่าง ๆ ในการปรากฏกายของท่านจะต้องบรรลุผลโดยเกิดขึ้นพร้อมกันในช่วงเวลาเดียวกัน ตราบใดที่เงื่อนไข (ชะรออิฏ) เหล่านี้ยังไม่เกิดขึ้น
การปรากฏกาย (ซุฮูร) ก็จะยังไม่เกิดขึ้น ส่วนสัญญาณหรือเครื่องบ่งชี้ (อะลาอิม) นั้น ก็เป็นอีกเรื่องหนึ่ง “สัญญาณของการปรากฏตัว” คือปรากฏการณ์ต่างๆ ที่จะเกิดขึ้นบนพื้นฐานคำพยากรณ์ของท่านศาสดา (ซ็อลฯ) และอะอิมมะฮ์ (อ.) เพื่อเป็นการแจ้งข่าวการใกล้เข้ามาแล้วของการยืนหยัดขี้นต่อสู้ของท่านอิมามมะฮ์ดี (อ.) [รายละเอียดในเรื่องชะรออิฏ (เงื่อนไขต่างๆ) นั้น อาจจะได้นำเสนอในโอกาสไป]
และเมื่อผู้นำการปฏิวัติของโลก คือท่านอิมามมะฮ์ดี (อ.) ได้ยืนหยัดขึ้นเพื่อการต่อสู้แล้ว ท่านศาสดาอีซา (อ.) จะคอยให้การช่วยแหลือเคียงบ่าเคียงไหล่ท่านอิมามมะฮ์ดี (อ.) เพื่อที่จะทำให้คำสอนอันทรงคุณค่าในคัมภีร์อัลกุรอานถูกนำมาใช้ปฏิบัติอย่างครอบคลุมเหนือโลกนี้ หนึ่งในปัจจัยที่มีอิทธิพลต่อการพัฒนาและความก้าวหน้าของการปฏิวัติโลกของท่านอิมามมะฮ์ดี (อ.) และการสถาปนาอำนาจการปกครองของอิสลามขึ้นทั่วโลกนั้น ก็คือ การปรากฏตัวของศาสดาแห่งพระผู้เป็นเจ้าท่านนี้ เคียงข้างท่านอิมามมะฮ์ดี (อ.) จากวงศ์วานของท่านศาสดามุฮัมมัด (ซ็อลฯ) ...
อีซา บุตรของมัรยัม คือหนึ่งในผู้ช่วยเหลือของท่านอิมามมะฮ์ดี (อ.)
คัมภีร์อัลกุรอานได้กล่าวเกี่ยวกับชะตากรรมของศาสดาอีซา (เยซู) บุตรของมัรยัม ไว้ในบทอันนิซาอ์โองการที่ 157 - 159 ว่า :
وَقَوْلِهِمْ إِنَّا قَتَلْنَا الْمَسِيحَ عِيسَى ابْنَ مَرْيَمَ رَسُولَ اللَّهِ وَمَا قَتَلُوهُ وَمَا صَلَبُوهُ وَلَـكِن شُبِّهَ لَهُمْ وَإِنَّ الَّذِينَ اخْتَلَفُواْ فِيهِ لَفِي شَكٍّ مِّنْهُ مَا لَهُمْ بِهِ مِنْ عِلْمٍ إِلاَّ اتِّبَاعَ الظَّنِّ وَمَا قَتَلُوهُ يَقِيناً *
بَل رَّفَعَهُ اللَّهُ إِلَيْهِ وَكَانَ اللَّهُ عَزِيزاً حَكِيماً * وَإِن مِّنْ أَهْلِ الْكِتَابِ إِلاَّ لَيُؤْمِنَنَّ بِهِ قَبْلَ مَوْتِهِ وَيَوْمَ الْقِيَامَةِ يَكُونُ عَلَيْهِمْ شَهِيداً
“และการที่พวกเขากล่าวว่า แท้จริงพวกเราได้ฆ่า อัล-มะซีห์ อีซา บุตรของมัรยัม ศาสนทูตของอัลลอฮ์ และพวกเขาหาได้ฆ่าอีซาและหาได้ตรึงเขาบนไม้กางเขนไม่ แต่ทว่าเขาถูกทำให้เหมือนแก่พวกเขา และแท้จริงบรรดาผู้ที่ขัดแย้งในตัวเขานั้น แน่นอนย่อมอยู่ในความสงสัยเกี่ยวกับเขา พวกเขาหามีความรู้ใดๆ ต่อเขาไม่ นอกจากปฏิบัติตามการคาดเดาเท่านั้น และพวกเขามิได้ฆ่าเขา (อีซา) ด้วยความมั่นใจ ทว่าอัลลอฮ์ได้ทรงยกเขา (อีซา) ขึ้นไปยังพระองค์ต่างหาก และอัลลอฮ์เป็นผู้ทรงเกริกเกียรติยิ่ง ผู้ทรงปรีชาญาณเสมอ และไม่มีชาวคัมภีร์คนใด นอกจากเขาจำเป็นจะต้องศรัทธาต่อเขา (อีซา) ก่อนที่เขาจะตาย และในวันกิยามะฮ์ (ชาติหน้า) เขา (อีซา) จะเป็นพยานยืนยันเหนือพวกเขาเหล่านั้น”
ตามโองการต่างๆ ข้างต้นนี้ ในด้านหนึ่งนั้น ท่านศาสดาอีซา (อ.) ได้ถูกยกขึ้นสู่ฟากฟ้า และขณะนี้ก็ยังคงมีชีวิตอยู่ และในอีกด้านหนึ่ง ก่อนการเสียชีวิตของท่าน ชาวคัมภีร์ (อะฮ์ลุลกิตาบ) ทั้งมวลจะต้องศรัทธาต่อท่านเสียก่อน และจุดประสงค์จากชาวคัมภีร์ในที่นี้จะหมายถึงชาวยิวและเผ่าพันธ์ของอิสราเอลซึ่งโองการต่างๆ ก่อนหน้านี้ได้กล่าวถึงอาชญากรรมและการก่อความเสียหายต่างๆ ของพวกเขา และในโองการทั้งสามข้างต้นนี้ก็ได้ชี้ชัดถึงคำกล่าวอ้างของพวกเขา ที่ว่าพวกเขาได้ฆ่าท่านศาสดาอีซา (อ.) และเป็นที่ชัดเจนว่า สิ่งนี้ (ที่ว่าชาวคัมภีร์ทั้งมวลจะต้องศรัทธาต่อท่าน) จนถึงขณะนี้ยังไม่ได้เกิดขึ้น ดังนั้น สัญญาของคัมภีร์อัลกุรอานจะต้องเป็นจริงขึ้นมาอย่างแน่นอนในอนาคต
ในฮะดีษ (วจนะ) ต่างๆ ที่เกี่ยวกับเรื่องของท่านอิมามมะฮ์ดี (อ.) นั้นได้ชี้ให้เห็นว่า ในช่วงเวลาของการปรากฏกาย (ซูฮูร) ของท่านอิมามมะฮ์ดี (อ.) นั้น ท่านศาสดาอีซา (อ.) จะลงมาจากฟากฟ้า จะลงมาอยู่เบื้องหลังและนมาซตามหลังท่านอิมามมะฮ์ดี (อ.) และจะรับผิดชอบหน้าที่ในการเป็นผู้ช่วยเหลือท่าน
ในวจนะต่างๆ ของท่านศาสดามุฮัมมัด (ซ็อลฯ) และบรรดาท่านอิมามมะอ์ซูม (อ.) นั้นได้อธิบายถึงความสัมพันธ์ ความเกี่ยวข้องและความร่วมมือกันระหว่างท่านอิมามมะฮ์ดี (อ.) และท่านศาสดาอีซา (อ.) ในกรณีที่เกี่ยวกับการปฏิวัติโลกไว้อย่างชัดเจน และเป็นที่รับรู้กันดีในหมู่ชาวมุสลิม
อบูซะอีด อัลคุดรีย์ ได้รายงานจากท่านศาสดามุฮัมมัด (ซ็อลฯ) ซึ่งท่านได้อธิบายถึงคุณลักษณะหกประการที่ไม่มีใครเหมือนของอะฮ์ลุลบัยต์ (อ.) จากนั้นท่านกล่าวว่า :
وَمِنّا مَهْدِىُ هذِهِ الأُمَّة الّذى يُصلّى عِيسى خَلْفَهُ
"และมะฮ์ดีของประชาชาตินี้ซึ่งอีซาจะนมาซตามหลังเขานั้น จะมาจากเรา” (1)
เนื้อหาเหล่านี้มีอยู่ในคัมภีร์อินญีล (ไบเบิล) ก่อนที่จะถูกบิดเบือน ซึ่งได้กล่าวถึงการมาของอิสลาม, คัมภีร์อัลกุรอาน, การมาของท่านศาสดามุฮัมมัด (ซ็อลฯ), การขึ้นสู่ฟากฟ้าและการลงมาจากฟากฟ้าของศาสดาอีซา (พระเยซูคริสต์) ในยุคสุดท้าย (อาคิรุซซะมาน) การช่วยเหลือประชาชาติอิสลามของท่านศาสดามุฮัมมัด (ซ็อลฯ) และการนมาซร่วมกับพวกเขาตามหลังท่านอิมามมะฮ์ดี (อ.)
ในฮะดีษ (วจนะ) อีกบทหนึ่งของท่านศาสดามุฮัมมัด (ซ็อลฯ) ได้กล่าวถึงท่านศาสดาอีซา (อ.) เกี่ยวกับการเป็นผู้ช่วยเหลือท่านอิมามมะฮ์ดี (อ.) ไว้เช่นนี้ว่า :
و من ذریتی المهدی إذا خرج نزل عیسى ابن مریم لنصرته فقدمه و صلى خلفه
“และจากเชื้อสายของฉันคือมะฮ์ดี เมื่อเขาปรากฏตัวขึ้น อีซา บุตรของมัรยัมจะลงมาเพื่อช่วยเหลือเขา แล้วเขาจะให้มะฮ์ดีนำหน้าและเขาจะนมาซตามหลังเขา” (2)
ในฮะดีษเมี๊ยะอ์รอจของท่านศาสดา (ซ็อลฯ) นั้น กล่าวว่า : ภายหลังจากที่พระผู้เป็นเจ้าได้อธิบายถึงวิลายะฮ์ (อำนาจการปกครอง) และคิลาฟะฮ์ (การเป็นผู้สืบทอดการปกครอง) ต่อจากท่านศาสดา (ซ็อลฯ) ของท่านอิมามอะลี (อ.) พระองค์ได้ทรงตรัสกับท่านศาสดาว่า :
آخر رجل منهم يصلّى خلفه عيسى بن مريم، يملأ الأرض عدلا كما ملئت جورا و ظلما، انجى به من الهلكة و اهدى به من الضّلالة، و أبرء بن الأعمى و أشفى به المريض
“(ผู้ชี้นำ) คนสุดท้ายจากพวกเขา (อะฮ์ลุลบัยต์ของเจ้า) ผู้ซึ่งอีซา บุตรของมัรยัมจะนมาซตามหลังเขา เขาจะทำให้แผ่นดินเต็มเปี่ยมไปด้วยความยุติธรรม ดั่งที่มันได้ถูกทำให้เต็มไปด้วยความอธรรมและการกดขี่ ข้าจะทำการชี้นำทางประชาชาติของเจ้าและทำให้พวกเขาออกจากความหลงทางโดยสื่อเขา และข้าจะรักษาคนตาบอดและเยียวยารักษาผู้ป่วยโดยสื่อจากเขา"
(อิษบาตุลฮุดาต , เล่มที่ 5 , หน้าที่ 219)
แหล่งที่มา :
1) - อัลบะยาน ฟี อัคบาริ ซอฮิบิซซะมาน , อัลกันญี อัชชาฟิอี , หมวดที่ 9 , หน้าที่ 121 - 122
2) - อัลอะมาลี , เชคซอดูก , เล่มที่ 1 , หน้าที่ 218
3) - อิษบาตุลฮุดาต , เล่มที่ 5 , หน้าที่ 219
บทความโดย : เชคมูฮัมมัดนาอีม ประดับญาติ
Copyright © 2018 SAHIBZAMAN.NET- สื่อเรียนรู้สำหรับอิสระชนคนรุ่นใหม่