เรื่องราวการถือกำเนิดของท่านอิมามอะลี (อ.) จากแหล่งอ้างอิงของอะฮ์ลิซซุนนะฮ์ ท่านฮากิม นัยชาบูรี ได้กล่าวไว้ในหนังสือ“อัลมุสตัดร็อก อะลัซซอฮีฮัยน์”เล่มที่ 3 หน้าที่ 550 ว่า : ในคำรายงานต่างๆ ที่เป็นคำรายงานซึ่งก่อให้เกิดความมั่นใจได้ ซึ่งได้กล่าวว่า ฟาฏิมะฮ์ บินติอะซัด ได้ให้กำเนิดท่านอมีรุลมุอ์มินีนอะลี (อ.) ภายในอาคารกะอ์บะฮ์
ท่านเชคศอดูก กล่าวว่า : การที่ท่านอิมามอะลี (อ.) ถือกำเนิดภายในอาคารกะอ์บะฮ์นั้น เป็นการให้เกียรติอย่างหนึ่งจากพระผู้เป็นเจ้าผู้ทรงสูงส่ง เป็นการแสดงให้เห็นถึงตำแหน่งและสถานะอันสูงส่งที่พระองค์ทรงประทานให้แก่ท่าน หนึ่งในคำถามต่างๆ ที่เกี่ยวกับการกำเนิดของท่านอิมามอะลี (อ.) ก็คือ “อะไรคือเหตุผลของการถือกำเนิดของท่านอิมามอะลี (อ.) ภายในอาคารกะอ์บะฮ์” ?
คำตอบของคำถามนี้สามารถแบ่งออกเป็นสามประเด็นหลัก ดังต่อไปนี้
ก. เรื่องราวการถือกำเนิดของท่านอมีรุลมุอ์มินีน (อ.)
ในแหล่งอ้างอิงต่างๆ ได้กล่าวว่า ในขณะที่ท่านอับบาส บุตรของอับดุลมุฏฏอลิบ พร้อมด้วยบุคคลอีกจำนวนหนึ่งได้นั่งอยู่ด้านหน้าอาคารกะอ์บะฮ์ในมัสยิดิลฮะรอม ทันใดนั้นเองฟาฏิมะฮ์ บินติอะซัด ก็ปรากฏตัวขึ้นในสภาพที่มีอาการเจ็บครรภ์ ทำให้นางเกิดความทุกข์ทรมาน นางได้เข้ามายังอาคารกะอ์บะฮ์และกล่าวว่า
“ข้าแต่พระผู้เป็นเจ้า! ข้าพระองค์มีศรัทธาต่อพระองค์ ต่อบรรดาศาสดาทั้งมวลของพระองค์ และบรรดาคัมภีร์ที่ถูกประทานลงมาจากพระองค์ และข้าพระองค์เชื่อมั่นในคำพูดต่างๆ ของท่านศาสดาอิบรอฮีม ปู่ทวดของข้าพระองค์ และศรัทธามั่นต่อท่านผู้ที่ได้วางรากฐานอาคารกะอ์บะฮ์นี้ ข้าแต่พระผู้เป็นเจ้า! ด้วยสิทธิของผู้ที่วางรากฐานอาคารกะอ์บะฮ์นี้ และด้วยสิทธิของทารกน้อยที่อยู่ในครรภ์ของข้าพระองค์ผู้นี้ โปรดบันดาลให้การคลอดของเขาเป็นความง่ายดายสำหรับข้าพระองค์ด้วยเถิด”
ทันใดนั้นพวกเราเห็นผนังของอาคารกะอ์บะฮ์แยกออก ฟาฏิมะฮ์ได้เข้าไปในอาคารนั้น และหายลับไปจากสายตาของพวกเรา และผนังอาคารกะอ์บะฮ์ก็ได้ประกบเข้าสนิทเหมือนก่อนหน้านั้น เมื่อพวกเราเห็นเช่นนั้น พวกเราต้องการที่จะเปิดกุญแจประตู แต่ทว่าไม่สามารถเปิดมันได้
ข่าวดังกล่าวได้แพร่สะพัดไปอย่างรวดเร็วในเมืองมักกะฮ์ หลังจากที่เหตุการณ์นี้ผ่านพ้นไปเป็นเวลาสามวัน และในวันที่สี่ ฟาฏิมะฮ์ได้ออกมาจากสถานที่แห่งนั้น โดยที่อะลี (อ.) อยู่ในอ้อมกอดของนาง และนางได้กล่าวกับประชาชนว่า “พระผู้เป็นเจ้าผู้ทรงสูงส่งทรงบันดาลให้ฉันมีความดีงามเหนือกว่าบรรดาสตรีก่อนหน้าฉัน ฉันได้เข้าไปภายในบ้านของพระผู้เป็นเจ้า และฉันได้รับประทานปัจจัยดำรงชีพและผลไม้สวรรค์ เมื่อฉันต้องการที่จะออกจากอาคารแห่งนี้ มีผู้กล่าวกับฉันว่า โอ้ฟาฏิมะฮ์เอ๋ย! จงตั้งชื่อทารกน้อยผู้นี้ว่าอะลีเถิด พระผู้เป็นเจ้าผู้ทรงสูงส่งทรงตรัสว่า ข้าได้แยกชื่อเขาออกมาจากชื่อของข้าเอง และเขาคือผู้ที่จะทำลายรูปเจว็ดทั้งหลายที่อยู่ในบ้านของข้า” (ชีวประวัติของท่านอมีรุลมุอ์มินีน, ซัยยิดฮาชิม มะฮัลลาตี, เล่มที่ 1, หน้าที่ 27)
ข. เรื่องราวการถือกำเนิดของท่านอิมามอะลี (อ.) จากแหล่งอ้างอิงของอะฮ์ลิซซุนนะฮ์
ฮากิม นัยชาบูรี ได้กล่าวไว้ในหนังสือ “อัลมุสตัดร็อก อะลัซซอฮีฮัยน์” เล่มที่ 3 หน้าที่ 550 ว่า : ในคำรายงานต่างๆ ที่มุตะวาติร (คำรายงานซึ่งก่อให้เกิดความมั่นใจได้) ได้กล่าวว่า ฟาฏิมะฮ์ บินติอะซัด ได้ให้กำเนิดท่านอมีรุลมุอ์มินีนอะลี (อ.) ภายในอาคารกะอ์บะฮ์ (อ้างจาก หนังสืออัลฆอดีร เล่มที่ 6 หน้าที่ 35)
ฮาฟิซกันญี สังกัดมัซฮับชาฟิอี ได้บันทึกไว้ในหนังสือกิฟายะตุ้ลมะฏอลิบ หน้าที่ 407 ว่า:
ท่านอมีรุ้ลมุอ์มินีนอะลี (อ.) ถือกำเนิดขึ้นในค่ำวันศุกร์ของวันที่ 13 เดือนร่อญับ ภายในบัยตุลลอฮ์ และไม่เคยมีผู้ใดทั้งก่อนหน้าและภายหลังท่านได้ถือกำเนิดในบัยตุลลอฮ์เลย (อ้างจากหนังสือเล่มเดิม)
ชะฮาบุดดีน มะห์มูด อาลูซี เจ้าของหนังสือตัฟซีร “รูฮุลมะอานี” ในหนังสือ
“شرح الخریدة الغیبة فی شرح القصیدة العینیّه” เรียบเรียงโดย อับดุลบากี อัฟนะดี อุมรี ในการอธิบายบทกวีบทหนึ่งของเขา ได้กล่าวว่า:
ประเด็นที่ว่าท่านอมีรุ้ลมุอ์มินีนอะลี (อ.) ถือกำเนิดขึ้นภายในอาคารกะอ์บะฮ์นั้น เป็นประเด็นที่มีชื่อเสียงและเป็นที่ยอมรับกันโดยทั่วไป และถูกบันทึกไว้ในหนังสือต่างๆ ทั้งของชีอะฮ์และของอะฮ์ลิซซุนนะฮ์
(อ้างจากหนังสือเล่มเดิม)
ดังนั้นเรื่องราวการถือกำเนิดของท่านอมีรุ้ลมุอ์มินีน (อ.) ในอาคารกะอ์บะฮ์ จึงเป็นความจริงหนึ่งซึ่งไม่เพียงแต่ชีอะฮ์เท่านั้น ทว่าพี่น้องอะฮ์ลิซซุนนะฮ์เองก็ยอมรับในเรื่องนี้ ดังที่มีการอธิบายรายละเอียดของเรื่องนี้ไว้ในหนังสือ “อัลฆอดีร”
ค. ภาพสะท้อนส่วนหนึ่งเกี่ยวกับความลับในการถือกำเนิดของท่านอิมามอะลี (อ.) ในอาคารกะอ์บะฮ์
สำหรับความลับของประเด็นที่ว่า ทำไมท่านอมีรุ้ลมุอ์มินีน (อ.) ได้ถือกำเนิดขึ้นภายในบัยตุลลอฮ์ ในหนังสืออ้างอิงบางเล่มได้ชี้ถึงประเด็นต่างๆ เกี่ยวกับเรื่องนี้ไว้ เราจะขอกล่าวถึงในที่นี้
นักวิชาการผู้ทรงความรู้ชาวอะฮ์ลิซซุนนะฮ์บางท่าน หลังจากการอธิบายถึงเรื่องราวการถือกำเนิดของท่านอิมามอะลี (อ.) ในอาคารกะอ์บะฮ์แล้ว พวกเขากล่าวว่า: นี่เป็นกะรอมัต (ความมีเกียรติ) และความยิ่งใหญ่สำหรับท่านอะลี (อ.) ที่ท่านได้ถือกำเนิดขึ้นภายในบัยตุลลอฮ์ และนับว่าเป็นความสูงส่งสำหรับสถานที่ถือกำเนิดของท่าน (อ้างจาก หนังสืออัลฆอดีร เล่มที่ 6 หน้าที่ 36 และ 37)
อาลูซี ซึ่งกล่าวถึงเขาไปแล้วก่อนหน้านี้ (เป็นนักวิชาการระดับสูงคนหนึ่งของอะฮ์ลิซซุนนะฮ์) หลังจากการเล่าเรื่องราวการถือกำเนิดของท่านอิมาม (อ.) ในอาคารกะอ์บะฮ์แล้ว เขามีสำนวนคำพูดที่ละเอียดอ่อนน่าประทับใจประโยคหนึ่งซึ่งจะขอนำมาอ้างไว้ในที่นี้ โดยเขากล่าวว่า
سبحان من یضع الاشیاء فی مواضعها و هو احکم الحاکمین
“มหาบริสุทธิ์ยิ่งแด่ (พระผู้เป็นเจ้า) ผู้ทรงกำหนดสิ่งต่างๆ ไว้ในสถานที่ (ที่คู่ควร) ของมัน และพระองค์คือผู้ทรงเป็นเลิศในหมู่ผู้ตัดสินทั้งหลาย”
(อ้างจากหนังสือเล่มเดิม)
อาลูซี ได้กล่าวต่อไปว่า “ประหนึ่งว่า ท่านอะลี (อ.) เองก็ต้องทดแทนในกรณีเกี่ยวกับอาคารกะอ์บะฮ์ที่กลายเป็นความภาคภูมิใจนี้ของท่าน ที่ท่านได้ถือกำเนิดขึ้นมาในใจกลางของมัน ด้วยเหตุนี้เองท่านจึงได้ทำลายรูปเจว็ดต่างๆ ให้หมดไปจากอาคารกะอ์บะฮ์ เนื่องจากมีคำรายงานส่วนหนึ่งได้กล่าวว่า บัยตุลลอฮ์ได้ร้องทุกข์ต่อพระผู้เป็นเจ้า โดยกล่าวว่า : ข้าแต่พระผู้เป็นเจ้า! พวกเขาเหล่านี้จะเคารพบูชารูปเจว็ดทั้งหลายที่อยู่บริเวณโดยรอบข้าพระองค์ไปอีกนานเท่าใด? พระผู้เป็นเจ้าผู้ทรงสูงส่งทรงสัญญาต่อบัยตุลลอฮ์ว่า พระองค์จะทรงชำระสถานที่ศักดิ์สิทธิ์นี้ให้สะอาดจากรูปเจว็ดทั้งหลายเหล่านั้น” (อ้างจากหนังสือเล่มเดิม)
เชคซุดูก ได้กล่าวเกี่ยวกับเรื่องนี้เช่นกันว่า “การที่ท่านอิมามอะลี (อ.) ได้ถือกำเนิดภายในอาคารกะอ์บะฮ์นั้น เป็นการให้เกียรติอย่างหนึ่งจากพระผู้เป็นเจ้าผู้ทรงสูงส่ง และเป็นการแสดงให้เห็นถึงตำแหน่งและสถานะอันสูงส่งที่พระองค์ทรงประทานให้แก่ท่าน” (อัลอิรชาด บทที่ 1 หน้าที่ 2 แปลโดยซัยยิดฮาชิม มะฮัลลาตี)
มีรายงานจากเซาะอ์ซออะฮ์ บินซูฮาน ซึ่งเขาได้ถามท่านอิมามอะลี (อ.) ในช่วงวาระสุดท้ายแห่งอายุขัยของท่านว่า “ระหว่างท่านกับอีซา บุตรของมัรยัมนั้นใครประเสริฐกว่ากัน” ท่านอิมามอะลี (อ.) กล่าวว่า “มารดาของอีซา (อ.) นั้นอยู่ในบัยตุ้ลมักดิส เมื่อช่วงเวลาการถือกำเนิดของอีซาได้มาถึง มัรยัมได้ยินเสียงเรียกหนึ่งได้กล่าวกับนางว่า จงออกไปจากที่แห่งนี้ สถานที่แห่งนี้คือสถานที่เคารพภักดีพระผู้เป็นเจ้า ไม่ใช่สถานที่คลอดบุตร แต่ฟาฏิมะฮ์ บินติอะซัด มารดาของฉัน ในช่วงเวลาที่นางใกล้จะคลอดบุตร นางอยู่ในฮะรัม (มัสยิดิลฮะรอม) ผนังของอาคารกะอ์บะฮ์ได้แยกออกและฉันได้ถือกำเนิดขึ้นในสถานที่แห่งนั้น และไม่มีผู้ใดเลยที่จะได้รับเกียรติเช่นนี้ ทั้งก่อนหน้าฉันและภายหลังจากฉัน” (ท่านอะลีจากการถือกำเนิดจนถึงการเป็นชะฮีด, ซัยยิดกาซิม ก็อซวีนี, หน้าที่ 1)
และอีกบางคนได้กล่าวว่า : … เป็นที่ชัดเจนยิ่งว่า อาคารกะอ์บะฮ์นั้นมีประตูที่จะสามารถเข้าไปภายในได้จากประตูนั้น แต่ในช่วงเวลานั้นประตูไม่ได้ถูกเปิด แต่ผนังอาคารกะอ์บะฮ์ได้แยกออก เพื่อที่จะเป็นหลักฐานที่แจ่มแจ้งและชัดเจนกว่าที่จะบ่งชี้ถึงปาฏิหาริย์ประการหนึ่ง เพื่อที่ว่าในภายหลังประชาชนจะไม่สามารถกล่าวได้ว่าเหตุการณ์ดังกล่าวเป็นเพียงความบังเอิญเท่านั้น และสิ่งที่น่าสนใจนั่นก็คือ แม้ในระหว่างหลายทศวรรษมานี้ มีการก่อสร้างและซ่อมแซมอาคารกะอ์บะฮ์ใหม่หลายครั้งก็ตาม แต่จนถึงบัดนี้ร่องรอยของการแยกของผนังอาคารกะอ์บะฮ์ก็ยังคงปรากฏให้เห็น พวกเขาได้ซ่อมแซมและอุดรอยแยกนั้นด้วยโลหะเงิน ในบริเวณที่เรียกว่า “มุซตะยาร” นั้น ร่องรอยดังกล่าวนี้จะปรากฏให้เห็นอย่างชัดเจน และตลอดเวลาฮุจญาจจำนวนมากจะไปยังบริเวณนี้ พวกเขาจะร้องไห้และภาวนาขอพรจากพระผู้เป็นเจ้า (อ้างจากหนังสือเล่มเดิม)
ประมวลเนื้อหาและบทสรุป
จากเนื้อหาทั้งหมดที่กล่าวถึงในคำตอบสำหรับคำถามข้างต้นนี้ สามารถรับรู้ถึงบทสรุปที่ชัดเจนหลายประการดังต่อไปนี้คือ
ประการแรก : ประเด็นเกี่ยวกับการถือกำเนิดของท่านอมีรุ้ลมุอ์มินีนอะลี อิบนิอบีฏอลิบ (อ.) ในบัยตุลลอฮ์หรืออาคารกะอ์บะฮ์นั้น เป็นประเด็นที่ชัดเจนยิ่งของประวัติศาสตร์ที่ไม่มีใครปฏิเสธได้ ซึ่งไม่เพียงแต่ในหนังสืออ้างอิงของชีอะฮ์เท่านั้น ทว่าในหนังสืออ้างอิงต่างๆ ของพี่น้องอะฮ์ลิซซุนนะฮ์ก็ได้รายงานเรื่องนี้ไว้อย่างมากมาย โดยที่อัลลามะฮ์อะมีนีได้รวบรวมแหล่งอ้างอิงทั้งหมดเหล่านี้ไว้ในหนังสือ “อัลฆอดีร” ของท่าน ซึ่งเราได้กล่าวไปแล้วก่อนหน้านี้
และเช่นเดียวกันนี้ ไม่ใช่แค่ตามคำพูดของนักวิชาการของชีอะฮ์เพียงเท่านั้น ทว่าตามคำพูดของนักวิชาการคนสำคัญของพี่น้องอะฮ์ลิซซุนนะฮ์ได้พิสูจน์แล้วถึงการถือกำเนิดของท่านอิมามอะลี (อ.) ในใจกลางบัยตุลลอฮ์ (อาคารกะอ์บะฮ์) โดยอาศัยบรรดาคำรายงานมุตะวาติร ซึ่งเป็นคำรายงานที่ทำให้เกิดความมั่นใจ (ยะกีน)
ประการที่สอง : แม้ว่าความลี้ลับของประเด็นนี้จะไม่เป็นที่รับรู้แก่ผู้ใดอย่างสมบูรณ์ได้ก็ตาม แต่จากคำพูดต่างๆ ทั้งหมดของนักวิชาการทั้งจากชีอะฮ์และซุนนี ทำให้รับรู้ได้เป็นอย่างดีว่า ประเด็นดังกล่าวนี้ (หมายถึงการถือกำเนิดภายในอาคารกะอ์บะฮ์) ในความเป็นจริงแล้ว คือปาฏิหาริย์และเป็นกะรอมัต (เกียรติ) อย่างหนึ่งสำหรับท่านอมีรุ้ลมุอ์มินีน (อ.) และนับได้ว่าเป็นส่วนหนึ่งจากคุณลักษณะพิเศษและเนี๊ยะอ์มัต (ความโปรดปราน) หนึ่งจากพระผู้เป็นเจ้าที่ทรงประทานให้แก่ท่าน ซึ่งตามคำพูดของนักวิชาการคนสำคัญของอะฮ์ลิซซุนนะฮ์ อย่างเช่น อาลูซี ฮากิมนัยชาบูรี และท่านอื่นๆ มันคือโชคผลของท่านอมีรุ้ลมุอ์มินีน (อ.) แต่เพียงผู้เดียว และไม่มีผู้ใดทั้งก่อนหน้าและภายหลังท่านอะลี (อ.) ที่ถือกำเนิดขึ้นในอาคารกะอ์บะฮ์
ด้วยเหตุนี้เอง จากคำพูดที่ได้อ้างไปแล้วก่อนหน้านี้จากนักวิชาการผู้ยิ่งใหญ่ทั้งสอง (คืออาลูซีและฮากิมนัยชาบูรี) โดยที่ผู้หนึ่งจากทั้งสองท่านได้กล่าวถึงประเด็นนี้ว่าเป็นกะรอมัต (เกียรติ) ของท่านอะลี (อ.) และถือเป็นความสูงส่งของสถานที่ถือกำเนิดของท่าน ส่วนอีกท่านหนึ่งได้ชี้ถึงประเด็นที่ว่า การถือกำเนิดในอาคารกะอ์บะฮ์นั้นคือความจำเริญและความโปรดปรานอันยิ่งใหญ่ (จากพระผู้เป็นเจ้า) ซึ่งคู่ควรแล้วที่ท่านอะลี (อ.) จะได้รับความจำเริญและความโปรดปรานอันยิ่งใหญ่นี้
และที่น่าประทับใจมากไปกว่าทั้งหมดก็คือ ในคำพูดของท่านอมีรุ้ลมุอ์มินีน (อ.) เองซึ่งได้กล่าวถึงไปแล้วก่อนหน้านี้ ท่านศาสดาอีซา (อ.) แม้จะเป็นหนึ่งในศาสดาอุลุ้ลอัศม์ แต่ในช่วงเวลาการถือกำเนิดของท่าน มีคำบัญชามายังมารดาของท่านว่าให้ออกไปจากมัสยิดบัยตุ้ลมักดิส เนื่องจากสถานที่ดังกล่าวเป็นสถานที่สำหรับการเคารพภักดีต่อพระผู้เป็นเจ้า ไม่ใช่สถานที่สำหรับการคลอดบุตร แต่ในช่วงเวลาการถือกำเนิดของท่านอมีรุ้ลมุอ์มินีน (อ.) ฟาฏิมะฮ์ บินติอะซัด มารดาของท่านกลับได้รับการชี้นำและถูกดลใจให้เข้าไปในอาคารกะอ์บะฮ์ซึ่งเป็นสถานที่ในการเคารพภักดีต่อพระผู้เป็นเจ้า และได้เปิดทางให้นางเข้าไปด้านในอาคารกะอ์บะฮ์ ในรูปของปาฏิหาริย์โดยการแยกออกของผนังอาคารกะอ์บะฮ์
และกรณีที่ว่า การถือกำเนิดในอาคารกะอ์บะฮ์และการเป็นชะฮีด (เสียชีวิต) ในมัสยิด ได้เป็นโชคผลสำหรับท่านนั้น เป็นเครื่องชี้ให้เห็นถึงสถานะและตำแหน่งอันสูงส่งอย่างมากของท่าน
เรียบเรียงโดย : เชคมูฮัมมัดนาอีม ประดับญาติ
Copyright © 2018 SAHIBZAMAN.NET- สื่อเรียนรู้สำหรับอิสระชนคนรุ่นใหม่