นักประวัติศาสตร์ไซออนิสต์ : อิสราเอลจะล่มสลาย / เราแพ้สงครามมาตั้งแต่ต้นแล้ว
Powered by OrdaSoft!
No result.
นักประวัติศาสตร์ไซออนิสต์ : อิสราเอลจะล่มสลาย / เราแพ้สงครามมาตั้งแต่ต้นแล้ว

ศาสตราจารย์ด้านประวัติศาสตร์และนักประวัติศาสตร์การทหารของไซออนนิสต์ ชี้ถึงการล่มสลายของกองทัพของรัฐบาลในช่วงสงครามฉนวนกาซา โดยกล่าวว่า : ความขัดแย้งของเรากับชาวปาเลสไตน์ถือเป็นสงครามที่ผ่ายแพ้มาตั้งแต่ก่อนหน้าแล้ว และอิสราเอลกำลังล่มสลาย

    ตามรายงานของสำนักข่าวตัสนีม ภายใต้วิกฤตภายในและภายนอกจำนวนมากที่ระบอบไซออนิสต์ต้องเผชิญในกรอบของผลต่าง ๆ ที่ตามมาของสงครามฉนวนกาซา และโดยเฉพาะอย่างยิ่งการแตกแยกของสังคมภายในของระบอบการปกครองนี้ "โรเกล อัลเฟอร์" นักวิเคราะห์ไซออนิสต์คนสำคัญ ได้กล่าวในบทความในหนังสือพิมพ์ฮาอาเรตซ์ภาษาฮีบรูว่า "เบนจามิน เนทันยาฮู" นายกรัฐมนตรีอิสราเอล กำลังวางแผนที่จะทำลายหน่วยงานต่าง ๆ ของอิสราเอล ผ่านคณะรัฐมนตรีชุดที่ 6 ของเขา

    "นาฮุม บาร์เนีย" ผู้เชี่ยวชาญและนักเขียนของไซออนิสต์ ก็ได้วิพากษ์วิจารณ์นโยบายของเนทันยาฮูและคณะรัฐมนตรีของเขาอย่างรุนแรง และเตือนว่า สังคมอิสราเอลได้แตกแยกอย่างสิ้นเชิง และอิสราเอล (ปาเลสไตน์ที่ถูกยึดครอง) ไม่ใช่สถานที่ที่ปลอดภัยและสงบสุขสำหรับชาวยิวอีกต่อไป

อิสราเอลจะสิ้นสลาย

    อย่างไรก็ตาม ศาสตราจารย์มาร์ติน แวน คาโรลด์ นักประวัติศาสตร์การทหารของไซออนิสต์ ประกาศว่า สงครามไซออนิสต์กับชาวปาเลสไตน์เป็นสงครามที่ล้มเหลว และจะนำไปสู่การทำลายล้างอิสราเอลในที่สุด

    นักประวัติศาสตร์การทหารไซออนิสต์ผู้นี้ ซึ่งเป็นศาสตราจารย์ด้านประวัติศาสตร์การทหารที่มหาวิทยาลัยฮีบรูในกรุงเยรูซาเล็มที่ถูกยึดครอง เน้นย้ำในบทความเรื่อง "อิสราเอลจะล่มสลาย" ว่าอิสราเอลกำลังดำเนินกลยุทธ์เฉพาะสำหรับการขับไล่ชาวปาเลสไตน์จำนวนมาก และยืนยันว่าชาวปาเลสไตน์ทั้งหมด จะต้องออกไปจากแผ่นดิน

    เขากล่าวว่า : เรามีขีปนาวุธและหัวรบนิวเคลียร์หลายร้อยลูกที่เราสามารถยิงในพื้นที่ต่างๆ ได้ แม้กระทั่งยิงไปยังประเทศต่างๆ ในแถบยุโรป ภายใต้ข้ออ้างการทำลายความมั่นคงภายในของตน อิสราเอลป้องกันการเปิดเผยข้อมูลเกี่ยวกับอาวุธที่แปลกใหม่ที่ตนได้ผลิตขึ้น และนโยบายที่ทำให้เข้าใจผิดและความคลุมเครือเกี่ยวกับปัญหาอาวุธนิวเคลียร์นี้มีอยู่ในทุกยุคสมัย และตอนนี้ในสมัยของ “เดวิด บาร์เนีย” ในฐานะหัวหน้ากลุ่มมอสสาดก็ยังคงเป็นเช่นนี้

    คาโรลด์กล่าวต่อไปอีกว่า : เมื่อสองปีที่แล้ว มีชาวอิสราเอลเพียง 7-8% เท่านั้นที่สนับสนุนให้ขับไล่ชาวปาเลสไตน์ทั้งหมด แต่เมื่อสองเดือนที่แล้ว สัดส่วนของชาวอิสราเอลที่ต้องการให้ขับชาวปาเลสไตน์มีถึง 33% และตอนนี้ตามการสำรวจของ ชาวอิสราเอล 55% ของพวกเขาเน้นย้ำถึงความจำเป็นในการขับไล่ชาวปาเลสไตน์ และเชื่อว่าเราจำเป็นต้องใช้ทุกเหตุการณ์ที่เปิดโอกาสให้เรามีโอกาสทองในการขับไล่ชาวปาเลสไตน์ เช่นเดียวกับสิ่งที่เกิดขึ้นในปี 1948 และชาวปาเลสไตน์ถูกฆ่าหรือไม่ก็หลบหนี

กองทัพอิสราเอลแตกสลายเพราะความโง่เขลาของผู้บังคับบัญชา

    เกี่ยวกับประเด็นที่ว่า ในกรณีที่ขับไล่ชาวปาเลสไตน์ออกนอกประเทศ อิสราเอลกลัวหรือไม่ที่จะถูกแนะนำในโลกในฐานะอาชญากรหรือ เขากล่าวว่า : อิสราเอลเป็นองค์กรที่โดยพื้นฐานแล้วไม่สนใจว่าโลกจะพูดอะไรเกี่ยวกับเรื่องนี้ และในที่นี้เราต้องกล่าวถึงคำพูดของโมเช ดายัน อดีตรัฐมนตรีกลาโหมอิสราเอล ที่เคยกล่าวไว้ว่า "อิสราเอลจะต้องทำตัวเหมือนสุนัขบ้าอยู่เสมอ เพราะมันจำเป็นต้องทำให้ดูเป็นอันตรายในสายตาของคนอื่นๆ และนี่ก็ยังดีกว่าที่จะให้คนอื่น ๆ สามารถทำร้ายอิสราเอลได้”

    นักประวัติศาสตร์ไซออนิสต์ผู้นี้ ชี้ถึงข้อเท็จจริงที่ว่าอิสราเอลสามารถกำหนดเป้าหมายไปยังประเทศต่างๆ ในยุโรปด้วยขีปนาวุธและหัวรบนิวเคลียร์จำนวนหลายร้อยลูก และกล่าวว่า : กองทัพของเราอยู่ในอันดับที่สองหรือสามในโลก และเรามีอำนาจที่จะทำลายโลกทั้งใบได้ด้วยการดึงตัวเองลงต่ำ และเราสามารถแก้แค้น "การฆ่าล้างเผ่าพันธุ์" ได้ด้วยการทำลายชาวเยอรมันและชาวยุโรปหลายล้านคน ผมขอบอกพวกท่านว่าสิ่งนี้จะเกิดขึ้นก่อนที่อิสราเอลจะถูกทำลายล้าง

    เขาได้ชี้ถึงตัวชี้วัดหลายประการเกี่ยวกับการเสื่อมถอยของสภาพกองทัพไซออนิสต์ ตั้งแต่ผู้บังคับบัญชาไปจนถึงบรรดาทหาร และเน้นย้ำว่า : "วันนี้ เรากำลังเห็นการแพร่กระจายของความโง่เขลาและความไม่รอบคอบในหมู่ผู้บังคับบัญชา การหนีทหารอย่างกว้างขวางจากการรับราชการ การแพร่กระจายของยาเสพติดในหมู่กองทัพ การลักลอบขนและขายอาวุธของกองทัพอิสราเอลโดยกองกำลังของกองทัพนี้ไปยังกลุ่มชาวปาเลสไตน์ และโดยรวมแล้วการล่มสลายของกองทัพซึ่งเป็นเหตุทำให้ชาวอิสราเอลมีแรงจูงใจในการอพยพไปยังอเมริกา ยุโรปและออสเตรเลียและพึ่งพาต่างประเทศในการคุ้มครองตนเองมากขึ้น

    ขณะนี้ นอกเหนือจากภัยคุกคามภายนอกที่เพิ่มขึ้นต่อไซออนิสต์ภายใต้สงครามฉนวนกาซา ความขัดแย้งภายในระหว่างไซออนิสต์ด้วยกับการเข้ามาสู่อำนาจของคณะรัฐมนตรีเนทันยาฮู และการผูกขาดอำนาจในมือของกลุ่มเฉพาะและสุดโต่ง ซึ่งได้สร้างความไม่พอใจให้กับพรรคการเมืองหลายพรรคและความโกรธแค้นของประชาชนทวีความรุนแรงขึ้นอย่างมาก

     ในอีกด้านหนึ่ง กิเดียน เลวี ผู้เชี่ยวชาญไซออนิสต์กล่าวในเรื่องนี้ว่า : เรากำลังเผชิญกับสภาวะที่ยากลำบากที่สุด โรคมะเร็งของอิสราเอลได้มาถึงระยะสุดท้ายแล้ว และไม่มีวิธีรักษาให้หายขาด และโรคนี้ก็ไม่สามารถรักษาให้หายได้ด้วยระบบโดมเหล็กหรือกำแพงกั้นหรือระเบิดนิวเคลียร์เช่นกัน

     "ทามีร์ ปาร์โด" หัวหน้ากลุ่มมอสสาดในขณะนั้น ก็ได้กล่าวถึงในเรื่องนี้ว่า : แม้ว่าจะมีการพูดคุยกันมากมายเกี่ยวกับภัยคุกคามครั้งใหญ่ต่ออิสราเอล แต่ภัยคุกคามที่ใหญ่ที่สุดสำหรับพวกเราชาวอิสราเอลคือการเกิดขึ้นของปรากฏการณ์ "การทำลายตนเอง" ที่ปรากฏชัดในหลายปีมานี้และบังคับเราให้ต้องหยุดเส้นทางอันหายนะนี้ก่อนจะถึงจุดที่ไม่อาจหวนกลับได้ เนื่องจากอิสราเอลจะล่มสลายไปเอง


ที่มา : สำนักข่าวตัสนีม

Copyright © 2024 SAHIBZAMAN.NET- สื่อเรียนรู้สำหรับอิสระชนคนรุ่นใหม่

ผู้เยี่ยมชมอยู่ขณะนี้

มี 690 ผู้มาเยือน และ ไม่มีสมาชิกออนไลน์ ออนไลน์

21397360
Today
Yesterday
This Week
Last Week
This Month
Last Month
All days
5807
54466
114862
20904429
881897
2496676
21397360

อ 17 ก.ย. 2024 :: 02:15:35