ขบวนการต่อต้านของเลบานอนที่เรียกว่าฮิซบุลลอฮ์ได้เปิดฉากโจมตีตอบโต้อีกครั้งยังตำแหน่งทางทหารของอิสราเอลและนิคมที่ผิดกฎหมายในพื้นที่ทางตอนเหนือของดินแดนปาเลสไตน์ที่ถูกยึดครอง เพื่อสนับสนุนชาวปาเลสไตน์ในฉนวนกาซาและเพื่อตอบโต้ต่อการโจมตีอย่างไม่ลดละทั่วเลบานอนโดยระบอบการปกครองเทลอาวีฟ
กลุ่มดังกล่าวกล่าวในแถลงการณ์สั้น ๆ เมื่อเช้าวันจันทร์ ( 21 ต.ค.) ว่า สมาชิกของพวกเขาโจมตีด้วยการยิงจรวดถล่มกลุ่มทหารอิสราเอลในพื้นที่คาลลิท วารดา ซึ่งอยู่ตรงข้ามกับหมู่บ้าน ไอต้า อัล ซาบ ของเลบานอน
นักรบฮิซบุลลอฮ์ยังได้ยิงจรวดใส่กองทหารอิสราเอลที่ประจำการอยู่ที่พื้นที่จาบัลคาฮิล ใกล้หมู่บ้านมารูน อัล-ราส ทางตอนใต้ของเลบานอน และทางฝั่งตะวันออกของหมู่บ้านมาร์คาบาอีกด้วย
นอกจากนี้ ขบวนการต่อต้านยังได้ยิงจรวดโจมตีที่ตั้งฐานปืนใหญ่ของกองทัพอิสราเอลในโมชาฟ เบตฮิลเลล ทางด้านเหนือของดินแดนที่ยึดครองอีกด้วย
กองกำลังอิสราเอลที่รวมตัวกันที่ฐานทัพอัลมาลิกียะห์ก็ถูกโจมตีด้วยจรวดเช่นกัน และนักรบฮิซบุลลอฮ์ได้ยิงจรวดหลายสิบลูกไปที่นิคม คิร์ยาต ชโมนาที่ผิดกฎหมาย
นักรบฮิซบุลลอฮ์ยังได้ยิงจรวดไปที่ตำแหน่งปืนใหญ่ของอิสราเอลในเขตนิคมโอเด็มที่ผิดกฎหมายบนที่ราบสูงโกลันที่ถูกยึดครองอีกด้วย
ก่อนหน้านี้ ขบวนต่อต้านของเลบานอนได้โจมตีฐานทัพฟิลอนของกองทัพอิสราเอล ซึ่งเป็นสำนักงานใหญ่ของกองพลที่ 210 และฐานทัพติรัตคาร์เมล ในตอนใต้ของเมืองไฮฟา ด้วยการยิงจรวดเช่นกัน
นอกจากนี้ ฮิซบุลลอฮ์ยังโจมตีเมืองไฮฟาและฐานทัพแซมสันของกองทัพอิสราเอล ใกล้กับทะเลสาบทิเบเรียส ด้วยการโจมตีด้วยจรวดขั้นสูง
อิสราเอลตั้งเป้าโจมตีเลบานอนมาตั้งแต่เดือนตุลาคม พ.ศ. 2566 เมื่อเปิดฉากสงครามฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ในฉนวนกาซา
ฮิซบุลเลาะห์ตอบโต้การรุกรานด้วยปฏิบัติการตอบโต้จำนวนมาก โดยมุ่งเป้าไปที่ดินแดนปาเลสไตน์ที่ถูกยึดครอง
นับตั้งแต่ปลายเดือนกันยายนเป็นต้นมา อิสราเอลได้ยกระดับการโจมตีกลุ่มฮิซบุลลอฮ์ ด้วยการลอบสังหารซัยยิด ฮัสซัน นัสรุลลอฮ์ ผู้นำของกลุ่มและบุคคลระดับสูงอีกหลายคน
ตามข้อมูลรายงานของกระทรวงสาธารณสุขเลบานอน มีผู้เสียชีวิตจากการยิงโจมตีของอิสราเอลอย่างน้อย 2,350 ราย และได้รับบาดเจ็บอีก 10,906 รายนับตั้งแต่การปะทะเริ่มต้นขึ้นเมื่อปีที่แล้ว
ขบวนการต่อต้านของเลบานอนให้คำมั่นว่า จะดำเนินปฏิบัติการต่อต้านอิสราเอลต่อไปตราบเท่าที่ระบอบการปกครองอิสราเอลยังคงทำสงครามฉนวนกาซา ซึ่งจนถึงขณะนี้ได้สังหารชาวปาเลสไตน์ไปแล้วอย่างน้อย 42,519 ราย ส่วนใหญ่เป็นผู้หญิงและเด็ก
ที่มา : สำนักข่าวอัลมายาดีน
Copyright © 2024 SAHIBZAMAN.NET- สื่อเรียนรู้สำหรับอิสระชนคนรุ่นใหม่