อยาตุลลอฮ์ คอเมเนอี : อิหร่านไม่จำเป็นต้องมีกองกำลังตัวแทน
อยาตุลลอฮ์ คอเมเนอี : อิหร่านไม่จำเป็นต้องมีกองกำลังตัวแทน

อยาตุลลอฮ์ ซัยยิด อาลี คอเมเนอี ผู้นำการปฏิวัติอิสลาม กล่าวว่า อิหร่านไม่มีหรือจำเป็นต้องมีกองกำลังตัวแทน และเน้นย้ำว่า กองกำลังต่อต้านในเยเมน เลบานอน และปาเลสไตน์ กำลังดำเนินการเพียงลำพังด้วยพลังแห่งความศรัทธา เพราะความเชื่อบังคับให้พวกเขาทำเช่นนั้น พวกเขาไม่ได้เป็นตัวแทนของเรา

    เมื่อวันอาทิตย์ที่ 22 ธันวาคม อยาตุลลอฮ์ คอเมเนอี กล่าวข้อคิดเห็นดังกล่าวในการประชุมกับผู้ร่วมไว้อาลัยและนักสรรเสริญจำนวนมากในกรุงเตหะราน

    อยาตุลลอฮ์ คอเมเนอี กล่าวถึงท่านหญิงฟาติมะฮ์ อัล ซะฮ์รอ (อ.) บุตรีของท่านศาสดามุฮัมมัด (ซ็อล) ว่า เป็นแบบอย่างที่สมบูรณ์แบบสำหรับมนุษยชาติทั้งมวลในเรื่อง "การยืนหยัดเพื่อความจริง ความเพียร ความกล้าหาญ ความตรงไปตรงมา และความเข้มแข็งในการใช้เหตุผลและการโต้แย้ง"

    ผู้นำการปฏิวัติอิสลาม ยังเน้นย้ำถึงความพยายามของศัตรูที่จะแพร่กระจายความกลัว การแบ่งแยก และความสิ้นหวังว่า ลักษณะเฉพาะของผู้ติดตามซาตาน คือการพูดเกินจริงและการกุเรื่อง และวิธีแก้ไขก็คือ การ ต่อสู้ (ญิฮาด) ด้วยการชี้แจง การพูดความจริง และการเสนอข้อโต้แย้งอย่างมีเหตุผล

   อยาตุลลอฮ์ คอเมเนอี ชี้ให้เห็นถึงความล้มเหลวของระบอบไซออนิสต์ในการบรรลุเป้าหมายต่าง ๆ ในความพยายามที่จะทำลายล้างกลุ่มฮามาสและกลุ่มต่อต้านของฮิซบุลลอฮ์โดยกล่าวว่า "ประชาชาติที่น่าเคารพในภูมิภาคนี้ ด้วยพระคุณของพระเจ้า จะโค่นล้มระบอบการปกครองที่น่ากลัวนี้ และสร้างวันพรุ่งนี้ที่ดีกว่าให้กับภูมิภาคนี้"

    เมื่อกล่าวถึงประเด็นในภูมิภาค รวมถึงสถานการณ์ในซีเรีย ผู้นำการปฏิวัติอิสลามแห่งอิหร่านกล่าวว่า “กลุ่มผู้ก่อจลาจลพร้อมด้วยความช่วยเหลือและการวางแผนของรัฐบาลต่างชาติ สามารถใช้ประโยชน์จากจุดอ่อนภายในซีเรียจนทำให้ประเทศเข้าสู่ความวุ่นวายได้”

    อยาตุลลอฮ์ คอเมเนอี ย้ำคำพูดก่อนหน้านี้เกี่ยวกับกลยุทธ์สองทางของสหรัฐฯ สำหรับประเทศในภูมิภาค ซึ่งเกี่ยวข้องกับ "การสถาปนาระบอบเผด็จการที่ยอมจำนนต่อประเทศเหล่านั้น" หรือถ้าไม่ประสบผลสำเร็จ ก็คือ "การปลุกปั่นความไม่สงบในประเทศ"

    ตามที่เว็บไซต์ khamenei.ir รายงาน ผู้นำกล่าวว่า “แผนการของพวกเขาในซีเรียทำให้เกิดความไม่สงบและโกลาหล และตอนนี้ทั้งสหรัฐฯ ระบอบไซออนิสต์ และพันธมิตรของพวกเขา ต่างรู้สึกได้รับชัยชนะ และหันไปอ้างสิทธิ์เกินจริงและพูดจาไร้สาระ เหมือนกับพวกสาวกของซาตาน”

    อยาตุลลอฮ์ คอเมเนอี ยังอ้างคำแถลงของเจ้าหน้าที่สหรัฐฯ เกี่ยวกับการ “ให้ความช่วยเหลือและการสนับสนุนแก่ใครก็ตามที่ก่อให้เกิดความไม่สงบในอิหร่าน” เป็นตัวอย่างของวาทกรรมโอ้อวดของศัตรู และกล่าวเสริมว่า “ชาติอิหร่านด้วยก้าวเดินที่แข็งแกร่งของพวกเขาจะเหยียบย่ำทหารรับจ้างสหรัฐฯ คนใดก็ตามที่ยอมรับบทบาทนี้”

    เพื่อตอบโต้คำกล่าวอ้างชัยชนะอย่างโอ้อวดของกลุ่มไซออนิสต์ ผู้นำการปฏิวัติอิสลามถามว่า “การสังหารผู้หญิงและเด็กกว่าสี่หมื่นคนด้วยระเบิด แต่ไม่สามารถบรรลุวัตถุประสงค์ที่ประกาศไว้แม้แต่ข้อเดียวตั้งแต่เริ่มสงคราม ถือเป็นชัยชนะหรือไม่”

    ผู้นำการปฏิวัติอิสลามถามเสริมว่า “คุณได้ทำลายฮามาสหรือปลดปล่อยเชลยศึกในฉนวนกาซาได้แล้วหรือไม่? แม้ว่าผู้นำที่ยิ่งใหญ่เช่น ซัยยิด ฮัสซัน นัสรุลลอฮ์ จะสละชีพแล้ว คุณสามารถกำจัดฮิซบุลลอฮ์ในเลบานอนได้หรือไม่”

   ขณะที่ผู้นำกล่าวปราศรัยถึงกลุ่มไซออนิสต์ อยาตุลลอฮ์ คอเมเนอี ได้กล่าวถึงกลุ่มต่อต้านในภูมิภาค รวมทั้งกลุ่มฮิซบุลลอฮ์ ฮามาส และกลุ่ม อิสลามิกญิฮาด ว่า ยังคงดำเนินต่อไปอย่างเข้มแข็ง “ดังนั้น พวกท่านจึงไม่ได้รับชัยชนะ แต่พวกท่านกลับพ่ายแพ้”  

    อยาตุลลอฮ์ คอเมเนอี ให้เหตุผลว่า การที่กลุ่มไซออนิสต์บุกเข้าไปในดินแดนซีเรียและการยึดครองบางพื้นที่นั้นเกิดจากการขาดการต่อต้าน แม้แต่จากทหารเพียงคนเดียว “การเคลื่อนไหวที่ไร้การขัดขวางเช่นนี้ไม่ใช่ชัยชนะแน่นอน ไม่ต้องสงสัยเลยว่า เยาวชนซีเรียผู้ภาคภูมิใจและกล้าหาญจะขับไล่คุณออกไปจากที่นั่น”

    ประเด็นที่สามที่อยาตุลลอฮ์ คอเมเนอี กล่าวไว้เกี่ยวกับสถานการณ์ในภูมิภาค กล่าวถึงสงครามจิตวิทยาและการโฆษณาชวนเชื่อต่ออิหร่าน โดยอ้างว่า จะสูญเสียกองกำลังตัวแทนภายในภูมิภาค

    โดยเน้นย้ำว่า สาธารณรัฐอิสลามแห่งอิหร่านไม่มีตัวแทน เขากล่าวว่า “พวกเขามักพูดเสมอว่าสาธารณรัฐอิสลามสูญเสียกองกำลังตัวแทนในภูมิภาค! นี่เป็นข้อผิดพลาดอีกครั้ง! สาธารณรัฐอิสลามไม่มีกองกำลังตัวแทน เยเมนต่อสู้เพราะมีศรัทธา ฮิซบุลลอฮ์ต่อสู้เพราะพลังแห่งความศรัทธานำพวกเขามาสู่สนาม ฮามาสและญิฮาดต่อสู้ เพราะความเชื่อของพวกเขาบังคับให้พวกเขาทำเช่นนั้น พวกเขาไม่ได้เป็นตัวแทนของเรา ถ้าเราอยากจะลงมือสักวันหนึ่ง เราก็ไม่จำเป็นต้องมีกองกำลังตัวแทน”

    ผู้นำเน้นย้ำและเสริมว่า หากสาธารณรัฐอิสลามต้องการดำเนินการใดๆ ก็ตาม ไม่จำเป็นต้องมีกองกำลังตัวแทน “เหล่าบุรุษผู้ซื่อสัตย์และมีเกียรติในเยเมน อิรัก เลบานอน ปาเลสไตน์ และหากพระเจ้าประสงค์ พระองค์จะทรงส่งคนเหล่านี้ไปยังซีเรียในเร็ว ๆ นี้ กำลังต่อสู้กับการกดขี่และอาชญากรรมของระบอบไซออนิสต์ที่ถูกบังคับใช้ สาธารณรัฐอิสลามก็กำลังต่อสู้เช่นกัน และด้วยพระประสงค์ของพระเจ้า เราจะกำจัดระบอบนี้ออกจากภูมิภาค”

    เมื่อกล่าวถึงการเกิดขึ้นของกลุ่มฮิซบุลลอฮ์ท่ามกลางการจลาจลและสงครามกลางเมืองในทศวรรษ 1980 ในเลบานอน อยาตุลลอฮ์ คอเมเนอี กล่าวว่า “จากใจกลางของภัยคุกคามและความไม่มั่นคงเหล่านั้น โอกาสอันน่าทึ่งได้เกิดขึ้นในรูปแบบของกลุ่มฮิซบุลลอฮ์แห่งเลบานอน เหตุการณ์เช่นการพลีชีพของบุคคลสำคัญอย่างซัยยิด อับบาส มูซาวี ไม่เพียงแต่ทำให้ขบวนการอ่อนแอลงเท่านั้น แต่ยังทำให้ขบวนการแข็งแกร่งขึ้นด้วย อนาคตและปัจจุบันของการต่อต้านจะยังคงเหมือนเดิม”

    อยาตุลลอฮ์ คอเมเนอี เน้นย้ำว่า การสร้างโอกาสจากภัยคุกคามระดับลึกนั้นต้องอาศัยความระมัดระวัง ความรับผิดชอบ และการปฏิบัติหน้าที่ของตนให้สำเร็จ ผู้นำการปฏิวัติยืนยันว่า อนาคตของภูมิภาคจะดีขึ้นในวันพรุ่งนี้มากกว่าวันนี้

    อยาตุลลอฮ์ คอเมเนอี กล่าวว่า “เราคาดการณ์ว่า จะมีกลุ่มคนที่แข็งแกร่งและมีเกียรติเกิดขึ้นในซีเรียเช่นกัน เนื่องจากเยาวชนในซีเรียในปัจจุบันไม่มีอะไรจะสูญเสียอีกแล้ว โรงเรียน มหาวิทยาลัย บ้านเรือน และถนนหนทางของพวกเขาเต็มไปด้วยความไม่ปลอดภัย ดังนั้น พวกเขาจึงต้องยืนหยัดอย่างมั่นคงต่อต้านผู้ที่วางแผนและสืบสานความไม่ปลอดภัยนี้ และพยายามเอาชนะมันให้ได้”

    ในช่วงแรกของการกล่าวสุนทรพจน์ ขณะที่อธิบายถึงแบบอย่างที่สมบูรณ์ของท่านหญิงฟาติมะฮ์ ซะฮ์รอ (อ.) ผู้นำได้กล่าวว่า “ชีวิตของเธอทั้งหมด โดยเฉพาะช่วงสั้น ๆ หลังจากการเสียชืวิตของท่านศาสดา (ซ็อลฯ) ถูกใช้ไปกับการชี้แจงความจริงและรากฐานที่มั่นคงของศาสนาอิสลามอย่างต่อเนื่อง สิ่งนี้ทำหน้าที่เป็นแบบอย่างและจุดสูงสุดที่แม้ว่าจะไม่สามารถบรรลุได้อย่างสมบูรณ์ แต่ก็ควรเป็นทิศทางที่เรามุ่งมั่นจะมุ่งไป”

    ท่านผู้นำได้กล่าวถึงว่า การนำเอาแบบอย่างที่สมบูรณ์ของหญิงฟาติมะฮ์ ซะฮ์รอ (อ.) มาเป็นแบบอย่างนั้น ถือเป็นหนทางที่จะดึงดูดความรักจากบุคคลผู้มีเอกลักษณ์เฉพาะตัวได้ “แบบอย่างที่สำคัญที่สุดประการหนึ่งก็คือ การชี้แจงความจริงอย่างต่อเนื่อง แท้จริงแล้ว การไว้อาลัยเป็นการสานต่อแนวทางของญิฮาดในการชี้แจงนี้”

    อยาตุลลอฮ์ คอเมเนอีได้กล่าวถึงนักกวี ประพันธ์บทไว้อาลัยว่า เป็นผู้ที่ฝึกฝนญิฮาดโดยใช้คำพูด บทกวีไว้อาลัยเป็นสื่อที่มีอาวุธครบครันและเป็นรูปแบบศิลปะแบบผสมผสาน ซึ่งมิติต่าง ๆ ปรากฏออกมาในรูปแบบและเนื้อหา คำพูดและความหมาย บทกวี ทำนอง และเสียง การจัดการมวลชน และการโต้ตอบแบบพบหน้ากับผู้คน”

    อยาตุลลอฮ์ คอเมเนอี ถือว่าการชี้แจงประเด็นปัจจุบันเป็นสิ่งจำเป็นอย่างแท้จริง โดยอ้างถึงการวางแผนและการใช้จ่ายที่ซ่อนเร้นและเปิดเผยของศัตรู เพื่อปลูกฝังความสงสัยและบิดเบือนความจริง อยาตุลลอฮ์ คอเมเนอีกล่าวว่า “นักเคลื่อนไหวเพื่อสิทธิเสรีภาพเป็นกลุ่มคนที่สามารถตอบสนองต่อศัตรูได้อย่างเหมาะสมและมีประสิทธิผลผ่านญิฮาดเพื่อชี้แจง สร้างความตระหนักรู้ ส่งเสริมความหวัง และสร้างพลวัต”

    อยาตุลลอฮ์ คอเมเนอี กล่าวถึงเป้าหมายสามประการของศัตรูต่อต้านอิสลามและต่อต้านอิหร่าน คือ “การปลูกฝังความกลัว การปลูกฝังความขัดแย้ง และการสร้างความสิ้นหวัง” ท่านผู้นำกล่าวว่า “กลอุบายและงานหลักของซาตานคือการปลูกฝังความกลัวและความหวาดกลัว ผู้ที่เกี่ยวข้องกับวรรณกรรม บทกวี และความคิดควรถ่ายทอด ‘ความกล้าหาญ ความตระหนักรู้ และการต่อต้าน’ ให้กับผู้คนโดยใช้ตรรกะที่น่าพอใจ”


ที่มา : สำนักข่าวตัสนีม

Copyright © 2024 SAHIBZAMAN.NET- สื่อเรียนรู้สำหรับอิสระชนคนรุ่นใหม่

ผู้เยี่ยมชมอยู่ขณะนี้

มี 447 ผู้มาเยือน และ ไม่มีสมาชิกออนไลน์ ออนไลน์

25193765
Today
Yesterday
This Week
Last Week
This Month
Last Month
All days
19271
38686
57957
24887231
379468
1079962
25193765

จ 23 ธ.ค. 2024 :: 16:54:14